ตอนที่แล้ว30 - ล่มจมไปเอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป32 - ใบบัวเขียว ดอกบัวขาว และเหง้าบัว

31 - ผู้ที่ได้ใจคนย่อมได้แผ่นดิน


31 - ผู้ที่ได้ใจคนย่อมได้แผ่นดิน

จูจวินยกตัวอย่างได้ยืดยาว แต่คำพูดเหล่านั้นแม้ดูธรรมดา ทว่ามีเหตุผลชัดเจน

ขุนนางเหล่านั้นพูดว่าอย่างไร?

“ปิดประตูเมือง ไม่ให้ผู้ประสบภัยเข้ามา”

จูหยวนจางปรารถนาที่จะรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว จะปล่อยให้ผู้ประสบภัยเหล่านั้นถูกทอดทิ้งได้อย่างไร?

ตอนนี้คำพูดของจูจวินตรงกับความคิดในใจของเขาอย่างยิ่ง

“นี่เรียกว่า ‘ผู้ที่ได้ใจคน ย่อมได้แผ่นดิน!’” จูหยวนจางแก้คำพูด

“ใช่ๆ พี่ใหญ่ก็พูดแบบนี้!” จูจวินตบปากตัวเอง “ข้าก็แค่โง่ ไม่มีความรู้ ไม่รู้จะพูดอย่างไร!”

“เจ้าไม่ได้โง่ เจ้าก็แค่ป่วย มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า!” สายตาที่จูหยวนจางมองจูจวินนั้น อ่อนโยนยิ่งขึ้น

จูจวินถึงกับไม่รู้ว่าจูหยวนจางกำลังด่าหรือชมเขากันแน่ เขาหัวเราะแห้งๆ และกล่าวว่า “ท่านพ่อ พวกเราต้องต้อนรับผู้คนเหล่านี้ให้พวกเขาพึงพอใจ

จากนั้นหาวิธีดึงคนของพวกเขามาให้หมด ปล่อยให้พวกเขาไม่มีใครเหลือใช้งาน

คนไหนมีความสามารถ พวกเราก็ให้ตำแหน่งสูงศักดิ์และผลตอบแทนดีๆ แก่พวกเขา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่มา”

“เจ้าพูดถูก แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ!” จูหยวนจางกล่าว “แม้จะมีการสอบคัดเลือก แต่ก็จัดขึ้นทุกสามปี ข้ารู้สึกว่าคนยังไม่พอใช้อยู่ดี!”

ตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์มาเก้าปี การสอบคัดเลือกจัดเพียงสองครั้ง และผู้เข้าสอบส่วนใหญ่เป็นคนทางใต้ ในขณะที่ทางเหนือนั้นแทบไม่มีใคร (ทางใต้เป็นดินแดนอารยธรรมเดิมของชาวฮั่น ส่วนทางเหนือเป็นกลุ่มคนที่หลอมรวมระหว่างชาวฮั่นและชาวหูซึ่งเป็นคนนอกด่าน)

เขารู้สึกว่าขาดคนมีความสามารถ

“เปิดการสอบพิเศษสิ!” จูจวินกล่าว “ท่านพ่อ ถ้าข้าพูด ข้าคิดว่าดีที่สุดคือหลอกคนอ่านหนังสือจากเฉินฮั่นและต้าโจวมาร่วมสอบคัดเลือกของพวกเรา

หากพวกเขาสอบผ่าน พวกเราก็ใช้พวกเขา แบบนี้แล้ว ยังจะกังวลว่าไม่มีคนใช้อีกหรือ?”

จูหยวนจางถึงกับอึ้งไปอีกครั้ง “เจ้าหนูนี่ ใจใหญ่จริง หากพวกสายลับแฝงตัวเข้ามาเพื่อลอบสังหารพวกเราล่ะ?”

จูจวินกล่าว “หรือท่านคิดว่าราชวงศ์ของเราตอนนี้จะไม่มีคนทรยศ?”

จูหยวนจางรู้สึกว่าวิธีนี้ดีมาก แต่ความเสี่ยงก็ไม่น้อย

หากเปิดการสอบพิเศษและประกาศสู่แผ่นดิน คาดว่าจะสามารถหลอกคนอ่านหนังสือจากเฉินฮั่นและต้าโจวได้จริง

สิ่งที่เขาต้องการคือใจคน

และใจคนอยู่ในมือของเหล่าบัณฑิต

“เรื่องนี้ยังไม่ต้องรีบ!” จูหยวนจางกดความกระหายใจในใจลง “ทั้งหมดนี้พี่ใหญ่เป็นคนบอกเจ้าหรือ?”

“ไม่ใช่ พี่ใหญ่ไม่ได้บอกข้าเรื่องนี้ ข้าแค่เห็นจวี้เป่าหลัวดึงคนเก่งๆ มาใช้ เสิ่นต้าเป่าก็ใช้วิธีนี้ล่อคนจากโรงเตี๊ยมอื่น

พอขุดเอาคนเก่งๆ ของโรงเตี๊ยมเหล่านั้นออกจนหมด ต่อให้มีธุรกิจ ก็ไม่มีคนดูแล สุดท้ายก็ไม่มีใครอยากไปกินข้าวที่นั่นอีก!”

จูจวินจะไม่ปล่อยให้มีจุดบกพร่องชัดเจน หากพี่ใหญ่กลับมา แล้วพ่อไปถามขึ้นมาจะทำอย่างไร?

“ดูเหมือนว่าเจ้าคลุกคลีอยู่กับเสิ่นต้าเป่าก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว!” จูหยวนจางกล่าว

“ท่านพ่อ ความจริงเสิ่นต้าเป่าก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร หรือท่านพ่อจะปล่อยตัวพวกเขาเสีย ข้าไม่มีเพื่อนมาก เสิ่นต้าเป่าก็ถือว่า...เป็นเพื่อนคนหนึ่ง!”

จูจวินกล่าวด้วยความกล้าหาญ ขณะนี้จูหยวนจางอารมณ์ดี ลองหยั่งเชิงดูสักหน่อย

ถ้าสำเร็จก็ได้สองคนที่หาเงินเก่งมาใช้งานฟรีๆ

ถ้าไม่สำเร็จ ก็ไม่มีอะไรเสียหายสำหรับเขา!

“ไม่ได้ พ่อลูกตระกูลเสิ่นปล่อยไม่ได้!” จูหยวนจางปฏิเสธทันที เรื่องเกี่ยวกับจูอวี้เขาไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ

“พี่น้องเอ๋ยต้องขอโทษพวกเจ้าแล้ว”

จูจวินลอบถอนใจในใจ ดูเหมือนว่าพ่อลูกตระกูลเสิ่นจะต้องตายแน่นอน

น่าเสียดาย เสิ่นว่านเชียนเป็นคนที่มีความสามารถในการทำธุรกิจ

“วันนี้ที่เราคุยกัน เจ้าห้ามบอกใครเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่? โดยเฉพาะเรื่องการสอบพิเศษ ห้ามพูดแม้แต่ครึ่งคำ” จูหยวนจางกล่าว

“ถ้าพี่ใหญ่ถามขึ้นมา บอกได้หรือไม่?”

“บอกได้!” จูหยวนจางพยักหน้า “ไม่ว่าจะเรื่องอะไร เจ้าบอกพี่ใหญ่ได้ทุกอย่าง!”

“อ้อ!”

ความจริงจูจวินค่อนข้างอิจฉาจูอวี้ที่เป็นรัชทายาทคนโปรด คงมีแต่จูเปียวแห่งราชวงศ์หมิงเท่านั้นที่ได้รับความโปรดปรานเช่นนี้

ขอเพียงอย่าให้เขาต้องมีชะตากรรมสั้นเหมือนจูเปียวก็พอแล้ว

การมีพี่ชายแบบนี้ ยังไงชีวิตก็เดินทางได้สะดวกสบาย

“เจ้าหลังจากนี้ หากไม่มีอะไรทำ ก็ไปเรียนพร้อมกับหลานๆ ของเจ้าเถอะ!” จูหยวนจางกล่าว

จูจวินชะงัก ที่ว่าไปเรียนก็คือสถานศึกษาที่จูหยวนจางตั้งขึ้นเพื่อเหล่าองค์ชายในราชวงศ์

และอาจารย์ผู้สอนในนั้นคือซ่งเหลียน อาจารย์ที่ปรึกษาของพี่ใหญ่จูอวี้

ซ่งเหลียนดำรงตำแหน่งราชครู และเป็นปราชญ์ที่เลื่องลือในแผ่นดิน

“ท่านพ่อ แบบนี้ไม่เหมาะมั้ง ข้าก็โตป่านนี้แล้ว จะให้ไปเรียนร่วมกับเด็กน้อย...” จูจวินกล่าวอย่างหมดคำพูด เพราะในนั้นล้วนแต่เป็นเด็กเล็ก

ส่วนใหญ่เป็นน้องชายหรือหลานๆ เขา หากเขาเข้าไปเรียนคงถูกหัวเราะจนตายแน่

“บอกให้ไปก็ไป อย่าพูดจาไร้สาระ!” จูหยวนจางถลึงตาใส่ “ก่อนหน้านี้พ่อไม่ดูแลเจ้าดี แต่ตั้งแต่วันนี้ หากเจ้ายังทำตัวเหลวไหลอีก พ่อจะตีเจ้าให้ตาย!

หากพรุ่งนี้เจ้าไม่ไป อย่าหาว่าพ่อไม่ปรานี

อีกอย่าง เมื่อไปเรียนแล้ว เจ้าต้องให้ความเคารพอาจารย์ที่สอน

พ่ออาจจะเป็นเพียงชาวไร่ชาวนา แต่ไม่ได้หมายความว่าพ่อไม่รักการเรียนรู้!”

เมื่อครั้งที่จูหยวนจางก่อกบฏ เขาได้เชิญเหล่าบุคคลสำคัญมาสอนอ่านเขียนให้แก่ตนเอง แม้เขาจะมีพื้นเพเป็นชาวบ้านธรรมดา แต่กลับรักการเรียนรู้ยิ่งนัก

พร้อมกันนั้น เขายังเคร่งครัดเรื่องการศึกษาแก่ลูกหลานอย่างมาก เขาไม่อยากให้ลูกหลานของเขากลายเป็นคนที่แทบไม่รู้หนังสือ

จูจวินพยักหน้าด้วยความไม่เต็มใจ ในใจเขารู้สึกยินดีที่รอดพ้นจากความเสี่ยงเรื่องชีวิต แต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าเขาจะถูกควบคุมจนเกินไป

แล้วอย่างนี้เขาจะสนุกกับชีวิตอันหรูหราได้อย่างไร?

ไม่ได้ เขาต้องหาวิธีออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด

คนพวกนี้มีกลอุบายลึกซึ้ง หากเขาหลงกลแล้วออกมาไม่ได้ ชีวิตคงจบสิ้น

“นอกจากนี้ ต่อไปทุกวันที่หนึ่งและสิบห้าของเดือน เจ้าต้องเข้าร่วมฟังราชการด้วย!”

“อา!” จูจวินทำหน้าบูดบึ้ง “ท่านพ่อ ปล่อยข้าเถอะ ข้าไม่สนใจเรื่องการเมืองเลยสักนิด!”

“เจ้าไร้ความสามารถ! ตอนนี้แผ่นดินยังไม่รวมเป็นหนึ่ง เจ้าในฐานะอ๋องคนอื่นๆ คิดจะปล่อยชีวิตไปวันๆ อย่างนั้นหรือ?”

จูหยวนจางเดิมทีรู้สึกพอใจที่จูจวินมีความก้าวหน้าขึ้นบ้าง แต่เมื่อเห็นเขาต่อต้านถึงเพียงนี้ก็ทั้งโกรธทั้งโมโห “พ่อบอกเจ้าไว้เลยว่า ลูกของข้าจูหยวนจาง อาจจะใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยได้ แต่ห้ามไร้ศักดิ์ศรี และห้ามอ่อนแอเป็นคนไม่มีความมั่นคง”

“ถ้าอย่างนั้น ข้าไปประจำอยู่เมืองชายแดนได้ไหม?”

“เจ้ามีความสามารถหรือ?” จูหยวนจางโกรธจัด “ตัวเจ้ามีน้ำหนักอยู่แค่ไหนคิดจะไปประจำอยู่เมืองชายแดน?

เจ้ารู้จักบริหารเมืองไหม?

รอให้เจ้าโตขึ้น มีความสามารถมากกว่านี้ ค่อยมาคุยเรื่องนี้อีก

ไม่อย่างนั้น ตลอดชีวิตของเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกจากอิงเทียนเลย!”

จูจวินถึงกับหมดกำลังใจ ทำไมจูหยวนจางถึงไม่เล่นตามกฎ?

“ท่านพ่อ ข้า...”

เขากำลังจะโต้แย้ง แต่ในตอนนั้นหยางเสียนเดินเข้ามา “ฝ่าบาท กระหม่อมกลับมาจากการไหว้พระแล้ว!”

จูหยวนจางแค่นเสียงเย็นชา แล้วหันไปทางจูจวินอย่างไม่พอใจ “กลับไปเตรียมตัวให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ไปเรียนให้ตรงเวลา ถ้ามาสาย อย่าหาว่าพ่อจะไม่ปรานี!”

จูจวินหัวเราะอย่างขื่นขม ไม่มีทางเลือก แม้เขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่เรื่องดูเหมือนจะดำเนินไปในทางที่ควบคุมไม่ได้

ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย ต้องค่อยๆ คิดหาวิธีต่อไป

“พระบิดาลูกทูลลา!”

จูจวินกล่าวจบก็เดินจากไป

หยางเสียนที่อยู่ด้านข้างหรี่ตาลงด้วยความสงสัย ฝ่าบาทเหตุใดถึงพูดคุยกับจูจวินผู้บ้าคลั่งอย่างมีอารมณ์ดีเช่นนี้?

น่าแปลกจริงๆ

จูหยวนจางกุมมือไว้ข้างหลัง กลับมาแสดงท่าทีเคร่งขรึมดังเดิม “หยางเสียน ผลจากการสืบสวนเป็นอย่างไรบ้าง?”

…………..

3 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด