40 - เจ้าเหมาะสมกับการเขียนบทความหรือไม่
40 - เจ้าเหมาะสมกับการเขียนบทความหรือไม่
จูหยวนจางแค่นเสียงเย็น “เจ้าเด็กเหลวไหล เจ้าช่างใช้เล่ห์เหลี่ยมเก่งนัก เรื่องการขอเป็นศิษย์ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง วันนี้เจ้าทำการเดิมพันในสำนักกว๋อจื่อเจียน ถือเป็นเรื่องจริง เดี๋ยวข้าจะจัดการพวกเด็กซนพวกนั้นก่อน แล้วค่อยมาเก็บเจ้า!”
จูจวินยิ้มเจื่อนในขณะที่คิดในใจว่าจะหาทางออกจากสถานการณ์นี้อย่างไรให้ปลอดภัย
การขอเป็นศิษย์หลี่เอี้ยนซีถือเป็นการเดินหมากอันชาญฉลาด
หากเขาจู่ๆ มีพัฒนาการที่โดดเด่นขึ้นมา คนอื่นต้องสงสัยแน่นอน
การมีความสัมพันธ์กับหลี่เอี้ยนซีทำให้เขาสามารถค่อยๆ แสดง “ความยอดเยี่ยม” ของตนให้จูหยวนจางเห็นทีละนิด จากนั้นก็ขอตัวออกไปปกครองดินแดนของตนเองในฐานะ “อ่องจอมสำราญ” นับว่าเป็นชีวิตที่สุขสบายไม่ใช่น้อย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขากลับรู้สึกว่าหลี่เอี้ยนซีเป็นเหมือนแสงสว่างส่องทางให้เขา เปล่งประกายด้วยรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์
หลี่เอี้ยนซีมองจูจวินพลางถอนหายใจในใจ วันนี้คำพูดของเขาไม่รู้จะส่งผลเช่นไร
เขาเดิมพันอนาคตชื่อเสียงของตนเอง หากไม่สามารถทำให้จูจวินกลับตัวกลับใจได้
สิ่งเลวร้ายที่จูจวินทำในอนาคตก็เท่ากับว่าเขามีส่วนร่วมด้วย
แต่เขาก็เชื่อว่าจูจวินแม้จะนิสัยดื้อรั้น แต่ก็แค่ต้องการใครสักคนมาชี้นำเขา
ดังนั้น เขาจึงมั่นใจในตัวเอง
ไม่นาน หวังโก่วเอ๋อก็กลับมาและรายงานเหตุการณ์ทั้งหมดให้จูหยวนจางฟัง
จูหยวนจางหรี่ตาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวตรงกับที่จูจวินพูด คือจูเติ้งและจูถังเป็นฝ่ายยั่วยุก่อน จูจวินไม่ต้องการลงมือ จึงตกลงเดิมพัน
เรื่องนี้ทำให้จูหยวนจางรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เพราะก่อนหน้านี้จูจวินชอบทะเลาะวิวาทและต่อสู้กันเป็นชีวิตจิตใจ พร้อมจะลงมือตลอดเวลา
แต่ครั้งนี้กลับอดทนต่อการยั่วยุของสองคนนั้นได้
เมื่อเห็นสีหน้าของจูหยวนจางเริ่มผ่อนคลาย ซ่งเหลียนรีบกล่าวขึ้นทันที “ฝ่าบาท ถึงจะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่อาจปกปิดความผิดของอู่อ๋องได้
มีคำกล่าวว่า สิบพนันเก้าแพ้ ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไรที่ต้องบ้านแตกสาแหรกขาดเพราะการพนัน
ผลกระทบของมันร้ายแรงยิ่งกว่าการต่อสู้เสียอีก
หากวันข้างหน้า อู่อ๋องเล่นพนันทุกวัน กระหม่อมคิดว่าคงไม่ต้องเรียกสำนักกว๋อจื่อเจียนแล้ว ควรเปลี่ยนเป็นบ่อนพนันจะดีกว่า
นักเรียนที่อบรมออกมา ก็จะกลายเป็นเซียนพนัน
วันนี้เสียเงิน วันหน้าก็คงเอาแผ่นดินต้าเย่ของฝ่าบาทมาลงพนันจนล่มจม!”
“อาจารย์ซ่ง ข้ายอมรับว่าการพนันมีโทษร้ายแรงกว่าการทะเลาะวิวาท แต่ข้าเล่นพนันก็เพื่อชี้นำพวกเขาไปในทางที่ดี!”
จูจวินรีบกล่าว “อาจารย์หลี่มอบหมายงานในชั้นเรียนให้เราเขียนความหมายของคำว่า ‘ความเมตตา’
ดังนั้นข้าจึงเดิมพันว่า ใครเขียนบทความได้ดีกว่าก็ชนะ
แม้จะมีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ท่านลองคิดดู วันนี้พวกเขาต้องคิดจนสมองแทบระเบิดเพื่อเขียนบทความที่ดี
นี่มิใช่เพราะข้าหวังดีต่อพวกเขาหรือ
หรืออาจารย์ซ่งคิดว่าข้าทำไปเพราะหวังเพียงเงินเท่านั้น?
หากคิดเช่นนั้น คงดูถูกข้ามากเกินไปแล้ว!”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนมีสีหน้าประหลาดใจ
เจ้าจะไปสู้ใครเขาเรื่องบทความ?
แม้แต่ชื่อของตัวเองยังเขียนเบี้ยวไปมา แล้วคิดจะสู้ใคร?
ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะทำได้ แม้แต่หลี่เอี้ยนซีก็ได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้า
นี่มันเรื่องไร้สาระชัดๆ
หากเป็นเรื่องต่อสู้ เล่นไก่ชน หรือหมาต่อสู้ เจ้าบ้าจูคลั่งคนนี้ในหมู่เชื้อพระวงศ์ก็ไม่มีใครกล้าท้าทาย
แต่เรื่องการเรียน? นั่นคงเป็นอันดับบ๊วยตลอดกาล
ซ่งเหลียนถึงกับหัวเราะเย้ยหยัน กล่าวต่อจูหยวนจาง “ฝ่าบาท ท่านก็ได้ยินที่อู่อ๋องกล่าวแล้ว เขาบอกว่าจะไปแข่งเขียนบทความกับฉีอ๋องและลู่อ๋อง
ทั้งสองท่านแม้การเรียนจะไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยม แต่ก็ถือว่าดีไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่าอู่อ๋องเพียงแค่หาข้ออ้างเพื่อกลืนเงินเดิมพันเหล่านั้น!”
จูหยวนจางหน้าถมึงทึง “เจ้าเด็กไม่เอาไหน คิดว่าข้าหลอกง่ายอย่างนั้นหรือ?
เจ้าเหมาะกับการเขียนบทความหรือ?
ฮ่องเต้โกรธแค้นเป็นฟืนเป็นไฟ
จูอิงสงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “อาหกนี่สุดยอดจริงๆ ถึงกับกล้าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าฮ่องเต้”
แต่ถ้าเขาไม่ช่วยจูจวิน วันนี้จูจวินต้องแย่แน่ เขากัดฟันกล่าวว่า “ฝ่าบาท อาหกของหลานอาจไม่มีพรสวรรค์ด้านการเขียนมากนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถเรียนรู้ได้!
การที่เขาไม่ต้องการใช้กำลัง ไม่ใช่แสดงว่าเขาได้เริ่มปรับเปลี่ยนตัวเองแล้วหรือ?
การเดิมพันเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่เดิมพันกลับไม่ใช่สิ่งที่อาหกถนัด เช่นกินดื่มเที่ยวเล่น หากแต่เป็นเรื่องการเรียน!
ใช้จุดอ่อนของตนโจมตีจุดแข็งของผู้อื่น นี่ไม่ใช่ความกล้าหรอกหรือ?
ดังนั้นหลานคิดว่า อาหกมีความกล้าหาญที่น่ายกย่อง
สองท่านอาจารย์ก็อยู่ที่นี่ ทำไมไม่เรียกอาเจ็ดกับอาสิบมา สอบถามต่อหน้าทุกคน
ถึงแม้อาหกจะแพ้ อย่างน้อยเขาก็ยอมรับโดยดี
บุรุษตระกูลจูของเรา รู้จักแพ้รู้จักชนะเสมอ!”
จูหยวนจางมองจูอิงสงอย่างพอใจ พลางลูบศีรษะของเขาด้วยความเอ็นดู “เจ้าลิงน้อย เจ้ายังอุตส่าห์แก้ต่างให้เจ้าเด็กเหลวไหลนี่ เอาเถอะ เจ้าก็พูดมีเหตุผลอยู่บ้าง เช่นนั้นเรียกทุกคนในสำนักกว๋อจื่อเจียนมารวมกัน
เราจะสอบถามพร้อมกัน!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” จูอิงสงรีบกล่าวขอบคุณ
ซ่งเหลียนถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “องค์ชายใหญ่ทรงมีเมตตา ฝ่าบาททรงมีวาสนา อาณาจักรต้าเย่ของเราก็มีวาสนาด้วย!”
แม้จะดูถูกจูจวิน แต่เขากลับพอใจในตัวจูอิงสงอย่างมาก
เด็กอายุเท่านี้แต่มีความเฉลียวฉลาดและเมตตาขนาดนี้ ในอนาคตต้องเป็นฮ่องเต้ที่ทรงธรรมแน่นอน!
จูหยวนจางยิ้มและพยักหน้า “หลานชายของข้าย่อมรู้ความอยู่แล้ว!”
“ฝ่าบาท หลานจะไปตามพวกเขาพร้อมกับอาหกเอง!” พูดจบ เขาก็ไม่รอให้จูหยวนจางตอบ รีบวิ่งไปลากจูจวินขึ้นมา “ไปเถอะ อาหก!”
ทั้งสองวิ่งออกจากตำหนักเฟิ่งเทียน จูหยวนจางได้แต่นั่งส่ายหน้าด้วยความปลง ท่านจะไม่รู้หรือว่าจูอิงสงคิดอะไรอยู่?
นี่คือการไปช่วยอาหกที่ไม่เอาไหนของเขาอย่างแน่นอน
“หลานชาย ขอบใจมาก!” จูจวินกล่าว
หากไม่มีจูอิงสงช่วยในวันนี้ เขาคงแย่แน่
“ขอบใจอะไรกัน ท่านเป็นอาแท้ๆ ของข้า ข้าต้องปกป้องท่าน!” จูอิงสงกล่าว พลางลดความเร็วลง เขาขมวดคิ้วกล่าวต่อ “อาหก เวลาน้อยนัก ข้าไม่มีเวลาคิดบทความอย่างละเอียด
ข้าจะพูดคร่าวๆ ให้ฟัง ท่านจดจำไว้ ต่อให้ไม่ค่อยต่อเนื่องก็ไม่เป็นไร
เพราะถึงอย่างไร......ทุกคนก็รู้ว่าฝีมือการเขียนของท่านเป็นอย่างไร แบบนี้กลับดูสมจริง
แต่อย่าลืม หากมีคนจงใจยั่วโทสะท่าน หรือลวงให้ท่านพูดความจริง ท่านห้ามหลุดปากเด็ดขาด!”
จูจวินลูบศีรษะของเขา “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าจะลากข้าออกมา เจ้าก็แค่จะช่วยข้านี่เอง”
“ไม่ต้อง ข้ารู้ว่าฝีมือการเขียนข้าไม่ดี แต่ข้าก็ไม่กลัวพวกเขา เรื่องแค่เขียนถึง ‘ความเมตตา’ ข้าคิดไว้แล้ว
บทความของเจ้าก็เก็บไว้เขียนเองเถอะ” จูจวินกล่าว
จูอิงสงร้อนใจ “อาหก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะดื้อรั้น!”
“บุรุษต้องกล้าหาญ เจ้าเข้าใจหรือไม่?” จูจวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โธ่ อาหก ขอร้องล่ะ อย่าดื้อได้ไหม!” จูอิงสงแทบร้องไห้ “ถ้าท่านแพ้ ต้องจ่ายเงินเดิมพันเป็นแสนตำลึง ท่านจะเอาเงินจากไหนมาจ่าย?”
ด้วยนิสัยของจูจวิน ไม่มีทางที่เขาจะเบี้ยวแน่นอน
หากพวกนั้นถือเดิมพันมาทวง ถึงแม้จะต้องขายทุกสิ่งทุกอย่าง จูจวินก็คงยอมจ่ายคืน!
“ไม่ต้องห่วง ถึงเวลานั้นอาจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่แก่เจ้า!” จูจวินจับมือจูอิงสงไว้ ด้วยท่าทีไร้ความกลัวแม้แต่น้อย
ตลอดทางจูอิงสงพยายามโน้มน้าว แต่เมื่อเห็นไร้หนทาง เขาจึงได้แต่กระซิบบทความคร่าวๆ ที่ยังไม่ค่อยต่อเนื่องแต่มีเหตุผลอย่างยิ่งให้จูจวินฟัง!
…………