ตอนที่แล้วบทที่ 62 : ชัยชนะครั้งแรก, ความสนใจจากจักรพรรดินี!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 64 : โจวซงกับจักรพรรดิแรดยักษ์สงคราม

บทที่ 63 : เซียว​ซิง​หยู​กำลังจะจากไป?


บทที่ 63 : เซียว​ซิง​หยู​กำลังจะจากไป?

“การแข่งขันรอบที่สองของวิทยาลัยชิงหลงและวิทยาลัยไป๋หู่ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วครับ!”

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ซ่อมแซมเวทีที่เสียหายเสร็จ พิธีกรก็ประกาศเสียงดังอีกครั้ง

“ในตอนนี้ ผู้ที่กำลังเดินขึ้นสู่เวทีก็คือ อัจฉริยะสาวจากวิทยาลัยชิงหลง มู่หรงซินซิน!”

“เฮ~~~~!!!!”

การปรากฏตัวของมู่หรงซินซิน ทำให้ทั้งสนามเดือดพล่าน

“สาวสวยผมขาวคนนี้ เธอคือลูกสาวคนเล็กของท่านพลเอกมู่หรงใช่หรง?”

“ใช่แล้ว นายดูบุคลิกของเธอสิ แววตาที่เฉียบคมขนาดนี้…เธอได้รับความองอาจมาจากท่านพลเอกมู่หรงเต็มๆเลย!”

“ด้วยยีนในสายเลือดของเธอ อนาคตของเธอต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ!”

ตระกูลมู่หรง เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลปรมาจารย์อสูรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศมังกร

ผู้นำตระกูล-มู่หรงจิน เป็นปรมาจารย์อสูรระดับเก้าดาว และยังดำรงตำแหน่งผลเอกแห่งกองทัพเรือของประเทศมังกรด้วย

กองทัพของประเทศมังกร แบ่งออกเป็นสามกองทัพ ได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ โดยกองทัพบกและกองทัพอากาศ ต่างก็มีผู้นำของตนเองเช่นกัน นั่นคือ พลเอกไป๋หยู-ของกองทัพบก และพลเอกลู่หมิงเซียว-ของกองทัพอากาศ

มู่หรงจิน ไป๋หยู และลู่หมิงเซียว ได้รับการขนานนามว่า “แม่ทัพใหญ่ทั้งสามแห่งประเทศมังกร” พวกเขาเป็นวีรบุรุษในสายตาของประชาชน และเป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อจักรพรรดินีซ่างกวนหลาน

บนอัฒจันทร์ ซ่างกวนหลานจิบชาอุ่นๆพลางเหลือบมองมู่หรงซินซินที่อยู่บนเวที

“เด็กคนนี้ เธอเป็นลูกสาวของมู่หรงจินสินะ?”

“ใช่เพคะ เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านแม่ทัพมู่หรง เธอมีพรสวรรค์สูงมาก” นางกำนัลข้างกายพยักหน้าตอบ

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้​ ซ่างกวนหลานก็ออกคำสั่งอีกครั้ง

“จับตาดูเด็กคนนี้ไว้, เเล้วก็เตรียมบัตรเชิญเข้าค่ายฝึกวิญญาณจักรพรรดิให้เธอด้วย”

นางกำนัลชะงักไปครู่หนึ่ง “ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหมเพคะ...คำว่า ‘ด้วย’?”

คำว่า "ด้วย" นั้น บ่งบอกว่าบัตรเชิญที่ซ่างกวนหลานต้องการมอบให้มู่หรงซินซินมีใบที่สอง ส่วนใบแรกจะเป็นของใคร นางกำนัลไม่อาจคาดเดาได้เลย

“ส่วนบัตรเชิญใบแรก จงนำไปมอบให้เด็กหนุ่มคนนั้น” ซ่างกวนหลานชี้นิ้วไปที่เซียวซิงหยู

ซึ่งในขณะนั้น เซียวซิงหยูกำลังเล่นหยอกล้อกับมู่หรงหยางซั่วอย่างสนุกสนาน

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้, นางกำนัลก็​รู้สึก​ประหลาดใจมาก

นั่นเพราะเซียวซิงหยูเป็นเด็กหนุ่มจากตระกูล​ธรรม​ดาคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับบัตรเชิญเข้าร่วมค่ายฝึกวิญญาณจักรพรรดิ

ค่ายฝึกนี้เป็นค่ายฝึกสุดโหดที่จักรพรรดินีซ่างกวนหลานจะมาทำการสอนด้วยตัวเอง มีเพียงอัจฉริยะ​รุ่นใหม่ที่โดดเด่น​ที่สุด​เท่านั้นที่จะได้เข้าร่วม

…..

อย่างไร​ก็ตาม, ตอนนี้เซียวซิงหยูยังไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังถูกจับตามองโดยผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศมังกร

“พี่หยางซั่ว การแข่งขันกำลังจะเริ่มแล้ว อย่าเพิ่งเล่นสิ”

“ฉันเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ อย่าคิดอะไรไม่ดีกับน้องสาวฉัน ไม่งั้นฉัน...” มู่หรงหยางซั่วยังพูดไม่ทันจบ เสียงของพิธีกรก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

“วิทยาลัยไป๋หู่ส่งอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของรุ่นนี้ลงมาแล้ว”

“ขอเสียงต้อนรับ…โจวเย่!”

หลังจากที่​สิ้​นเสียงพิธีกร, ชายร่างผอมบางก็เดินขึ้นมาเวที

ชายคนนี้มีใบหน้าหล่อเหลา ตรงหางตามีไฝเสน่ห์จนทำให้เขาดูสวยกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก

ณ เวลานี้​ เขากำลัง​เผชิญหน้ากับเสียงเชียร์ของผู้ชมนับแสนด้วยสีหน้าเรียบเฉยเเละไร้ซึ่งความตื่นเต้นใดๆ…ดูจากความสงบ​ของเขาแล้ว เขาต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมากแน่ๆ

“พี่หยางซั่ว พี่รู้จักคู่ต่อสู้ของซินซินบ้างไหม?”

“โจวเย่น่ะเหรอ? รู้​จักสิ…พ่อของเขาเป็นเจ้าเมืองหวางเยียนเชิง เเละเขาก็มีพรสวรรค์สูงมาก ได้ข่าวว่าเขาเชี่ยวชาญการควบคุมอสูรสายพลังจิต”

ประเทศมังกรนั้นมีเมืองป้อมปราการ​อยู่สี่เมือง ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนทั้งสี่ทิศ

เมืองหวางเยียนเชิงนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกสุด ท่ามกลางทะเลทราย

“ควันจากทะเลทรายลอยตรง เส้นขอบฟ้าตัดกับดวงอาทิตย์” นี่คือบทกวีที่ใช้อธิบายเมืองหวางเยียนเชิงได้อย่างเหมาะสมที่สุด พ่อของโจวเย่เป็นเจ้าเมืองหวางเยียนเชิง ถือเป็นนายพลที่ประจำการชายแดน ปกป้องประเทศอย่างเงียบๆ มาหลายสิบปี

ในฐานะลูกชายของวีรบุรุษ ใบหน้าของโจวเย่จึงมีเเต่ออร่าเเห่งความน่าเกรงขาม

ณ เวลานี้​เซียวซิงหยูเผลอพึมพำเบาๆว่า “ออร่าของโจวเย่ดูแข็งแกร่งมาก…สมกับที่เป็นลูกชายเจ้าเมืองหวางเยียนเชิงจริงๆ”

ทันใดนั้น เขาก็ถูกมู่หรงหยางซั่วบีบคออีกครั้ง

“พี่หยางซั่ว ทำไมพี่ถึงบีบคอผมอีกแล้ว!”

“ใครใช้ให้นายไปชมศัตรูล่ะ…ฮึ่ม ไม่ว่าหมอนั่นจะเก่งมากเเค่ใหน น้องสาวของฉันก็จะต้องชนะอย่างแน่นอน​!”

เซียวซิงหยูรีบเปลี่ยนคำพูดทันที

“ซินซินต้องชนะ! ซินซินต้องชนะ!”

เมื่อ​เห็น​เเบบนี้​ มู่หรงหยางซั่วก็ปล่อยมือแล้วหันไปมองเวทีด้วยสีหน้ากังวล

หลังจาก​รอดจากการบีบคอ เซียวซิงหยูก็ถอนหายใจเเล้วบ่นพึมพำ​ทันที​

“เฮ้อ พี่ชายคนนี้ ปากบอกว่าเชื่อมั่นในตัวน้องสาว แต่จริงๆแล้วก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี”

เเต่ที่มู่ห​รง​หยาง​ซ​ั่วจะกังวล​ก็ไม่ใช่​เรื่อง​แปลก​อะไร, เพราะการต่อสู้ครั้งนี้มันสูสีคู่​คี่มาก

โจวเย่เป็นผู้เข้าแข่งขันตัวเต็งที่แข็งแกร่งที่สุดของวิทยาลัยไป๋หู่ เป็นไพ่ตายในมือของจูชิงหยู

ส่วนมู่หรงซินซินก็เป็นผู้มีพรสวรรค์สูงสุดของวิทยาลัยชิงหลง เธอเพิ่งชนะการแข่งขันจัดอันดับนักศึกษาใหม่มา (ส่วนเซียวซิงหยูต้องออกจากการแข่งขันตั้งแต่รอบแปดคนสุดท้ายเพราะอาการบาดเจ็บ)

ทั้งสองคนมีภูมิหลังครอบครัวที่ดี, เเละพรสวรรค์ก็ไม่ต่างกันมากนัก ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้อาจจะดุเดือดมาก และอาจจะตัดสินผลแพ้ชนะได้ยากมาก

“ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่าย โปรดอัญเชิญอสูรของตนออกมา!” กรรมการตะโกนก้อง

เเต่ทันใดนั้นเอง เซียวซิงหยูก็ได้ยินเสียงของเดลลูดังขึ้นในหู

“ฉันได้กลิ่นหญ้าหางนกฟีนิกซ์”

“ลูลู่​ เธอพูดจริงเหรอ?” เซียวซิงหยูตื่นเต้นขึ้นมาทันที

น้ำค้างจากหญ้าหางนกฟีนิกซ์เป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญในการเพาะเมล็ดพันธุ์เถาวัลย์สวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้ตามท้องตลาด

แต่ว่า หญ้าหางนกฟีนิกซ์จะขึ้นในเขตธารน้ำแข็งทางตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นที่อันตรายมาก…ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ เซียวซิงหยูไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่อันตรายแบบนั้นหรอก

“ฉันมั่นใจว่านี่คือกลิ่นของหญ้าหางนกฟีนิกซ์ กลิ่นนี้มาจากทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากเราไปแค่สองช่วงตึก”

เผ่าพันธุ์จิ้งจอกเก้าหางมีประสาทรับกลิ่นที่เหนือกว่าอสูรอื่นๆ เซียวซิงหยูไม่สงสัยในประสาทรับกลิ่นของเดลู่เลย เขาจึงหันไปหาเฉินฉีเหนียน แล้วเริ่มแสดงละครโดยเอามือกุมท้องพร้อมทำสีหน้าเจ็บปวด

“อาจารย์เฉิน ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

“รีบไปรีบกลับล่ะ!”

เซียวซิงหยูเดินออกจากกลุ่มคน แล้วออกจากสนามไปอย่างรวดเร็ว​

“ลูลู่ เธอแน่ใจนะว่าเป็นทางนี้?”

“แน่ใจ กลิ่นมันแรงขึ้นเรื่อยๆเเล้ว”

……

อีกด้านบนเวที

โจวเย่เปิดตราอสูร จากนั้นก็มีหมาป่าสีขาวตัวใหญ่กระโดดออกมาจากวงเวทย์, บนหัวของมันมีเขาแหลมคมเเละมีดวงตาที่เป็นสีแดงเลือด

ซึ่งพิธีกรก็ได้แนะนำอสูร​ตัวนี้ทันที​

“โจวเย่อัญเชิญหมาป่าตาปีศาจออกมาแล้วครับ นี่เป็นอสูรสายพลังจิต ระดับเติบโต (ขั้นที่ 2)...”

มู่หรงซินซินเหลือบมองไปทางข้างสนาม, เเต่เธอเห็นเพียงแค่มู่หรงหยางซั่วและเฉินฉีเหนียน…เธอจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย​

“หมอนั่นหายไปไหน?”

ทันใดนั้น พิธีกรก็กล่าวเตือน

“คุณมู่หรง การแข่งขันกำลังจะเริ่มแล้ว โปรดอัญเชิญอสูรของคุณด้วย”

การหายไปอย่างกะทันหันของเซียวซิงหยู ทำให้มู่หรงซินซินรู้สึกไม่สงบใจเล็กน้อย แต่เมื่อการแข่งขันกำลังจะเริ่ม เธอจึงต้องกำจัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปแล้วเปิดตราอสูร​ อัญเชิญ​อสูรนกอินทรีขนาดใหญ่ให้บินขึ้นไปวนอยู่บนท้องฟ้า

ขนแต่ละเส้นของอสูร​ตนนี้เป็นผลึกน้ำแข็ง เเละเมื่ออสูรตัวนี้ปรากฏตัวอุณหภูมิรอบๆก็ลดลงอย่างรวดเร็ว จนพื้นดินถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง

“มู่หรงซินซินอัญเชิญนักล่าปีศาจปีกหิมะออกมาแล้วครับ เเละนี่เป็นอสูรตัวแรกของเธอ!”

ค้างคาวปีกกระดูกที่มู่หรงซินซินใช้ในการทดสอบที่ภูเขาหยินหนาน เป็นอสูรตัวที่สองของเธอ นักล่าปีศาจปีกหิมะตัวนี้ต่างหากที่เป็นอสูรตัวแรก และเป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอในตอนนี้

การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น บรรยากาศในตอนนี้​ตึงเครียดราวกับจะมีสงครามระหว่าง​ประเทศ​เกิดขึ้น​

…………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด