ตอนที่ 4 นักเดินทางข้ามมายังจักรวาลมาร์เวล!
ตอนที่ 4 นักเดินทางข้ามมายังจักรวาลมาร์เวล!
กันยายน 1991 นิวยอร์ก อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ
“ได้โปรดส่งผู้อ่อนล้าและทุกข์เข็ญ ผองชนที่ใคร่ดอมดมกลิ่นอายแห่งเสรีภาพ ผู้ถูกหยามว่าเป็นเพียงเดนมนุษย์จากดินแดนของท่าน หรือภิกขาจารไร้เรือนพักอาศัย โปรดนำผู้คนเหล่านี้มาสู่อ้อมอกข้าเถิด ข้าชูคบเพลิงรอรับพวกท่าน ณ เบื้องสุวรรณบาลแห่งนี้”
“อิสรภาพ? ฮ่าฮ่าฮ่า! ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่สามารถเป็นอิสระได้จริง ๆ กัน? พวกเขาเพียงแค่กระโดดจากกรงหนึ่งไปสู่อีกกรงหนึ่งเท่านั้น” เอริคพูดขึ้นด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ โดยที่ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่บทกวีที่สลักไว้บนเทพีเสรีภาพด้วยแววตาเคลือบแคลง
“คุณตาไม่ขึ้นไปดูด้านบนหรอครับ?”
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงของเด็กชายตัวเล็กดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเขา ทำให้เอริคหันไปมองตามเสียงและพบกับเด็กชายผิวดำที่มีท่าทางเป็นเอกลักษณ์ แต่งตัวธรรมดา แต่แฝงด้วยความสง่างามและอ่อนน้อมยืนอยู่ตรงหน้า
“เจ้าหนู นายชื่ออะไร?”
“ผมชื่อทีชัลลาครับ มาจากวาคานด้า ประเทศเกษตรกรรมเล็ก ๆ ในแอฟริกา คุณลุงอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน ผมมาที่อเมริกาเพื่อศึกษา และหวังว่าจะนำอิสรภาพกลับไปให้ผู้คนในแผ่นดินของผมได้” ทีชัลลาตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงและนอบน้อม แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
“วาคานด้า . . .” เอริคอดไม่ได้ที่จะตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะส่ายหัวและยิ้มบาง ๆ “ขอโทษที ฉันคิดฟุ้งซ่านไปหน่อย นายรู้อะไรไหม เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ความคิดมันก็มักจะล่องลอยแบบนี้เสมอ”
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณตาจะไม่ขึ้นไปชมวิวจริง ๆ หรอครับ?”
“ไม่หรอก ฉันเคยคิดมาก่อนแล้ว” เอริคโบกมือและชี้ไปที่อกของทีชัลลา “รู้อะไรไหม อิสรภาพที่แท้จริง จะได้รับก็ต่อเมื่อนายแข็งแกร่งพอที่จะคว้ามันมาด้วยมือของตัวเอง”
หลังจากพูดจบเอริคก็หันหลังเดินจากไปทันที ทิ้งเด็กชายให้ยืนอยู่ที่นั่นพร้อมความสงสัยในดวงตา
“อิสรภาพ . . . อย่างน้อยจิตวิญญาณของฉันก็เป็นอิสระ และในที่สุดฉันก็ก้าวไปอีกขั้น” เอริคยิ้มและยืดหลังตรงอย่างมีความสุข ความทรงจำอันหนักอึ้งในอดีตทำให้หลังของเขาโค้งงอมานาน แต่ในวันนี้มันกลับยืดตรงขึ้นโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง!
เขาคือแม็กนีโต แต่ในอีกแง่หนึ่งเขาก็ไม่ใช่แม็กนีโตเช่นกัน
ไม่มีใครรู้ว่า หลังจากการเปลี่ยนแปลงในเส้นเวลาที่วูล์ฟเวอรีนและศาสตราจารย์เอ็กซ์พยายามกอบกู้อนาคต ได้มีดวงวิญญาณจากจักรวาลที่แท้จริงได้หลอมรวมเข้ากับร่างของแม็กนีโตโดยไม่รู้ตัว
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มาพร้อมระบบพิเศษหรือโชคดีเหมือนกับพระเอกในนิยาย
เมื่อเขาเดินทางข้ามเวลามาแม็กนีโตก็ยังมีชีวิตอยู่ และเขาก็ต้องใช้ร่างเดียวกับแม็กนีโตโดยที่เขาไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย ซึ่งในเวลานั้นเขาก็ได้รับรู้ว่าแม็กนีโตก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีพลังจิตทรงพลังมากจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้รับการเสริมความสามารถจากอะโพคาลิปส์ ทำให้พลังจิตของแม็กนีโตนั้นทรงพลังพอ ๆ กับราชินีขาว
ดังนั้นการเดินทางข้ามเวลาครั้งนี้ของเขาจึงเรียกได้ว่าเป็นโศกนาฎกรรมครั้งยิ่งใหญ่ และต้องหลบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณแม็กนีโตถึงหกสิบปี . . .
ไม่ว่าแม็กนีโตจะเห็นอะไร ได้ยินอะไร หรือรู้ว่าแม็กนีโตกำลังคิดอะไรอยู่ทุกวินาที แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
จนกระทั่งเมื่อสามปีที่แล้วแม็กนีโตได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับชาวครี และสูญเสียภรรยาที่รักไป เขาจึงสามารถกลืนกินจิตวิญญาณของแม็กนีโตและเข้าควบคุมร่างนี้ได้อย่างสมบูรณ์
ซึ่งด้วยข้อมูลที่ได้รับจากชาวครี มันจึงทำให้เขารู้ทันทีว่าตัวเองอยู่ในจักรวาลมาร์เวลที่กว้างใหญ่และมีจักรวาลคู่ขนานมากมาย โดยจักรวาลที่เขาอยู่นั้นเป็นที่รู้จักกันในนามจักรวาล ‘จักรพรรดิธานอส’ ที่ซึ่งธานอสจะฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ฮัลค์เป็นทาสของเขา และทุกสิ่งล้วนกลายเป็นเศษซากใต้เท้าของเขา
ทำให้เมื่อเขารู้เช่นนี้ เขาจึงเลือกที่จะหลบหนีจากชะตากรรมนั้นอย่างไม่ลังเล . . .
“ตอนนี้จักรวาลนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการรักษาอาการบาดเจ็บ และค้นหาวิธีที่จะฟื้นฟูความหนุ่มกลับมา” เอริคถอนหายใจพลางมองมือตนเองที่เหี่ยวย่น ร่างกายนี้อายุแปดสิบกว่าปีแล้ว ทว่าชีวิตใหม่ของเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเมื่อสามปีที่ผ่านมานี้เอง
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเดินทางข้ามจักรวาลคู่ขนาน . . .
การเดินทางข้ามมายังจักรวาลคู่ขนาดทำให้เขาได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงยิ่ง อุปกรณ์ไวเบรเนียมทั้งหมดที่ฝังอยู่ในร่างกายถูกบดขยี้จนเป็นผง จนเขาต้องใช้สนามแม่เหล็กอันทรงพลังของตัวเองเพื่อควบคุมผงไวเบรเนียมเหล่านั้นและสร้างเป็นโล่สนามแม่เหล็กเพื่อให้เขาเอาตัวรอดมาได้จนถึงวินาทีสุดท้าย
ร่างกายของเขาในตอนนี้มันแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เลย พลังงานที่ไม่รู้จักหลายชนิดกำลังกัดกร่อนระบบการทำงานภายในร่างกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาต้องใช้พลังจิตเพื่อควบคุมพลังงานเหล่านั้นเอาไว้ ส่งผลให้ตอนนี้เขาสามารถใช้พลังได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดด้วยซ้ำ
ดังนั้นในฐานะมนุษย์กลายพันธุ์ระดับโอเมก้า แม็กนีโตที่เคยสามารถใช้สนามแม่เหล็กเสริมพละกำลังให้ร่างกายได้ ไม่เพียงแค่มีพลังควบคุมสนามแม่เหล็กที่ทรงพลัง แต่ยังมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าใครอื่น แต่ตอนนี้ ร่างกายเขาเหมือนกับชายชราใกล้สิ้นลม และพลังของเขาก็ตกต่ำลงไปถึงระดับอัลฟ่าเท่านั้น
เอริคลากร่างที่อ่อนล้าเข้ามาในร้านกาแฟ และสั่งกาแฟถ้วยหนึ่งก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะใกล้หน้าต่าง เขามองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมา พร้อมกับครุ่นคิดหาวิธีที่สามารถช่วยรักษาบาดแผลของเขาหรือฟื้นฟูความเยาว์วัยได้
จักรวาลมาร์เวลนั้นกว้างใหญ่ และมีสมบัติล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งมันมีหลายอย่างที่ตรงตามความต้องการของเขา แต่โอกาสที่เขาจะหามันได้ในตอนนี้ก็ช่างน้อยนิด
ตัวเลือกแรก ยีนของวูล์ฟเวอรีน ที่มีความสามารถในการรักษาตัวเองที่ยอดเยี่ยมในจักรวาลมาร์เวล และมีหลายฝ่ายที่เคยใช้ยีนของเขาเพื่อทดลอง ดังนั้นการจะได้มายีนนี้คงไม่ใช่เรื่องยากมาก แต่การรวมยีนของมนุษย์กลายพันธุ์ที่แตกต่างกันนั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยง และร่างกายแก่ ๆ ของเขาแบบนี้ก็คงไม่สามารถแบกรับมันไหวอย่างแน่นอน
ตัวเลือกที่สอง หญ้ารูปหัวใจ จากวาคานด้า ตอนแรกที่เขาพบกับทีชัลลาหรือ แบล็คแพนเธอร์ โดยบังเอิญ เขาเกือบจะลักพาตัวทีชัลลาเพื่อต่อรองแลกกับหญ้านี้ แต่ในที่สุดเขาก็ยั้งใจเอาไว้ได้ เพราะการเข้าถึงหญ้ารูปหัวใจยังคงเป็นเรื่องยาก และถ้าหากเขาต้องการจริง ๆ ก็คงต้องหาหนทางอื่นเอา
ตัวเลือกที่สาม ‘อินฟินิตี้ ฟอร์มูล่า’ ยาวิเศษที่คิดค้นโดยเซอร์นิวตันแห่ง ‘บราเธอร์ฮูดออฟเดอะชีลด์’ โดยยาตัวนี้จะทำให้มีชีวิตยืนยาวตลอดไป และผู้ที่มีชื่อเสียงในการใช้ยาตัวนี้ก็คือผู้อำนวยการฟิวรี่แห่ง SHIELD ซึ่งเป็นคนที่ลึกลับที่สุดในจักรวาลมาร์เวล ดังนั้นถ้าหากไม่จำเป็น เอริคก็ไม่อยากข้องเกี่ยวกับคนนี้เร็วนัก
ตัวเลือกที่สี่ GH-325 สารที่สกัดจากศพของชาวครี ซึ่งมีความสามารถในการชุบชีวิตได้เหมือนที่เคยทำกับโคลสัน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ชีลด์ยังไม่ได้ตัวอย่างศพชาวครี ทำให้สารนี้ยังไม่ปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้
ต่อตัวเลือกสุดท้าย ตัวเลือกที่ 5 เซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์ ที่ถูกพัฒนาโดย ดร.อับราฮัม เออสไกน์ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดพลังของกัปตันอเมริกา ซึ่งเซรุ่มขวดสุดท้ายได้ถูกทำลายโดยกัปตันอเมริกาเอง และตอนนี้เขาก็กำลังถูกแช่แข็งในน้ำแข็งที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
แต่ถึงอย่างนั้นเอริคก็ยังคงเห็นว่านี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งหนทางหนึ่งที่เขาควรพิจารณาเกี่ยวกับมันอย่างจริงจัง
“หรือฉันจะเลือกวูล์ฟเวอรีนอีกครั้ง? เจ้าหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น . . .” เอริคพึมพำกับตนเองพลางลูบถ้วยกาแฟ
ตอนนี้เขากำลังพยายามทบทวนความทรงจำและรวบรวมข้อมูลที่อาจจะเป็นประโยชน์
โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้เริ่มนับรวมความทรงจำของแม็กนีโตเป็นของตนเองไปแล้ว เพราะเวลายาวนานที่อยู่ร่วมกันมากกว่า 60 ปีนั้นได้ทำให้เขาซึมซับทุกอย่างของแม็กนีโตเข้ามาในตัวเขาด้วยเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว เวลาที่ยาวนานก็มักเปลี่ยนแปลงผู้คนได้เสมอ . . .
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่เติบโตมาในครอบครัวธรรมดา หมกมุ่นอยู่กับหนังสือการ์ตูน นวนิยาย และภาพยนตร์ และใช้ชีวิตเรียบง่ายถึงสามสิบปีโดยไร้ซึ่งความสำเร็จใด ๆ
ทว่าเมื่อเขาข้ามมาสู่จักรวาลแห่งนี้ เขาที่ได้รับมรดกความทรงจำของแม็กนีโต และได้อาศัยอยู่กับวิญญาณแม็กนีโตมานานกว่าหกสิบปี ทำให้ระยะเวลาเกือบสองร้อยปีนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังจิตที่ทรงพลัง แต่มันก็ยังมีบางสิ่งที่อาจหลงลืมไปบ้าง
“เดี๋ยวนะ . . . เซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์! ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุดในตอนนี้!”
ทันใดนั้นความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา ทำให้เอริคยิ้มและดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นทันที
โปรดติดตามตอนต่อไป …