บทที่26 ไบไม้แห่งชีวิต
“หัวหน้ายิมอากิฉันได้ยินข่าวเกี่ยวกับคาร์ลจากคุณ จึงเร่งรีบมาที่นี่”
“ฉันต้องการฟังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด” บารักกล่าว พลางถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าคมคายของชายวัยกลางคนที่แฝงความเยือกเย็นและหนักแน่นในดวงตา
“ผมจะอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดเอง อากิลูกรีบไปดูสัตว์อสูรเถอะ” ทาชิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและหันไปพูดกับอากิ
“ครับ!” อากิตอบรับทันทีแล้วรีบรุดไปดูสัตว์อสูรที่ได้รับบาดเจ็บ
เมื่ออากิเดินออกไป ทาชิจึงเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นโดยไม่ปิดบัง ยิ่งบารักฟัง เขาก็ยิ่งมีท่าทีเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ
เขาไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากผ่านไปสามปี คาร์ลจะสามารถฝึกฝนก็อตซิล่าเหล็กครามจนถึงระดับราชา และครอบครอง “คริสตัลสวรรค์” ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าที่ทุกทวีปปรารถนา
“คริสตัลสวรรค์..”
บารักเต็มไปด้วยความเสียดายเกี่ยวกับคริสตัลสวรรค์ที่สูญเสียไป มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประเมินค่าได้จนแม้แต่เขาก็ยังหวั่นไหว
นับตั้งแต่คริสตัลสวรรค์ถูกค้นพบมันก็เปรียบเสมือนอาวุธลับที่ทุกทวีปต้องการมาโดยตลอด
หากพวกอากิสามารถหยุดคาร์ลและแย่งชิงคริสตัลมาได้ มันจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอนและสหพันธ์อาจจะให้รางวัลแก่พวกเขาด้วยสัตว์กึ่งเทพ
แต่เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้ แม้จะเป็นหัวหน้ายิมคนอื่นก็ตาม เพราะคาร์ลได้กลายเป็นผู้ฝึกระดับราชาไปแล้ว หากเผชิญหน้ากับเขาแล้วไม่ตายก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
แม้ว่าบารักจะรู้สึกเสียดาย แต่เขากลับไม่แสดงสีหน้าผิดหวังเลย แต่ชื่นชมพวกอากิที่มีความรับผิดชอบแม้จะเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งกว่าก็ตาม สำหรับบารักแล้วเขาต้องการส่งเสริมคนแบบนี้มาก
“คุณพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ การกระทำของพวกคุณจะไม่ถูกลืมโดยสหพันธุ์อย่างแน่นอน” ”
"ขอบคุณ..คุณบารัก" ทาชิถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับคาร์ล
ทันใดนั้นเอง อากิวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน
“พ่อ! แย่แล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้น?” ทาชิถาม พลางขมวดคิ้วด้วยความกังวล
“สัตว์อสูรของเราอาการหนักมาก ถ้าไม่รีบนำส่งโรงพยาบาล พวกเขาจะไม่รอด!”
“ว่าไงนะ!” ทาชิลุกขึ้นยืนทันที ก่อนหันไปหาบารัก “ขอโทษนะครับคุณบารัก พวกเราต้องรีบไปโรงพยาบาลสัตว์อสูรเดี๋ยวนี้”
“ไม่เป็นไร รีบไปเถอะ!” บารักตอบกลับด้วยความเข้าใจ
เมื่อพวกเขาออกจากอาณาจักรลับ บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด กระแสน้ำวนปรากฏขึ้นทั่วท้องฟ้า แผ่นดินสั่นไหว
เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอาณาจักรลับกำลังจะปิด ทำให้ทุกคนที่ยังคงอยู่ภายในต้องรีบออกมาทันทีไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรอยู่ก็ตาม ไม่งั้นพวกเขาถูกขังไว้ที่นี่ตลอดกาล
ซี่งนี่เป็นฝีมือของริวที่ควบคุมให้อาณาจักรลับปิดตัวลงหลังจากออกมา
เขาต้องการให้ทรัพยากรด้านในเหลือเยอะที่สุดเพื่อที่เขาจะเข้าไปเก็บเกี่ยวในภายหลัง
หลังจากทุกคนในอาณาจักรลับออกมา อาณาจักรลับก็ปิดตัวลง ริวมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ เพราะการมาครั้งนี้เขาได้ประโยชน์กลับไปมากมาย
แต่ในทางกลับกัน อากิกำลังอยู่ในห้วงของความโศกเศร้า เขาปิดประตูขังตัวเองในห้องเพียงลำพัง
สาเหตุที่เขาเป็นเช่นนี้เพราะถึงเขาจะนำสัตว์อสูรของเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์อสูรอย่างเร่งด่วนทันที แต่อาการบาดเจ็บของพวกเขาหนักเกินไป
นกนางแอ่นสีชาติของอากิเสียชีวิตลงแล้วเนื่องจากเขาเป็นสัตว์อสูรระดับหัวหน้าขั้นกลางเท่านั้น ไม่สามารถทนการโจมตีของก็อตซิล่าเหล็กครามที่เป็นสัตว์อสูรระดับราชาได้
ส่วนมังกรเพลิงตะวันของเขาถึงจะไม่ตายแต่ก็ได้รับบาดเจ็บมากเกินไปจนเกือบจะพิการ หากเขาไม่ได้เป็นสัตว์อสูรระดับอีลิทเขาคงตายเหมือนกับนกนางแอ่นสีชาติไปแล้ว
เรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่จิตใจของอากิเท่านั้น แต่ยังสะเทือนถึงสถานะหัวหน้ายิมของเขาอีกด้วย
หากปราศจากสัตว์อสูรระดับหัวหน้าหรืออิลิทที่แข็งแกร่ง การรักษาตำแหน่งหัวหน้ายิมไว้ย่อมเป็นเรื่องที่ยากมาก และการฝึกสัตว์อสูรให้ถึงระดับนั้นต้องใช้เวลาหลายปี
ริวยืนอยู่หน้าประตูห้องที่ล็อกสนิทของอากิ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ความเงียบในบ้านสะท้อนถึงความสูญเสียที่ยากจะทำใจ
การสูญเสียสัตว์อสูรเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูร เพราะความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างกันไม่สามารถทดแทนได้ง่าย ๆ
โชคยังดีที่มังกรเพลิงตะวันของอากิยังรอดชีวิตมาได้ แม้จะบาดเจ็บสาหัสก็ตาม หากมันตายไปอีกตัว อากิอาจจมอยู่ในความทุกข์ที่ลึกกว่านี้
ริวได้แต่หวังว่าสหพันธ์จะไม่ใจร้ายกับพวกเขามากเกินไป
ริวถอนหายใจยาวและคิดในใจว่า
"ดูเหมือนฉันต้องหาเวลาเข้าอาณาจักรลับอีกครั้ง ใบไม้แห่งชีวิตที่เฟลิน่าครอบครองอาจเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยมังกรเพลิงตะวันได้"
หลายวันผ่านไป
จากผลสรุป สหพันธ์ได้รับรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ของอากิแล้ว
หลังจากการพิจารณาไม่ได้ทำให้อากิต้องสูญเสียตำแหน่งหัวหน้ายิมอย่างที่เขากังวลแต่อย่างใด กลับกัน สหพันธ์ได้มอบรางวัลพิเศษให้เพื่อชดเชยการสูญเสียครั้งใหญ่
รางวัลนั้นคือสิทธิ์ในการเลือกไข่สัตว์อสูรชั้นยอดจำนวนสองตัวจากคลังพิเศษของสหพันธ์ รวมถึงเงินสนับสนุนและสิ่งของล้ำค่าที่ช่วยพัฒนาสัตว์อสูรอีกจำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้ สหพันธ์ยังประกาศการกระทำอันกล้าหาญของอากิออกสู่สาธารณะ ทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม
แม้พลังของเขาจะลดลง แต่ไม่มีชาวเมืองคนใดตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งหัวหน้ายิมของเขา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา อากิได้พิสูจน์ตัวเองด้วยความสามารถและความเสียสละอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ยังมีคนที่ไม่พอใจ โดยเฉพาะตระกูลที่มีความบาดหมางกับพวกเขามาแต่เดิม
อีกอย่างหนึ่งการแข่งขันคัดเลือกหัวหน้ายิมซึ่งจัดขึ้นทุกสองปีของเมืองเพลิงตะวันถูกเลื่อนออกไปอีกหนึ่งปีโดยคำสั่งของสหพันธ์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีความตั้งใจช่วยให้อากิมีเวลาฟื้นฟูและพัฒนาสัตว์อสูรมากขึ้นเพื่อให้เขาคงตำแหน่งหัวหน้ายิมเหมือนเดิม
ซึ่งสิ่งนี้สร้างความไม่พอใจให้แก่ศัตรูของเขามากกว่าเดิม
ริวคิดว่าสหพันธ์ตัดสินใจออกมาถูกแล้วเพราะหากเขาถอนอากิออกจากการเป็นหัวหน้ายิมจริงๆ เกรงว่าจะไม่มีใครกล้าหาญออกมาเผชิญหน้ากับอาชญากรอีกต่อไป
นอกจากนี้คาร์ลได้ถูกเลื่อนขั้นขึ้นในฐานะอาชญากรสูงสุด
หลังจากสหพันธ์ได้รับรู้ว่าคาร์ลกลายเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับราชาและครอบครองคริสตัลสวรรค์ ทำให้สหพันธ์ส่งคนที่แข็งแกร่งจำนวนมากไปตามล่าเขา เกรงว่าหลังจากนี้คาร์ลจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากกว่าเดิม
แม้การสนับสนุนจากสหพันธ์จะทำให้สถานการณ์ดูเหมือนจะดีขึ้น แต่อากิก็ยังคงอยู่ในความโศกเศร้า ความสูญเสียของสัตว์อสูรสร้างบาดแผลในจิตใจลึกเกินกว่าคำปลอบโยนใดๆจะรักษาได้
ครอบครัวต่างพยายามช่วยเหลือ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องฝึกฝน
ริวยืนมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบงัน ไคจูและอารอนกำลังสวมใส่อุปกรณ์ฝึกฝนพิเศษที่เขาจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเสริมสร้างพลัง
แต่ยังออกแบบมาให้เหมาะสมกับร่างกายและลักษณะเฉพาะตัวของพวกเขาอีกด้วย
อารอนเป็นชื่อของกิ้งก่ามังกรเริงระบำตัวที่ริวตั้งให้เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากใช้เวลาอยู่ด้วยกันหลายวัน เขาก็เริ่มเข้าใจนิสัยใจคอของมันมากขึ้น
อารอนเป็นสัตว์อสูรที่มีความอุตสาหะอย่างยิ่ง มันรักการฝึกฝนและดูเหมือนจะหลงใหลในเสน่ห์ของการต่อสู้ นิสัยเช่นนี้ทำให้ริวมั่นใจว่าอารอนจะกลายเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งในอนาคต
ในทางกลับกัน ไคจู ซึ่งเป็นสัตว์อสูรอีกตัวของริวก็กำลังฝึกฝนและปรับตัวให้เข้ากับอุปกรณ์ใหม่เช่นกัน แม้จะดูเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้าง
แต่แววตามุ่งมั่นของมันกลับแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ ริวรู้สึกดีใจมากที่เห็นมันพยายามอย่างเต็มที่
หลังจากที่ริวได้รับรางวัล "การพัฒนาพรสวรรค์" จากระบบ เขาก็ตัดสินใจใช้มันกับไคจูโดยไม่ลังเล ทำให้ตอนนี้ไคจูมีพรสวรรค์ระดับกึ่งผู้นำ
การตัดสินใจนี้มาจากการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว แม้อารอนจะมีระดับพลังที่สูงกว่าไคจู แต่ริวก็เลือกที่จะพัฒนาไคจูแทน เพราะเขารู้ดีว่าหากอารอนได้รับการพัฒนาเร็วเกินไป
ระดับพลังของมันจะทิ้งห่างไคจูมากซึ่งนั่นอาจสร้างความกดดันให้กับไคจูจนส่งผลเสียต่อจิตใจและความมุ่งมั่นของมัน
ด้วยพรสวรรค์ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ไคจูสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมของตัวเองได้ ตอนนี้มีการพัฒนาที่เร็วกว่าเดิมหลายเท่า เรียกได้ว่าไม่ห่างไกลจากอารอนมากนัก
ริวมองดูทั้งสองตัวที่กำลังฝึกฝนด้วยความภาคภูมิใจ แม้จะมีเส้นทางอีกยาวไกล แต่เขาเชื่อมั่นว่าสัตว์อสูรทั้งสองตัวนี้จะเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยเขาในอนาคต
หลังจากเฝ้าดูอยู่นานริวก็ออกจากห้องฝึกฝนไปและมองไปที่ห้องของอากิด้วยความกังวลเพราะอากิแทบไม่ออกจากห้องเลยในหลายวันที่ผ่านมานี้
หลังจากนั้นสายตาริวเปลี่ยนไปยังใบไม้แห่งชีวิตในมือที่เขาได้ขอมาจากเฟลิน่าในอาณาจักรลับเมื่อวาน
"บางทีสิ่งนี้อาจช่วยพี่ชายของฉันได้…" ริวพึมพำกับตัวเองด้วยความมุ่งมั่น
ริวสูดหายใจลึกก่อนจะเคาะประตูห้องของพี่ชายที่ปิดเงียบมาเป็นเวลาหลายวัน เขาแทบไม่ออกมาเลยยกเว้นตอนที่ไปดูแลมังกรเพลิงคะวันที่โรงพยาบาลสัตว์อสูรเท่านั้น
เสียงเคาะประตูดังก้องในความเงียบงัน
“ใคร?” เสียงแหบแห้งและเหนื่อยล้าของอากิดังลอดออกมาจากหลังประตู
“พี่ชาย... ฉันเอง”
มีเสียงล็อกประตูดัง คลิก! ก่อนที่ประตูจะเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นร่างของอากิในสภาพทรุดโทรม ใบหน้าที่เคยเปี่ยมด้วยพลังชีวิตบัดนี้ดูอ่อนล้าและเศร้าสร้อย
“ริว มีอะไรหรือเปล่า?” อากิเอ่ยถามพร้อมกับพยายามฝืนยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูเศร้าเสียจนริวรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
ริวมองพี่ชายด้วยความเป็นห่วง เขารู้ดีว่าอากิพยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ในใจเสมอเพื่อไม่ให้ครอบครัวต้องกังวล แต่ในสายตาของริว เขาเห็นได้ชัดว่าอากิไม่สามารถซ่อนความทุกข์ไว้ได้อีกต่อไป
“พี่ชาย คราวนี้ทางสหพันธ์จะชดเชยสัตว์อสูรให้พี่สองตัว ฉันอยากไปเลือกกับพี่” ริวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตาจริงจังของเขาบ่งบอกถึงความตั้งใจ
เขาต้องการใช้ความสามารถพิเศษของตนเพื่อช่วยอากิเลือกสัตว์อสูรที่ดีที่สุด
“ตกลง” อากิตอบรับด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่แววตากลับฉายความประหลาดใจเล็กน้อย
ก่อนที่เขาจะพูดอะไรเพิ่มเติม ริวหยิบกล่องสีเขียวออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้อากิ "พี่ชาย หลังจากที่ฉันเข้าไปในอาณาจักรลับ ฉันบังเอิญได้สิ่งนี้มา... ฉันอยากมอบมันให้พี่”
อากิขมวดคิ้วมองกล่องในมือริวด้วยความสงสัย แม้ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน แต่ความอบอุ่นจากความหวังดีของน้องชายทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เขาส่งยิ้มอ่อนโยนให้ริว
“ไม่เป็นไรหรอก สมบัติที่นายได้มา ควรเก็บไว้ใช้เองดีกว่า ฉันไม่อยากรบกวนนาย”
“พี่ชาย ลองเปิดดูก่อนเถอะ” ริวพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับ แววตาของเขามีประกายความหวัง “ฉันมั่นใจว่าสิ่งนี้จะช่วยพี่ได้”
อากิมองกล่องด้วยความลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดมันออกอย่างช้าๆ
ภายในกล่องเผยให้เห็นใบไม้ขนาดเล็กที่มีลวดลายสีทองอร่าม ราวกับมีแสงระยิบระยับส่องออกมา กลิ่นหอมสดชื่นที่แผ่ออกมาจากใบไม้สร้างความรู้สึกอบอุ่นและมีชีวิตชีวาให้กับผู้ที่อยู่ใกล้
อากิที่อ่อนล้ามาหลายวันรู้สึกว่าพลังของเขาฟื้นฟูขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์เพียงแค่ได้กลิ่น
“นี่มัน... ใบไม้อะไรกัน?” อากิถามด้วยความตกใจและสงสัย
“นี่คือใบไม้แห่งชีวิต”
“ใบไม้แห่งชีวิต!?” อากิที่ได้ยินก็พึมพำด้วยความสงสัย เขาไม่คุ้นหูกับสิ่งนี้ หลังจากนึกอยู่สักพักเขาก็นึกออกแล้ว
“ใบไม้แห่งชีวิต... มันคือใบไม้ในตำนานที่ว่ากันว่าสามารถรักษาบาดแผลของมนุษย์และสัตว์อสูรได้ภายในไม่กี่วิ แม้สภาพจะปางตาย... เหรอ?”
“ใช่! ฉันหวังว่าพี่จะเอาสิ่งนี้ไปรักษามังกรเพลิงตะวัน” ริวตอบกลับ
“นี่ใช่ใบไม้แห่งชีวิตจริงๆเหรอ!?”อากิถามอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ
เพราะถ้าเป็นใบไม้แห่งชีวิตจริงๆ สิ่งนี้จะมีค่ามากเกินไป มันเปรียบเสมือนสิ่งของในตำนานที่ไม่สามารถหาได้
“ใช่”
“(☉_☉)” อากิ