ตอนที่แล้วบทที่ 2 ศรัทธา (ตอนที่ 3 - หน้าใหม่)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 ศรัทธา (ตอนที่ 5 - อะไรบางอย่างตกลงมาจากฟ้า...?)

บทที่ 2 ศรัทธา (ตอนที่ 4 - สัญชาตญาณ)


หลังจากสาวแว่นพูด มู่อี้หราน เค่อชุน เว่ยตง และฉินซื่อ ไม่มีใครแสดงความคัดค้านใดๆ

ฉินซื่อพยักหน้าให้สาวแว่นเบาๆ เสียงทุ้มหนักแน่นแต่ยังคงความสงบ "ได้ แต่มีบางเรื่องที่ฉันต้องพูดไว้ล่วงหน้า ถึงแม้ว่าพวกเราที่เคยเข้ามาในภาพแล้วจะมีประสบการณ์ แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะรอดไปจนถึงพรุ่งนี้หวังว่าพวกคุณจะเข้าใจว่า พลังของภาพวาดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะต่อสู้ได้ด้วยความกล้าหาญหรือความแข็งแรง หลายครั้งการจะรอดชีวิตได้ก็ต้องอาศัยโชค พวกเราทำได้เพียงแค่นำประสบการณ์ที่เคยผ่านมาเล่าให้พวกคุณฟัง แต่ถ้าจะให้เราคุ้มครองพวกคุณทั้งหมด อันนี้คงจะยากเกินไป"

สาวแว่นตัวสั่นแล้วรีบพูดอย่างขอบคุณ "ถึงอย่างนั้นก็ขอบคุณพวกคุณมากแล้ว!"

ฉินซื่อหันไปหาคนใหม่ๆ ในกลุ่ม "แล้วพวกคุณล่ะ อยากจะเลือกใคร?"

หม่าจั้นฮัวกลับตะโกนขึ้นมา "ฉัน...ถึงแม้ฉันจะไม่ใช่คนใหม่ก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรเลย ฉันไม่เก่งอะไรทั้งนั้น ที่บ้านฉันยังมีลูกอยู่ ฉันไม่อยากตาย ฉันอยากไปกับเขา!" เขาพูดไปพลางชี้ไปที่มู่อี้หราน

"คนแบบนายมันเห็นแก่ตัวมาก!" ชายหนุ่มในกลุ่มคนใหม่ไม่พอใจ โกรธจัดเดินเข้ามาคว้าคอเสื้อหม่าจั้นฮัว "ฉันก็มีพ่อแม่อยู่ที่บ้านเหมือนกัน ใครอยากตายล่ะ?! คนเห็นแก่ตัวอย่างนายมันไม่มีทางจบดีหรอก รู้ไหม?!"

เว่ยตงก็ไม่ชอบหม่าจั้นฮัวเหมือนกัน ตั้งแต่ตอนที่ออกจากภาพวาดครั้งก่อน เค่อชุนก็เล่าให้เขาฟังถึงสิ่งที่หม่าจั้นฮัวทำกับจางเม่าหลินเจ้าของธุรกิจเอกชน เว่ยตงจึงพูดแทรกขึ้นว่า "ตัดสินใจแล้วว่าให้คนที่เคยเข้ามาก่อนหนึ่งคนพาคนใหม่หนึ่งคนไป นายหม่าก็ควรจะยอมตามเสียงส่วนใหญ่นะ"

พูดจบเขาก็หันไปถามสาวผมยาวที่อยู่ข้างๆ "น้องสาว เธออยากไปกับใคร? ฉันเองก็เคยเข้ามาในภาพนี้นะ รอดตายมาได้หลายครั้งเลยทีเดียว"

เค่อชุน "..."

สาวผมยาวหันมองหน้าคนในกลุ่มด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะชี้ไปที่มู่อี้หราน

"ฉัน... ฉันเลือกเขา"

เค่อชุน "..."

เว่ยตง "..."

ฉินซื่อก็ถามสาวแว่นที่อยู่ข้างๆ "แล้วเธอล่ะ?"

สายตาสาวแว่นกวาดมองไปมาที่คนในกลุ่ม ก่อนจะชี้ไปที่เค่อชุน "ฉันอยากเลือกเขา"

เว่ยตง "...นี่มันเลือกตามความปลอดภัยหรือเลือกแฟนกันแน่เนี่ย!"

เค่อชุนหันไปหาสาวแว่น "งั้นรู้จักกันไว้ก่อน ฉันชื่อเค่อชุน นี่เพื่อนฉัน แล้วเธอล่ะ?"

สาวแว่นตอบ "ฉันชื่อซาหลิว ฉันกับเธอเป็นเพื่อนกัน" เธอชี้ไปที่สาวผมยาว

เค่อชุนมองสาวผมยาว "อ้อ งั้นเธอชื่อ ซัวซัว เหรอ?"

(\* ซาหลิวกับซัวซัวเป็นชื่อเรียกพืชที่อยู่ในระบบนิเวศทะเลทรายเดียวกัน)

ทุกคน "..."

สาวผมยาวทำหน้าหงุดหงิด "ฉันชื่อจื่อหลิง!"

เค่อชุนยกมือไขว้หน้าอก เอียงหัวไปทางมู่อี้หราน "จื่อหลิง? เสียดายนะ เขาไม่ได้ชื่อเฟยอวิ๋นฟาน"

ทุกคน "..."

ฉินซื่อถามคนที่เหลือ "แล้วพวกคุณจะเลือกยังไง?"

โจวปินขมวดคิ้ว "พวกคุณทั้งหมดเป็นผู้ชาย จะให้แฟนฉันอยู่เต็นท์เดียวกับพวกคุณได้ยังไง"

ชายหนุ่มคนเมื่อกี้พูดแทรก "ถ้าอย่างนั้นพวกนายก็อยู่เต็นท์เดียวกันเองก็แล้วกัน ยังไงพวกคนที่มีประสบการณ์ก็มีไม่พออยู่แล้ว"

"ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น มันไม่ยุติธรรมเลย" โจวปินไม่พอใจ "ถ้าเป็นแบบนั้นฉันกับเธอก็เสี่ยงมากน่ะสิ!"

"ตัดสินตามสถานการณ์นะ" ฉินซื่อพูด "ถ้านายไม่ไว้ใจ ก็มีทางเลือกแค่ให้นายสองคนอยู่ด้วยกัน"

โจวปินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะชี้ไปที่ฉินซื่อแล้วบอกแฟนตัวเอง "เธออยู่เต็นท์เดียวกับเขาละกัน" แล้วชี้ไปที่เว่ยตง "ส่วนฉันจะอยู่เต็นท์เดียวกับนาย"

ชายหนุ่มคนนั้นโวยขึ้นมา "ทำไมพวกนายถึงเลือกได้ตามใจ ฉันไม่อยากอยู่กับหมอนี่!" เขาชี้ไปที่หม่าจั้นฮัว

ส่วนครอบครัวสามคนที่เหลือก็นั่งเงียบอยู่ด้วยความกังวลใจ

คนในกลุ่มเริ่มโกลาหลกันไปหมด

เว่ยตงแอบดึงเค่อชุนแล้วกระซิบเบาๆ "เมื่อกี้นายเหมือนเด็กขี้หึงเลยนะเนี่ย"

"หยุดพล่ามไร้สาระแล้วทำตัวให้ดีกว่านี้เถอะ" เค่อชุนพูด "ยัยซัวซัวนั่นยังไม่มองนายเลยสักนิด ทีหลังอย่าบอกใครว่านายเป็นคนที่ฉันเลี้ยงดูมาเลยนะ"

"พูดเหมือนกับว่าลูกพี่มู่ชอบมองนายอย่างนั้นแหละ" เว่ยตงตอบกลับ

ทั้งสองคนพยายามพูดคุยเรื่องไร้สาระเพื่อบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้นหลังจากเข้ามาในภาพวาด ส่วนทางนั้นก็ได้ผลลัพธ์จากการเลือกแล้ว

เนื่องจากหม่าจั้นฮัวเชื่อมั่นว่า แม้แต่คนที่เคยเข้ามาในภาพแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสามารถในการปรับตัวหรือความสามารถในการรับมือดีกว่าคนใหม่ อีกทั้งไม่มีใครอยากเป็นคนที่ต้องอยู่คนเดียวในเต็นท์ และยังมีเหตุผลจากชายหนุ่มคนนั้น...ที่ชื่อว่า ถานเจิง ซึ่งกล่าวว่า หากแบ่งให้คนเก่าพาคนใหม่ จะมีคนหนึ่งที่ต้องถูกเหลือไว้ ซึ่งไม่ยุติธรรมสำหรับคนใหม่ ดังนั้น เพื่อความยุติธรรม ทุกคนจึงตัดสินใจไม่แบ่งแยกคนเก่าคนใหม่ แต่ใช้การจับฉลากจับคู่แทน

สาวแว่นใช้กระดาษและปากกา เขียนหมายเลข 1 ถึง 6 สองชุด ใครจับได้เลขเดียวกันก็จะอยู่เต็นท์เดียวกัน และคนที่จับได้เลข 0 จะต้องอยู่เต็นท์คนเดียว

เมื่อพับกระดาษเสร็จ เค่อชุนยังไม่รีบร้อนที่จะจับ รอดูมู่อี้หรานจับก่อน เมื่อมู่อี้หรานเปิดดูก็รีบไปดูเลขที่เขาได้ เห็นว่าเป็นเลข 3 แล้วเค่อชุนก็มองไปที่กระดาษที่เหลือ เลือกหนึ่งใบด้วยสัญชาตญาณ เปิดดูแล้วก็แสดงท่าทางเสียดายมองมาที่มู่อี้หราน

มู่อี้หรานมองเขาแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร รอจนทุกคนจับกระดาษเสร็จแล้วเปิดดูพร้อมกัน เห็นว่าบนกระดาษของเค่อชุนเขียนไว้ว่า...

"3"

มู่อี้หราน "..."

เค่อชุนยิ้มให้เขา หางตาและหางคิ้วโค้งขึ้นอย่างชัดเจน มู่อี้หรานนึกถึงดวงตาที่เคยเห็นในรูปโปรไฟล์วีแชทของเขา

ดวงตาคู่นั้นมาจากรูปถ่ายของเค่อชุนตอนสมัยมัธยม มู่อี้หรานเคยเห็นรูปนั้นในตู้เสื้อผ้าที่บ้านของเขา จากนิสัยอาชีพ เขามักสังเกตงานศิลปะหรือภาพถ่ายอย่างละเอียดและจำได้ดีเสมอ

เขาจำได้ว่าเด็กหนุ่มในรูปนั้น สวมชุดนักเรียนสีฟ้าสลับขาว แขนเสื้อถูกม้วนขึ้นถึงข้อศอก ขากางเกงพับขึ้นหนึ่งข้าง เผยให้เห็นช่วงขาที่เรียวยาว ใส่รองเท้ากีฬาสีขาว เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาของวัยเยาว์ กระโดดขึ้นสูงกลางแสงแดดฤดูใบไม้ร่วงที่มีใบแปะก๊วยปลิวไสว ผมปลิวไสว รอยยิ้มสดใส เผยให้เห็นฟันขาวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ

ดวงตาคู่นั้นที่อยู่บนใบหน้าที่มีรอยยิ้มสดใสก็เป็นเช่นเดียวกับตอนนี้

เปลือกตาบางราวกับแสงอาทิตย์ ขอบตาคมชัด รูปร่างที่เรียบง่ายสะอาดตา ขาวดำแยกกันชัดเจน แววตาที่ใสสะอาดบริสุทธิ์

ดวงตาคนคนนี้ ตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงตอนนี้ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

มู่อี้หรานเบือนสายตาออกไป ได้ยินเสียงคนร้องโอดครวญ ตามมาด้วยเสียงด่าทอที่เป็นของถานเจิง เขาจับได้กระดาษที่เขียนเลข 0 ไว้

"ฉันไม่อยากตาย...ขอร้องเถอะ...พี่มู่ ฉันอยากอยู่เต็นท์เดียวกับพี่!" หม่าจั้นฮัวเองก็ไม่พอใจกับคู่ที่จับได้ เขาพุ่งเข้ามาคุกเข่าต่อหน้ามู่อี้หราน ดึงเสื้อคลุมของเขาแน่น

"ขอร้องล่ะ ขอร้องให้ฉันอยู่กับพี่ ฉันไม่อยากตาย ที่บ้านฉันยังมีลูกอยู่..."

ทุกคนมองดูท่าทางของเขา ไม่มีใครพูดอะไร

มู่อี้หรานมองลงมาจากที่สูง สายตาหลุบต่ำมองหม่าจั้นฮัวที่กำลังร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลเต็มหน้า ก่อนพูดขึ้นเบาๆ "หม่าจั้นฮัว ไม่มีใครอยากตายหรอก ขออภัยที่จะพูดว่า เพื่อความปลอดภัยของฉันเอง ฉันได้ให้คนสืบข้อมูลครอบครัวของนายแล้ว

"นายเคยแต่งงานจริง และก็มีลูกจริงๆ เพียงแต่ตอนที่นายหย่ากับภรรยา ศาลตัดสินให้ลูกอยู่กับภรรยาเก่าของนาย ดังนั้น ตั้งแต่นายหย่า นายก็ไม่เคยดูแลลูกอีกเลย แถมไม่เคยจ่ายค่าเลี้ยงดูและไม่เคยไปเจอหน้าลูกเลยสักครั้ง

"พ่อแม่ของนายก็เสียชีวิตไปเมื่อห้าปีที่แล้ว ที่ผ่านมา นายอยู่คนเดียวและมีความสัมพันธ์ไม่ถูกต้องกับเพื่อนร่วมงานหญิงที่แต่งงานแล้ว"

หม่าจั้นฮัวอึ้งจนพูดไม่ออก

มู่อี้หรานดึงตัวเองออกจากการยึดดึงของเขา ก่อนจะพูดกับเขาเบาๆ ว่า "ในโลกของภาพวาดนี้ การที่จะรอดจนถึงที่สุด ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับโชค ขอให้นายโชคดี" พูดจบก็หันหลังเดินไปยังเต็นท์ที่อยู่ไม่ไกล

คนอื่นๆ ก็พากันเดินไปยังเต็นท์ตามกลุ่มที่แบ่งไว้ ไม่มีใครสนใจหม่าจั้นฮัวที่นั่งทรุดอยู่บนพื้นอีก

เว่ยตงจับได้คู่กับแฟนสาวของโจวปินที่ชื่อจ้าวตัน ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง เขาจึงกระซิบกับเค่อชุน "ฉันคิดว่าถ้าคืนนี้ฉันรอดไปได้ พรุ่งนี้ก็คงโดนโจวปินฆ่าอยู่ดี"

"ถ้าอย่างนั้นนายก็ลองแลกกับเขาดูสิ" เค่อชุนตอบ

โจวปินจับได้คู่กับสาวแว่น ซาหลิว

"ช่างเถอะ เขาไม่พูด ฉันก็ไม่อยากจะยุ่ง" เว่ยตงพูด "ถ้าฉันจะเปลี่ยนล่ะก็ ทุกคนก็คงต้องเปลี่ยนกันหมด ใครๆ ก็อยากนอนกับลูกพี่มู่ทั้งนั้นแหละ"

เค่อชุน "กรุณาเลือกใช้คำให้เหมาะสมด้วย"

เว่ยตงมองมู่อี้หรานที่เดินอยู่ข้างหน้า แล้วหันมาถามเค่อชุน "บอกมานะ นายทำอะไรหรือเปล่า ทำไมบังเอิญขนาดนั้นถึงได้อยู่กลุ่มเดียวกันกับเขา?"

เค่อชุน "ฉันไม่เคยบอกเหรอ ว่าสัญชาตญาณของฉันแม่นยำเสมอ ฉันจับสลากโดยใช้สัญชาตญาณ"

เว่ยตง "บ้าเอ๊ย! ถ้ารู้ว่านายแม่นขนาดนี้ ทำไมไม่ไปซื้อลอตเตอรี่?!"

เค่อชุน "ฉันไม่ขาดเงิน และอีกอย่าง สัญชาตญาณนี่ฉันคิดว่ามันคล้ายๆ กับโชค ถ้าใช้บ่อยเกินไปมันก็จะหมด ฉันต้องเก็บเอาไว้ใช้ในเวลาที่จำเป็นจริงๆ"

เว่ยตง "เอาเถอะ ฟังแค่ประโยคแรกฉันก็ไม่อยากจะคุยกับนายแล้ว ไปก่อนนะ"

เค่อชุน "คืนนี้ระวังตัวหน่อย ถ้ามันแย่จริงๆ ก็เอาผ้าคลุมหัว แล้วหาที่ซ่อนที่ยากจะถูกพวกนั้นมองเห็น"

เว่ยตง "รู้แล้ว ถึงแม้ว่าฉันคิดว่าครั้งนี้อาจจะไม่ใช่แบบเดิมกับครั้งก่อนก็ตาม..."

เค่อชุน "ตงตง"

เว่ยตง "อืม"

เค่อชุน "พรุ่งนี้เจอกันนะ"

เว่ยตง "โอเค ขอให้พรุ่งนี้ได้เจอกัน"

เค่อชุนมองเว่ยตงเดินเข้าไปในเต็นท์หนึ่งในนั้น ก่อนที่เขาจะเดินไปหาเต็นท์ที่มู่อี้หรานเข้าไป เต็นท์พวกนี้มีระยะห่างกันพอสมควร เต็นท์ที่อยู่ไกลที่สุดห่างออกไปถึงร้อยเมตร

เขาเปิดเต็นท์และก้าวเข้าไป เห็นได้ว่าเต็นท์พวกนี้ไม่ใหญ่เท่าไหร่ พอที่จะให้นอนเรียงกันได้สองคน บนพื้นปูด้วยพรมขนสัตว์เก่าขาด นอกจากนั้นไม่มีสิ่งของอะไรอีก

มู่อี้หรานนั่งขัดสมาธิอยู่บนพรม ขนตาลดต่ำเหมือนกำลังครุ่นคิด

เค่อชุนนั่งลงตรงข้ามเขาโดยไม่รบกวน เพียงแค่ใช้ศอกเท้าบนเข่าและมองเขา

มองไปได้ไม่นาน ในที่สุดมู่อี้หรานก็เงยหน้าขึ้น สายตาเย็นชามองเขาแวบหนึ่ง

เค่อชุนถามเขาด้วยท่าทีสบายๆ "ครั้งนี้ไม่มีผ้าคาดเขียนข้อความ ลูกพี่คิดว่าพวกเราจะเจอกับวิธีการตายแบบไหนกัน?"

มู่อี้หรานมองต่ำเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชา "ไม่มีข้อกำหนดยิ่งน่ากลัวกว่ามี"

เค่อชุนพยักหน้า "ถูกต้อง ฉันดูแล้วเสื้อผ้าของพวกเราก็คล้ายๆ กัน อย่างน้อยจากภายนอก พวกเราน่าจะไม่มีความแตกต่างอะไรกันมากนัก หรือมันหมายความว่าครั้งนี้เป้าหมายและวิธีการตายของเราจะเป็นแบบสุ่ม?"

"ตอนนี้ยังบอกไม่ได้" มู่อี้หรานพูด "ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว ตอนนี้เรายังไม่มีเบาะแสอะไรเลย"

เค่อชุนก็ถาม "ภาพนี้วาดอะไรเหรอ? ตอนฉันพยายามจะมองดูก่อนเข้ามาในภาพ แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย ทั้งชื่อภาพและชื่อศิลปินก็ยังไม่ทันได้เห็นเลย"

มู่อี้หรานมองไปที่เพดานเต็นท์ เห็นว่าบนเพดานมีลวดลายที่ซับซ้อนและหลากหลายสีสัน แต่เนื่องจากเวลาผ่านไปนาน ลวดลายเหล่านั้นซีดจางและสกปรกเกินกว่าจะมองเห็นได้ชัดว่าเป็นอะไร

"ภาพนี้ชื่อว่า 'ศรัทธา' ผู้วาดชื่อว่าชิวเจี้ยน เป็นจิตรกรศิลปศาสนา"

"เขาเป็นศิลปินเกี่ยวกับศาสนาอะไรเหรอ?" เค่อชุนถาม

"เขาศึกษาลัทธิและศาสนาต่างๆ สนใจและหลงใหลในศิลปศาสนาอย่างมาก" มู่อี้หรานพูด

"ในช่วงไม่กี่ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาหลงใหลในวัฒนธรรมของลัทธิหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง และได้กลายเป็นศิษย์ที่ศรัทธาในลัทธินั้น นับแต่นั้นจนกระทั่งเขาเสียชีวิต ทุกผลงานของเขาล้วนสะท้อนวัฒนธรรมของลัทธินั้น และภาพที่พวกเราอยู่ในขณะนี้คือหนึ่งในผลงานเหล่านั้น ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนที่เขาจะสิ้นใจ"

เค่อชุนมองเสื้อคลุมที่ตัวเองใส่อยู่อย่างคาดเดาในใจ แต่ก็ยังถามออกมา

"ลัทธินั้นคืออะไรเหรอ?"

.

(จบตอน)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด