บทที่27 เมืองสุริยะ
แววตาของอากิเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ สิ่งนี้เป็นมากกว่าความฝัน มันคือปาฏิหาริย์ที่สามารถพลิกสถานการณ์เลวร้ายที่สุดได้ หากใช้กับ มังกรเพลิงตะวันของเขา มันอาจจะช่วยฟื้นฟูร่างกายและพลังกลับมาได้อย่างสมบูรณ์
เขาจับกล่องอย่างระมัดระวังราวกับกลัวว่ามันจะสลายไปอยู่ชั่วครู่และยืนให้ริวกลับไป “นี่มันมีค่ามากเกินไป... นายควรเก็บไว้ใช้เองมากกว่า?”
“ไม่! พี่คือครอบครัวของฉัน และมังกรเพลิงตะวันคือคู่หูที่สำคัญที่สุดของพี่ พวกคุณทั้งสองคนสำคัญต่อฉัน ถ้าพี่ใช้สิ่งนี้รักษามังกรเพลิงตะวันฉันจะมีความสุขมาก” ริวตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
อากิมองใบไม้ในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองน้องชาย แม้คำพูดของเขาจะถูกกลืนลงคอ แต่แววตาของเขากลับแสดงความขอบคุณอย่างลึกซึ้ง
“ริว...ขอบคุณมาก” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ไม่ได้ปรากฏมาหลายวัน
ริวพยักหน้าเบาๆ “เราไปช่วยมังกรเพลิงตะวันกันเถอะ พี่คงไม่อยากให้เขาทนทุกข์ไปมากกว่านี้”
ณ โรงพยาบาลสัตว์อสูร
เสียงลมหายใจของ มังกรเพลิงตะวัน แผ่วเบาและสั่นสะท้าน ร่างกายขนาดใหญ่ที่เคยทรงพลังถูกพันด้วยผ้าพันแผลจากการบาดเจ็บสาหัส อากิค่อยๆ เดินเข้าไปหาด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวัง
“มังกรเพลิงตะวัน...ฉันกลับมาแล้ว” อากิพูดเสียงเบา น้ำเสียงนั้นอบอุ่นเหมือนที่เขาเคยปลอบโยนเพื่อนร่วมรบของเขามาตลอด
เขาหยิบ ใบไม้แห่งชีวิต ออกมา กลิ่นหอมเย็นของมันทำให้มังกรเพลิงตะวันลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง ดวงตาสีแดงของมันสะท้อนถึงความเชื่อใจ
“กินสิ สิ่งนี่จะช่วยรักษาบาดแผลของนาย” อากิยื่นใบไม้แห่งชีวิตให้ มังกรเพลิงตะวันค่อยๆ อ้าปากรับมันไป
ทันทีที่ใบไม้แห่งชีวิตถูกกลืนลงไป ร่างกายของมังกรเพลิงตะวันเริ่มเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง
เส้นเลือดและบาดแผลที่เคยแตกร้าวถูกเยียวยาอย่างรวดเร็ว พลังงานที่อบอุ่นไหลเวียนไปทั่วร่างจนความเจ็บปวดทั้งหมดหายไป
“คำราม!!!” มังกรเพลิงตะวันส่งเสียงคำรามกึกก้อง ร่างกายกลับมาสมบูรณ์และทรงพลังมากกว่าที่เคย
เรียกได้ว่าตอนนี้มันอยู่ในระดับอิลิทขั้นกลางแล้วและพรสวรรค์ของมันก็พัฒนาไปเป็นระดับราชา
ริวที่ตรวจสอบดูตกตะลึงเล็กน้อยเขาไม่คิดว่าสิ่งนี้จะช่วยพัฒนาพรสวรรค์ด้วย สมกับเป็นใบไม้แห่งชีวิตในตำนานจริงๆ มันค่อยคุ้มค่ากับที่เขาพยายามได้มันมาหน่อย
เรียกได้ว่าเขาเสียเลือดเสียเนื้อในการแลกเปลี่ยนกับเฟลิน่ามากจนกว่าจะได้มันมา
ใบไม้แห่งชีวิตไม่ใช่ใบไม้ที่ปรากฎขึ้นตามกิ่งก้านไม้ของต้นไม้แห่งชีวิตตามปกติ แต่มันอยู่ในส่วนลึกสุดของต้นไม้แห่งชีวิตและผ่านการควบแน่นพลังชีวิตมหาศาลอย่างยาวนานหลายร้อยปี
เฟลิน่าบอกเขาว่าเธอมีใบไม้แห่งชีวิตไม่กี่ใบเท่านั้นซึ่งเขาได้รับมาสองใบแลกกับหินวิวัฒนาการธาตุพืชเกรดAจำนวนหลายร้อยก้อน ซึ่งแต่ละก้อนมีมูลค่าหลายล้านเหรียญ
เรียกได้ว่าตอนนี้เขาติดหนี้เฟลิน่าอยู่หลายร้อยล้านเหรียญ
แม้ไม่รู้ว่าเฟลิน่าต้องการวิวัฒนาการมากขนาดนั้นไปเพื่ออะไร แต่เมื่อคิดถึงสิ่งนี้เขาก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก แต่เมื่อเห็นผลลัพธ์ของมัน เขาก็รู้สึกคุ้มค่าแล้ว
“สำเร็จแล้ว พี่ชาย!” ริวพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่โล่งอกและพูดต่อว่า
" นอกจากนี้มังกรเพลิงตะวันยังพัฒนาไปเป็นระดับอิลิทขั้นกลางแล้วและพรสวรรค์ของมันพัฒนาไปเป็นระดับราชา ยิ่งดีด้วยพี่ชาย ในอนาคตนายสามารถเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับราชาได้
“จริงเหรอ!!!” อากิอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“ใช่สายตาของฉันไม่เคยผิดพลาด”
แน่นอนว่าหากคนอื่นบอกเขาคงจะไม่เชื่อ แต่เมื่อได้ยินสิ่งนี้จากปากของน้องชายเขา อากิเลือกที่จะเชื่อสิ่งนี้ทันที เขาหันไปมองมังกรเพลิงตะวันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและความหวังใหม่
อากิเขากำหมัดแน่น “ฉันจะไม่ยอมแพ้อีกต่อไป เราจะลุกขึ้นสู้และกลับมาแข็งแกร่งกว่าที่เคยและกลับไปเอาคืนเจ้าคาร์ลให้ได้!!”
“โฮกกกก!” มังกรเพลิงตะวันคำรามราวกับจะตอบสนองต่อของพูดของอากิ
………………..
หลังจากที่มังกรเพลิงตะวันหายจากอาการบาดเจ็บ สภาพจิตใจของอากิก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทาชิและอามิที่เห็นลูกชายคนโตของพวกเขากลับมายิ้มได้อีกครั้ง ต่างรู้สึกโล่งใจอย่างมาก
ความเงียบเหงาที่เคยปกคลุมบ้านกลับถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศที่อบอุ่น
ในช่วงเย็น ครอบครัวได้รวมตัวกันรับประทานอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา มีทาชิ อามิ อากิ และริว อีกทั้งยังมีเรมี่ หญิงสาวผู้เป็นคนรักของอากิและพี่สะใภ้ในอนาคตของริว
เรมี่เป็นหญิงสาวที่มีใบหน้างดงาม อ่อนโยน และเรียบง่าย แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา แต่ความงามของเธอก็ไม่อาจถูกบดบัง รอยยิ้มที่อบอุ่นของเธอช่วยเติมเต็มความสุขในมื้อนี้ได้เป็นอย่างดี
“หลายอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวเราในช่วงนี้ ฉันคิดว่าคืนนี้เราควรผ่อนคลายกันหน่อย” ทาชิพูดพร้อมกับเปิดขวดไวน์ที่อากิชื่นชอบ
“ขอบคุณครับ พ่อ” อากิรับแก้วไวน์ด้วยรอยยิ้ม
หลังจากมื้ออาหารจบลง อากิลุกขึ้นยืน มองพ่อและแม่ด้วยแววตาที่แฝงความจริงจัง
“พ่อครับ แม่ครับ! ผมมีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอก”
ทุกคนในห้องหันมามองเขาด้วยความสนใจ
“ผมกับเรมี่คบกันมาเกือบสิบสองปีแล้ว และเราตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน”
คำพูดของอากิทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความยินดี อามิยิ้มกว้าง ในขณะที่ริวยกแก้วน้ำขึ้นเหมือนฉลองเงียบๆ
หลังจากเผชิญหน้ากับความตาย อากิตระหนักว่าชีวิตนั้นสั้นเกินไปที่จะรอหรือเสียเวลากับความลังเล เขาตัดสินใจที่จะทำตามความปราถนาในหัวใจของเขาทันที
“นี่เป็นข่าวดีมาก!” อามิเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปลื้มปิติ ลูกชายคนโตของเธออายุ 27 ปีแล้ว และนี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการแต่งงาน
ถึงแม้ครอบครัวของเรมี่จะมีฐานะธรรมดา แต่สำหรับอามิแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรักและความเข้าใจซึ่งกันและกัน เธอหวังว่าเรมี่จะเป็นกำลังใจและคู่ชีวิตที่มั่นคงสำหรับอากิ
“ลูกวางแผนเรื่องงานแต่งแล้วหรือยัง?” อามิถามด้วยความจริงจัง
“ตอนนี้เรายังไม่ได้เริ่มเตรียมตัวครับ” อากิตอบ “พรุ่งนี้ผมต้องไปเลือกไข่สัตว์อสูรตามรางวัลจากสหพันธ์ หลังจากนั้นถึงจะเริ่มวางแผนงานแต่ง”
“ดีเลย ถ้าอย่างนั้น หลังลูกกลับมา เราจะเชิญพ่อแม่ของเรมี่มาพูดคุยเรื่องการจัดงานแต่งงานด้วยกัน”
“ขอบคุณมากครับ แม่!” อากิพูดด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
………..
วันรุ่งขึ้น
อากิและริวออกเดินทางไปยังเมืองสุริยะในภูมิภาคตะวันออก เมืองนี้ตั้งอยู่ติดกับภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นที่ตั้งของ “อาณาจักรลับธาตุไฟ” ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการเพาะพันธุ์ไข่สัตว์อสูรธาตุไฟ
ด้วยพรสวรรค์ธาตุไฟของอากิ สัตว์อสูรที่เขาเลือกจึงควรเป็นธาตุไฟเพื่อเสริมพลังกันได้ดีที่สุด สหพันธ์เข้าใจถึงความสำคัญข้อนี้ดี จึงอนุญาตให้เขามาเลือกไข่สัตว์อสูรธาตุไฟชั้นยอดในสถานที่แห่งนี้
เสียงลมพัดผ่านเครื่องบินในท้องฟ้าที่ใกล้ถึงเมืองสุริยะ อากิที่นั่งอยู่บนเครื่องบินกำลังมุ่งหน้าสู่เป้าหมายใหม่ของเขา บรรยากาศอบอวลไปด้วยความคาดหวัง
อาณาจักรลับธาตุไฟเป็นสวรรค์สำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูรธาตุไฟดังนั้นอากิจึงตื่นเต้นอย่างมาก
เครื่องบินลำใหญ่แตะล้อกับรันเวย์อย่างนุ่มนวล เสียงเครื่องยนต์ค่อยๆ ลดความดังลงจนเหลือเพียงเสียงล้อที่หมุนครืดกับพื้นรันเวย์ อากิและริวรู้สึกถึงแรงสะเทือนเล็กน้อยจากการลงจอด ก่อนที่จะมีเสียงประกาศดังขึ้น
“ท่านผู้โดยสารทุกท่าน ขณะนี้เครื่องบินของเราได้ลงจอด ณ สถานีเมืองสุริยะ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอให้ท่านนั่งประจำที่และรัดเข็มขัดนิรภัยจนกว่าเครื่องบินจะหยุดนิ่งสนิท และสัญญาณรัดเข็มขัดจะดับลง”
" โปรดตรวจสอบสัมภาระของท่านให้ครบถ้วนก่อนออกจากเครื่องบิน และหวังว่าจะได้ให้บริการท่านอีกในโอกาสหน้า ขอบคุณค่ะ/ครับ”
หลังจากนั้นสักพักอากิและริวก็เดินออกจากตัวเครื่องบินลงมาสู่สถานีการบินของเมืองสุริยะ
เมืองสุริยะ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ท้องฟ้าสีครามสดใส ปกคลุมด้วยเมฆขาวบางๆ ราวกับเป็นฉากที่ถูกวาดด้วยพู่กันของจิตรกร
บรรยากาศอบอุ่นแบบแห้งที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัด แต่กลับทำให้หัวใจพวกเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องโถงของสนามบิน พวกเขาก็พบกับชายคนหนึ่งในชุดสูทเรียบหรูยืนรออยู่ ชายผู้นี้แนะนำตัวเองอย่างสุภาพว่าเป็น มิสเตอร์กาเบรียล ผู้ช่วยจากสหพันธ์ที่ได้รับมอบหมายให้พาพวกเขาไปยังอาณาจักรลับ
“ยินดีต้อนรับสู่เมืองสุริยะครับ คุณอากิ คุณริว ผมจะเป็นผู้นำทางให้คุณตลอดการเดินทางนี้” กาเบรียลกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่นก่อนจะเชิญทั้งสองขึ้นรถหรูสีดำที่จอดรออยู่ด้านหน้า
เมื่อประตูรถปิดลง เสียงเครื่องยนต์ของรถคันหรูดังก้องในความเงียบสงบ ริวนั่งมองวิวผ่านกระจกหน้าต่างด้วยดวงตาเปล่งประกายตื่นเต้น ต่างจากอากิที่นั่งอย่างสุขุมแต่ไม่สามารถซ่อนความสนใจในเมืองนี้ได้
รถยนต์แล่นผ่านย่านใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า สะท้อนแสงแดดระยิบระยับจนราวกับผิวของมันถูกห่อหุ้มด้วยคริสตัล
ยอดอาคารบางแห่งมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่
ถนนสายหลัก กว้างขวาง รองรับยานพาหนะมากมายที่แล่นไปมาด้วยความเป็นระเบียบ ทางเท้าปูด้วยหินขัดสีเทาเรียบตัดกับต้นไม้ประดับสีเขียวสดที่เรียงรายเป็นแนวยาว
ผู้คนเดินสวนกันไปมาด้วยใบหน้าที่สดใส เสียงหัวเราะจากกลุ่มวัยรุ่น เสียงพ่อค้าแม่ค้าที่กำลังเรียกลูกค้า และเสียงเพลงที่ลอยมาจากร้านค้าข้างทางทำให้เมืองแห่งนี้มีชีวิตชีวา
"เมืองนี้ใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลย" ริวพึมพำเบาๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประทับใจ
"ใช่ เมืองนี้เจริญมาก ทั้งขนาดและโครงสร้างพื้นฐานก็ล้ำหน้ากว่าเมืองเพลิงตะวันมาก "
“สาเหตุที่เมืองนี้เจริญขนาดนี้คงหนีไม่พ้นอาณาจักรลับไฟซึ่งดึงดูดผู้คนจำนวนมากรวมถึงตระกูลไฟที่แข็งแกร่งมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่” อากิตอบกลับพลางกวาดสายตามองวิวด้านนอก
สายลมอุ่นจากเครื่องปรับอากาศในรถไม่สามารถบดบังกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้เมืองร้อนที่ลอยเข้ามาผ่านหน้าต่าง
ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า ทอประกายสีทองบนพื้นถนนที่สะท้อนให้เห็นถึงความสะอาดสะอ้านและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง
เมื่อรถแล่นออกจากใจกลางเมืองเข้าสู่ชานเมือง ทิวทัศน์ค่อยๆ เปลี่ยนจากตึกระฟ้าเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่เต็มไปด้วยเนินทรายสลับกับพุ่มไม้เตี้ยๆ
ขอบฟ้าที่ทอดยาวไกลสุดสายตาถูกตัดด้วยภาพเงาของเทือกเขาสีเทาอ่อนที่ตั้งตระหง่านอยู่ในระยะไกล
“อีกไม่นานเราจะถึงอาณาจักรลับแล้วครับ” กาเบรียลเอ่ยขึ้น ขณะขับรถไปตามถนนสายเล็กที่คดเคี้ยวผ่านเนินทราย
ทั้งอากิและริวนั่งเงียบๆ มองออกไปยังภูมิทัศน์ที่ดูเงียบสงบ แต่ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวังถึงสิ่งที่กำลังจะได้พบ
อาณาจักรลับไฟที่พวกเขามุ่งหน้าไป ไม่ใช่เพียงแค่สถานที่เพาะพันธุ์ไข่สัตว์อสูรธาตุไฟ
แต่มันเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของเส้นทางใหม่ในชีวิตของอากิ เส้นทางที่เต็มไปด้วยความหวัง ความท้าทาย และอนาคตที่รออยู่เบื้องหน้า