บทที่ 64 : โจวซงกับจักรพรรดิแรดยักษ์สงคราม
บทที่ 64 : โจวซงกับจักรพรรดิแรดยักษ์สงคราม!
ณ เมืองสี่วิญญาณ ถนนเยว่ถิง
ถนนสายนี้เป็นตลาดที่คึกคักที่สุดของเมือง ร้านค้าสองข้างทางส่วนใหญ่เป็นร้านขายของเกี่ยวกับอสูรและโรงพยาบาลอสูร
ตอนนี้ถนนเต็มไปด้วยผู้คน เเละพวกเขากำลังโห่ร้อง เฉลิมฉลอง ราวกับกำลังต้อนรับบุคคลสำคัญ
“ขอทางหน่อย!”
“เฮ้! นายเหยียบเท้าฉัน!”
“ขอโทษที ขอทางหน่อยครับ!”
เซียวซิงหยูเคลื่อนตัวผ่านฝูงชนอย่างรวดเร็วราวกับภูตผี จนไปถึงแถวหน้าสุดได้สำเร็จ
ตรงกลางถนนมีกองทัพปรมาจารย์อสูรกลุ่มหนึ่งกำลังเคลื่อนผ่าน ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าๆที่นำขบวนมีหนวดเครา มีใบหน้าที่ดูแข็งกร้าว มีผิวที่หยาบกร้านซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากมามากขนาดใหน
“ดูจากเสื้อผ้าและสีผิวของพวกเขาแล้ว กองทัพนี้ต้องมาจากชายแดนตะวันตกของประเทศมังกรแน่ๆ”
ข้างกายชายคนนั้นมีอสูรขนาดมหึมาตัวหนึ่ง เเละมันคือแรดตัวสีน้ำเงินเข้ม
มันตัวใหญ่เท่าช้างเอเชียสองตัวรวมกัน เขาบนหัวของมันเปล่งประกายสีทองอร่าม ร่างกายถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีน้ำเงินที่หนาและแข็งแกร่ง
เซียวซิงหยูเปิดใช้งานดวงตาเทพอสูรโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น, ข้อมูลของเเรดตัวนี้ก็ปรากฏขึ้นทันที
…….
[ชื่อ]: แรดยักษ์สงคราม
[ระดับ]: ระดับจักรพรรดิ (ขั้นที่ 2)
[สายเลือด]: เผ่าอสูรยักษ์สงคราม (สายเลือดคุณภาพระดับเทพเจ้า)
[พรสวรรค์]: เสียงคำรามเเห่งสงคราม (เสียงคำรามสามารถเพิ่มขวัญกำลังใจของกองกำลังฝ่ายเดียวกันและยังเพิ่มพลังพลังโจมตีและป้องกันของพวกเขาได้, ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้เกราะของศัตรูอ่อนลงได้บางส่วน)
[คุณสมบัติ]: สายพลังจิต (พลังยักษ์ทำลายล้าง)
[ความภักดี]: 150
……
โดยปกติแล้ว ความภักดีของอสูรจะมีคะแนนเต็มที่ 100 แต่ถ้าอสูรและปรมาจารย์อสูรต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมานาน ผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาด้วยกันหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน…คะแนนความภักดีก็จะเกิน 100 และสามารถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความผูกพันที่มีต่อกัน
“เหอะๆ...”
หลังจากที่เซียวซิงหยูดูข้อมูลแล้ว เขาก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้
“เจ้าเเรดตัวใหญ่นี่เป็นอสูรรระดับจักรพรรดินี่เอง ถึงว่าทำไมออร่าถึงได้แข็งแกร่งคล้ายกันกับออร่าของลูลู่”
ทันใดนั้น ในหัวของเซียวซิงหยูมีเสียงของเดลลูดังขึ้น
“จักรพรรดิแรดยักษ์สงครามเป็นเผ่ายักษ์สงคราม พวกนี้ชอบการต่อสู้เป็นชีวิตจิตใจ เมื่อก่อนเผ่าของพวกเขากับเผ่าจิ้งจอกเก้าหางก็เคยมีเรื่องบาดหมางกันอยู่บ่อยๆ”
เดลลูไม่ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องบาดหมางในอดีต, เพราะข้อมูลเหล่านั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเซียวซิงหยู
หลังจากที่เซียวซิงหยูละสายตาจากจักรพรรดิแรดยักษ์สงคราม เขาก็มองไปที่ชายมีหนวดเครา
บนหน้าอกของชายคนนั้นมีตราสัญลักษณ์รูปดาวแปดดวง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของปรมาจารย์อสูรระดับแปดดาว
“ปรมาจารย์อสูรระดับแปดดาวที่ประจำการอยู่ชายแดนตะวันตก ต้องเป็นพลโท หรือไม่ก็...”
ขณะที่เซียวซิงหยูกำลังเดาอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงผู้คนรอบข้างตะโกนอย่างตื่นเต้น
“ยินดีต้อนรับท่านเจ้าเมืองโจวกลับบ้าน!”
“ท่านเจ้าเมืองโจว ท่านลำบากตรากตรำเฝ้าชายแดนทุกวันทุกคืน พวกเราขอขอบคุณท่านมาก!”
“นี่คือไข่ไก่สดที่แม่ไก่ของฉันออกไข่ โปรดรับไว้ด้วย!”
“ท่านอย่าปฏิเสธน้ำใจของพวกเราเลย ท่านเป็นวีรบุรุษของประเทศมังกร เป็นความภาคภูมิใจของเมืองสี่วิญญาณของเรา!”
“เจ้าเมืองโจว?” เซียวซิงยูตกตะลึงแล้วพึมพำกับตัวเอง
“คนที่ถูกเรียกว่าเจ้าเมือง มีเพียงแค่เจ้าเมืองทั้งสี่ที่ประจำการอยู่ตามเมืองปราการทั้งสี่ทิศของประเทศมังกร”
“เจ้าเมืองโจวคนนี้มาจากชายแดนตะวันตก เมืองที่เขาประจำการอยู่ก็คือหวางเยียนเชิง... แซ่โจว...”
ทันใดนั้น เซียวซิงหยูก็นึกขึ้นได้
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นพ่อของโจวเย่นี่เอง”
โจวซง เจ้าเมืองหวางเยียนเชิง
ปกติเเล้วเขาจะประจำการอยู่ที่ชายแดนตะวันตก คอยปกป้องดินแดนของประเทศมังกรจากการรุกรานของอสูรป่าจากต่างแดน
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของชายคนนี้ และรอยแผลเป็นมากมายบนตัวของจักรพรรดิแรดยักษ์สงคราม แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยยากและความเสียสละที่พวกเขาทำเพื่อประเทศชาติ
….
“กลิ่นของหญ้าหางนกฟีนิกซ์มาจากกระเป๋าของเขา!”
ทันใดนั้น เสียงของเดลลูก็ดังขึ้นในหัวของเซียวซิงหยูอีกครั้ง
“หญ้าหางนกฟีนิกซ์จะขึ้นที่ธารน้ำแข็งไล่กู่ ซึ่งเป็นที่อยู่ของอสูรป่าจำนวนมาก…อย่างไรก็ตามธารน้ำแข็งไล่กู่อยู่ห่างจากเมืองหวางเยียนเชิงไม่กี่กิโลเมตร ข้าไม่แปลกใจเลยที่โจวซงจะหาหญ้าหางนกฟีนิกซ์มาได้”
เมื่ออธิบายเสร็จ เดลลูก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือน
“ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ เจ้าย่อมไม่สามารถเข้าไปในธารน้ำแข็งไล่กู่ซึ่งมีอสูรระดับสูงมากมายอาศัยอยู่ได้…ถ้าเจ้าอยากได้หญ้าหางนกฟีนิกซ์ นี่เป็นโอกาสเดียวเท่านั้น”
“ลูลู่…เธอพูดเหมือนมันง่ายนะ ฉันกับโจวซงไม่ได้เป็นญาติกันสักหน่อย เเบบนี้จะให้ฉันไปขโมยของจากเขางั้นเหรอ?” เซียวซิงหยูได้เเต่ยิ้มแห้งๆ
“เจ้าน่ะฉลาดจะตาย ลองหาวิธีดูเอาสิ…เเต่ตอนนี้ข้าง่วงแล้ว ขอนอนก่อนนะ”
“ลูลู่...” ตราอสูรบนมือของเซียวซิงหยูหรี่แสงลง ราวกับว่าเดลลูปิดการติดต่อสื่อสารไปแล้ว
เซียวซิงหยูหันกลับไปร่วมโห่ร้องกับฝูงชนเพื่อต้อนรับการกลับมาของโจวซง…ในขณะเดียวกัน เขาก็คิดหาทางที่จะได้หญ้าหางนกฟีนิกซ์มาจากโจวซง
“หรือว่าจะต้องขโมยจริงๆ?”
“เหอะๆ ฉันเป็นแค่ปรมาจารย์อสูรระดับสองดาว จะไปขโมยของจากปรมาจารย์อสูรระดับแปดดาวได้ยังไงฟะ!”
“ต้องหาวิธีที่ฉลาดกว่านี้...”
เเละทันใดนั้นเอง เซียวซิงหยูก็สังเกตเห็นบางอย่าง
จักรพรรดิแรดยักษ์สงครามที่อยู่ข้างกายโจวซงดูเหมือนจะกระสับกระส่าย พร้อมส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวดออกมาเบาๆ
เซียวซิงหยูมีดวงตาเทพอสูร ซึ่งมันทำให้การมองเห็นของต่างจากคนอื่น…รูม่านตาสีแดงของเขาเปรียบเสมือนกล้องจุลทรรศน์ที่สามารถมองเห็นสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปมองไม่เห็น
ณ ขณะนี้…ในรูหู ใต้ผิวหนังรักแร้ และตามขนของจักรพรรดิแรดยักษ์สงคราม มีไข่แมลงสีน้ำตาลอมเหลืองเกาะอยู่เต็มไปหมด
ไข่แต่ละฟองกำลังดูดไขมันและเลือดใต้ผิวหนังของจักรพรรดิเเรดยักษ์สงคราม, ไข่บางฟองฟักออกมาเป็นตัวคล้ายมด กำลังกัดกินผิวหนังของจักรพรรดิแรดยักษ์สงคราม
แมลงตัวเล็กๆเหล่านี้ที่คนทั่วไปมองไม่เห็น เเละคือสาเหตุที่ทำให้จักรพรรดิเเรดยักษ์สงครามรู้สึกไม่สบายตัว
ด้วยดวงตาเทพอสูร เซียวซิงหยูจึงเป็นคนเดียวที่สามารถมองเห็นความผิดปกตินี้ได้
“มีวิธีแล้ว...” เซียวซิงหยูนึกแผนการได้ทันที
“เด็กน้อย อย่ามาเบียดสิ!”
“โอ๊ย!”
เซียวซิงหยูเซถลาออกจากฝูงชน เเละขณะที่เขากำลังจะล้ม มือใหญ่ที่ทรงพลังก็ยื่นมาจับไหล่เขาไว้ได้เสียก่อน
“น้องชาย ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เสียงของโจวซงทรงพลังสมชื่อของเขา
“ขอบคุณท่านเจ้าเมืองโจวครับ”
เสื้อผ้าของเซียวซิงหยูทำให้โจวซงสนใจทันที
“เธอเป็นนักเรียนของวิทยาลัยชิงหลงงั้นเหรอ?”
เมื่อเซียวซิงหยูพยักหน้ารับ โจวซงก็มองเขาด้วยความชื่นชมแล้วตบไหล่เซียวซิงหยู
“วีรบุรุษมักเกิดในหมู่คนหนุ่มสาว การที่เธอสอบเข้าวิทยาลัยชั้นยอดทั้งสี่ได้ แสดงว่าเธอต้องมีพรสวรรค์ไม่น้อย หวังว่าในอนาคต…เธอจะเป็นกำลังสำคัญของประเทศนะ”
โจวซงมองเซียวซิงหยูอีกครั้ง, รอบนี้แววตาของชายผู้แข็งแกร่งคนนี้ดูอ่อนโยนลง
“อายุเธอเท่าๆกับลูกชายฉันเลย ลูกชายฉันก็สอบเข้าวิทยาลัยทั้งสี่ได้เหมือนกัน แต่เขาไม่ได้อยู่วิทยาลัยชิงหลง เขาอยู่วิทยาลัยไป๋หู่”
ลูกชายของโจวซงก็คือโจวเย่นั่นเอง
เเละในขณะนี้ ที่เวทีการแข่งขันซูเปอร์โนว่า…โจวเย่ก็กำลังต่อสู้กับมู่หรงซินซินอยู่
เมื่อเซียวซิงหยูสามารถดึงดูดความสนใจของโจวซงได้แล้ว เขาก็รีบเข้าเรื่องทันที
“ท่านเจ้าเมืองโจว อสูรของท่าน…ดูเหมือนจะป่วยนะครับ”
โจวซงขมวดคิ้ว “ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้น?”
“มันดูเหมือนจะเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา, ดวงตามันแดงก่ำ แสดงว่าเส้นประสาทอ่อนแอ…ขนก็ไม่เงางาม ดูเหมือนจะกินอะไรไม่ค่อยได้หรือนอนไม่หลับมานาน”
“เเล้วถ้าผมเดาไม่ผิด พอฝนตก มันจะมีผื่นแดงขึ้นเต็มตัว หรือแม้แต่ผิวหนังเป็นหนอง”
คำพูดนี้ทำให้โจวซงตกตะลึง จากนั้นก็มองมาที่เซียวซิงหยูด้วยความสงสัย
“เธอรู้ได้ยังไง?”
“เพราะผมเป็นเเพทย์อสูรครับ”
…………………