บทที่ 63 : เซียวซิงหยูกำลังจะจากไป?
บทที่ 63 : เซียวซิงหยูกำลังจะจากไป?
“การแข่งขันรอบที่สองของวิทยาลัยชิงหลงและวิทยาลัยไป๋หู่ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วครับ!”
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ซ่อมแซมเวทีที่เสียหายเสร็จ พิธีกรก็ประกาศเสียงดังอีกครั้ง
“ในตอนนี้ ผู้ที่กำลังเดินขึ้นสู่เวทีก็คือ อัจฉริยะสาวจากวิทยาลัยชิงหลง มู่หรงซินซิน!”
“เฮ~~~~!!!!”
การปรากฏตัวของมู่หรงซินซิน ทำให้ทั้งสนามเดือดพล่าน
“สาวสวยผมขาวคนนี้ เธอคือลูกสาวคนเล็กของท่านพลเอกมู่หรงใช่หรง?”
“ใช่แล้ว นายดูบุคลิกของเธอสิ แววตาที่เฉียบคมขนาดนี้…เธอได้รับความองอาจมาจากท่านพลเอกมู่หรงเต็มๆเลย!”
“ด้วยยีนในสายเลือดของเธอ อนาคตของเธอต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ!”
ตระกูลมู่หรง เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลปรมาจารย์อสูรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศมังกร
ผู้นำตระกูล-มู่หรงจิน เป็นปรมาจารย์อสูรระดับเก้าดาว และยังดำรงตำแหน่งผลเอกแห่งกองทัพเรือของประเทศมังกรด้วย
กองทัพของประเทศมังกร แบ่งออกเป็นสามกองทัพ ได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ โดยกองทัพบกและกองทัพอากาศ ต่างก็มีผู้นำของตนเองเช่นกัน นั่นคือ พลเอกไป๋หยู-ของกองทัพบก และพลเอกลู่หมิงเซียว-ของกองทัพอากาศ
มู่หรงจิน ไป๋หยู และลู่หมิงเซียว ได้รับการขนานนามว่า “แม่ทัพใหญ่ทั้งสามแห่งประเทศมังกร” พวกเขาเป็นวีรบุรุษในสายตาของประชาชน และเป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อจักรพรรดินีซ่างกวนหลาน
บนอัฒจันทร์ ซ่างกวนหลานจิบชาอุ่นๆพลางเหลือบมองมู่หรงซินซินที่อยู่บนเวที
“เด็กคนนี้ เธอเป็นลูกสาวของมู่หรงจินสินะ?”
“ใช่เพคะ เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านแม่ทัพมู่หรง เธอมีพรสวรรค์สูงมาก” นางกำนัลข้างกายพยักหน้าตอบ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซ่างกวนหลานก็ออกคำสั่งอีกครั้ง
“จับตาดูเด็กคนนี้ไว้, เเล้วก็เตรียมบัตรเชิญเข้าค่ายฝึกวิญญาณจักรพรรดิให้เธอด้วย”
นางกำนัลชะงักไปครู่หนึ่ง “ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหมเพคะ...คำว่า ‘ด้วย’?”
คำว่า "ด้วย" นั้น บ่งบอกว่าบัตรเชิญที่ซ่างกวนหลานต้องการมอบให้มู่หรงซินซินมีใบที่สอง ส่วนใบแรกจะเป็นของใคร นางกำนัลไม่อาจคาดเดาได้เลย
“ส่วนบัตรเชิญใบแรก จงนำไปมอบให้เด็กหนุ่มคนนั้น” ซ่างกวนหลานชี้นิ้วไปที่เซียวซิงหยู
ซึ่งในขณะนั้น เซียวซิงหยูกำลังเล่นหยอกล้อกับมู่หรงหยางซั่วอย่างสนุกสนาน
เมื่อได้ยินเช่นนี้, นางกำนัลก็รู้สึกประหลาดใจมาก
นั่นเพราะเซียวซิงหยูเป็นเด็กหนุ่มจากตระกูลธรรมดาคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับบัตรเชิญเข้าร่วมค่ายฝึกวิญญาณจักรพรรดิ
ค่ายฝึกนี้เป็นค่ายฝึกสุดโหดที่จักรพรรดินีซ่างกวนหลานจะมาทำการสอนด้วยตัวเอง มีเพียงอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้นที่จะได้เข้าร่วม
…..
อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้เซียวซิงหยูยังไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังถูกจับตามองโดยผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศมังกร
“พี่หยางซั่ว การแข่งขันกำลังจะเริ่มแล้ว อย่าเพิ่งเล่นสิ”
“ฉันเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ อย่าคิดอะไรไม่ดีกับน้องสาวฉัน ไม่งั้นฉัน...” มู่หรงหยางซั่วยังพูดไม่ทันจบ เสียงของพิธีกรก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“วิทยาลัยไป๋หู่ส่งอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของรุ่นนี้ลงมาแล้ว”
“ขอเสียงต้อนรับ…โจวเย่!”
หลังจากที่สิ้นเสียงพิธีกร, ชายร่างผอมบางก็เดินขึ้นมาเวที
ชายคนนี้มีใบหน้าหล่อเหลา ตรงหางตามีไฝเสน่ห์จนทำให้เขาดูสวยกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก
ณ เวลานี้ เขากำลังเผชิญหน้ากับเสียงเชียร์ของผู้ชมนับแสนด้วยสีหน้าเรียบเฉยเเละไร้ซึ่งความตื่นเต้นใดๆ…ดูจากความสงบของเขาแล้ว เขาต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมากแน่ๆ
“พี่หยางซั่ว พี่รู้จักคู่ต่อสู้ของซินซินบ้างไหม?”
“โจวเย่น่ะเหรอ? รู้จักสิ…พ่อของเขาเป็นเจ้าเมืองหวางเยียนเชิง เเละเขาก็มีพรสวรรค์สูงมาก ได้ข่าวว่าเขาเชี่ยวชาญการควบคุมอสูรสายพลังจิต”
ประเทศมังกรนั้นมีเมืองป้อมปราการอยู่สี่เมือง ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนทั้งสี่ทิศ
เมืองหวางเยียนเชิงนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกสุด ท่ามกลางทะเลทราย
“ควันจากทะเลทรายลอยตรง เส้นขอบฟ้าตัดกับดวงอาทิตย์” นี่คือบทกวีที่ใช้อธิบายเมืองหวางเยียนเชิงได้อย่างเหมาะสมที่สุด พ่อของโจวเย่เป็นเจ้าเมืองหวางเยียนเชิง ถือเป็นนายพลที่ประจำการชายแดน ปกป้องประเทศอย่างเงียบๆ มาหลายสิบปี
ในฐานะลูกชายของวีรบุรุษ ใบหน้าของโจวเย่จึงมีเเต่ออร่าเเห่งความน่าเกรงขาม
ณ เวลานี้เซียวซิงหยูเผลอพึมพำเบาๆว่า “ออร่าของโจวเย่ดูแข็งแกร่งมาก…สมกับที่เป็นลูกชายเจ้าเมืองหวางเยียนเชิงจริงๆ”
ทันใดนั้น เขาก็ถูกมู่หรงหยางซั่วบีบคออีกครั้ง
“พี่หยางซั่ว ทำไมพี่ถึงบีบคอผมอีกแล้ว!”
“ใครใช้ให้นายไปชมศัตรูล่ะ…ฮึ่ม ไม่ว่าหมอนั่นจะเก่งมากเเค่ใหน น้องสาวของฉันก็จะต้องชนะอย่างแน่นอน!”
เซียวซิงหยูรีบเปลี่ยนคำพูดทันที
“ซินซินต้องชนะ! ซินซินต้องชนะ!”
เมื่อเห็นเเบบนี้ มู่หรงหยางซั่วก็ปล่อยมือแล้วหันไปมองเวทีด้วยสีหน้ากังวล
หลังจากรอดจากการบีบคอ เซียวซิงหยูก็ถอนหายใจเเล้วบ่นพึมพำทันที
“เฮ้อ พี่ชายคนนี้ ปากบอกว่าเชื่อมั่นในตัวน้องสาว แต่จริงๆแล้วก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี”
เเต่ที่มู่หรงหยางซั่วจะกังวลก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร, เพราะการต่อสู้ครั้งนี้มันสูสีคู่คี่มาก
โจวเย่เป็นผู้เข้าแข่งขันตัวเต็งที่แข็งแกร่งที่สุดของวิทยาลัยไป๋หู่ เป็นไพ่ตายในมือของจูชิงหยู
ส่วนมู่หรงซินซินก็เป็นผู้มีพรสวรรค์สูงสุดของวิทยาลัยชิงหลง เธอเพิ่งชนะการแข่งขันจัดอันดับนักศึกษาใหม่มา (ส่วนเซียวซิงหยูต้องออกจากการแข่งขันตั้งแต่รอบแปดคนสุดท้ายเพราะอาการบาดเจ็บ)
ทั้งสองคนมีภูมิหลังครอบครัวที่ดี, เเละพรสวรรค์ก็ไม่ต่างกันมากนัก ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้อาจจะดุเดือดมาก และอาจจะตัดสินผลแพ้ชนะได้ยากมาก
“ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่าย โปรดอัญเชิญอสูรของตนออกมา!” กรรมการตะโกนก้อง
เเต่ทันใดนั้นเอง เซียวซิงหยูก็ได้ยินเสียงของเดลลูดังขึ้นในหู
“ฉันได้กลิ่นหญ้าหางนกฟีนิกซ์”
“ลูลู่ เธอพูดจริงเหรอ?” เซียวซิงหยูตื่นเต้นขึ้นมาทันที
น้ำค้างจากหญ้าหางนกฟีนิกซ์เป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญในการเพาะเมล็ดพันธุ์เถาวัลย์สวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้ตามท้องตลาด
แต่ว่า หญ้าหางนกฟีนิกซ์จะขึ้นในเขตธารน้ำแข็งทางตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นที่อันตรายมาก…ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ เซียวซิงหยูไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่อันตรายแบบนั้นหรอก
“ฉันมั่นใจว่านี่คือกลิ่นของหญ้าหางนกฟีนิกซ์ กลิ่นนี้มาจากทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากเราไปแค่สองช่วงตึก”
เผ่าพันธุ์จิ้งจอกเก้าหางมีประสาทรับกลิ่นที่เหนือกว่าอสูรอื่นๆ เซียวซิงหยูไม่สงสัยในประสาทรับกลิ่นของเดลู่เลย เขาจึงหันไปหาเฉินฉีเหนียน แล้วเริ่มแสดงละครโดยเอามือกุมท้องพร้อมทำสีหน้าเจ็บปวด
“อาจารย์เฉิน ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
“รีบไปรีบกลับล่ะ!”
เซียวซิงหยูเดินออกจากกลุ่มคน แล้วออกจากสนามไปอย่างรวดเร็ว
“ลูลู่ เธอแน่ใจนะว่าเป็นทางนี้?”
“แน่ใจ กลิ่นมันแรงขึ้นเรื่อยๆเเล้ว”
……
อีกด้านบนเวที
โจวเย่เปิดตราอสูร จากนั้นก็มีหมาป่าสีขาวตัวใหญ่กระโดดออกมาจากวงเวทย์, บนหัวของมันมีเขาแหลมคมเเละมีดวงตาที่เป็นสีแดงเลือด
ซึ่งพิธีกรก็ได้แนะนำอสูรตัวนี้ทันที
“โจวเย่อัญเชิญหมาป่าตาปีศาจออกมาแล้วครับ นี่เป็นอสูรสายพลังจิต ระดับเติบโต (ขั้นที่ 2)...”
มู่หรงซินซินเหลือบมองไปทางข้างสนาม, เเต่เธอเห็นเพียงแค่มู่หรงหยางซั่วและเฉินฉีเหนียน…เธอจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“หมอนั่นหายไปไหน?”
ทันใดนั้น พิธีกรก็กล่าวเตือน
“คุณมู่หรง การแข่งขันกำลังจะเริ่มแล้ว โปรดอัญเชิญอสูรของคุณด้วย”
การหายไปอย่างกะทันหันของเซียวซิงหยู ทำให้มู่หรงซินซินรู้สึกไม่สงบใจเล็กน้อย แต่เมื่อการแข่งขันกำลังจะเริ่ม เธอจึงต้องกำจัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปแล้วเปิดตราอสูร อัญเชิญอสูรนกอินทรีขนาดใหญ่ให้บินขึ้นไปวนอยู่บนท้องฟ้า
ขนแต่ละเส้นของอสูรตนนี้เป็นผลึกน้ำแข็ง เเละเมื่ออสูรตัวนี้ปรากฏตัวอุณหภูมิรอบๆก็ลดลงอย่างรวดเร็ว จนพื้นดินถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง
“มู่หรงซินซินอัญเชิญนักล่าปีศาจปีกหิมะออกมาแล้วครับ เเละนี่เป็นอสูรตัวแรกของเธอ!”
ค้างคาวปีกกระดูกที่มู่หรงซินซินใช้ในการทดสอบที่ภูเขาหยินหนาน เป็นอสูรตัวที่สองของเธอ นักล่าปีศาจปีกหิมะตัวนี้ต่างหากที่เป็นอสูรตัวแรก และเป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอในตอนนี้
การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น บรรยากาศในตอนนี้ตึงเครียดราวกับจะมีสงครามระหว่างประเทศเกิดขึ้น
…………………