บทที่25 บารัก
ขณะที่ลำแสงสีเงินพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วอันน่าสะพรึง สัตว์อสูรของอากิและทาชิ นกนางแอ่นสีชาติและอีกาสุริยะ ก็พุ่งตัวออกมาขวางหน้าโดยไม่ลังเล
“นกนางแอ่นสีชาติ! ใช้กระแสน้ำวนเพลิง!!”
“อีกาสุริยะ! ใช้กระแสน้ำวนเพลิง!!”
เสียงคำสั่งของทั้งสองดังลั่นพร้อมกัน ทันใดนั้นปีกสีแดงเพลิงของ นกนางแอ่นสีชาติและอีกาสุริยะก็สั่นสะเทือน สร้างกระแสนำวนเพลิงหมุนขนาดมหึมาขึ้นกลางอากาศ เปลวเพลิงหมุนวนราวกับเกราะป้องกันเพื่อรับแรงกระแทกจากลำแสงสีเงิน
ตู้ม!!!
เสียงระเบิดก้องกังวาน ลำแสงสีเงินปะทะเข้ากับกระแสน้ำวนเพลิงอย่างรุนแรง แต่พลังของก็อตซิลล่าเหล็กครามมหาศาลเกินกว่าที่จะต้านทานได้ เปลวเพลิงถูกพัดกระจายเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับร่างของสัตว์อสูรทั้งสองที่ลอยกระเด็นไปชนผนังหิน
“มังกรเพลิงตะวัน! ใช้อักษรเพลิงพระอาทิตย์”
เสียงของอากิดังขึ้นพร้อมใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างของมังกรเพลิงตะวัน ทักษะระดับสูงสุดทันที มังกรคำรามกึกก้อง เสียงสะท้อนไปทั่วบริเวณ ขณะที่เปลวเพลิงจากร่างมันพุ่งออกมารวมตัวกันกลางอากาศ เบื้องหน้าปรากฏอักษรโบราณสีเพลิงที่เรืองแสงดั่งเปลวไฟแห่งสุริยัน
อักษรนั้นหมุนวนรอบตัวมังกรเพลิงอย่างรวดเร็วก่อนจะกระจายออกเป็นวงกว้าง เสียงฟู่ฟ่าของพลังงานร้อนแรงดังชัดเจน เปลวไฟจากอักษรแต่ละตัวเหมือนจะมีชีวิต มันเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาด รวมตัวกันเป็นเกราะพลังงานที่แข็งแกร่งปกคลุมร่างของมังกรเพลิงตะวัน
อักษรหนึ่งตัวใหญ่กว่าที่เหลือเปล่งแสงเจิดจ้าก่อนจะพุ่งตรงไปหาลำแสงสีเงินอย่างรุนแรง
ตู้มมมม!!!
การปะทะสร้างระลอกพลังงานขนาดมหึมา แผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง ทะเลเพลิงโอบล้อมไปทั่วบริเวณ การโจมตีของทั้งสองต้านทานกันอย่างดุเดือด
แต่ก็อตซิลล่าเหล็กครามไม่ยอมง่ายๆมันคำรามด้วยความโกรธ ปล่อยคลื่นพลังมหาศาลออกมามากกว่าเดิมระงับเปลวไฟที่ห้อมล้อมไว้ พื้นดินรอบบริเวณเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รอยร้าวแพร่กระจายออกเหมือนใยแมงมุม
จนในที่สุดลำแสงของก็อดซิล่าก็ทำลายการโจมตีของมังกรเพลิงตะวันได้และพุ่งชนเขาทำให้กระเด็นออกไปไกล
“มังกรเพลิงตะวัน!” อากิตะโกนออกมาเสียงด้วยความร้อนรนและความเจ็บปวดทันที
มังกรเพลิงตะวันเป็นสัตว์อสูรตัวแรกของเขา พวกเขาอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็กสายสัมพันธ์เกินกว่าที่ใครจะคิดได้ หากมังกรเพลิงตะวันเกิดล้มตายขึ้นมา เขาคงจะไม่ให้อภัยตัวเองแน่นอน
ลำแสงสีเงินไม่ได้หายไปแต่อย่างใดแต่กลับพุ่งตรงไปที่อากิและทาชิทำให้พวกเขาตกอยู่ในความสิ้นหวังและเตรียมพร้อมที่จะตาย แต่ในขณะนั้นเองก็มีร่างหนึ่งมาคว้าพวกเขาเอาไว้
“ผีเสื้ออำพรพ่นไฟ! จับพวกเขาเอาไว้แล้วพุ่งไปทางขวา!”
ร่างของผีเสื้ออำพรพ่นไฟกระโจนออกมาด้วยความเร็วสูงแล้วพุ่งเข้าประคองร่างของอากิและทาชิเอาไว้แล้วกระโดดหลบออกด้านข้างก่อนที่ลำแสงจะปะทะ
“ตู้ม”
ลำแสงพลังงานพุ่งผ่านตรงตำแหน่งที่อากิและทาชิเคยอยู่แล้วมุ่งตรงไปที่พื้นดินทำให้เสียงระเบิดดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ เปลวไฟและเศษหินกระจายไปทั่วท้องฟ้า คลื่นกระแทกจากการระเบิดกวาดทุกสิ่งในรัศมีหลายร้อยเมตรลอยปลิวเหมือนเศษใบไม้ในสายลม ผืนดินแตกกระจายเป็นแนวยาวเหมือนแผลเปิดขนาดใหญ่
เมื่อทุกอย่างสงบลง เศษซากของพื้นดินเหลือเพียงความเงียบงันและกลิ่นควันไฟที่ลอยคละคลุ้ง ทุกคนที่เฝ้ามองเหตุการณ์นี้อยู่จากที่ไกลต่างสะท้านไปกับภาพที่ได้เห็น นี่คือพลังที่อันน่าเกรงขามของสัตว์กึ่งเทพ มันคือมหันตภัยเคลื่อนที่ที่มาพร้อมกับการทำลายล้างในทุกย่างก้าว!
“พี่และพ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหม!?” ริวถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงโชคดีที่เขามาทันไม่งั้น ครอบครัวเขาจะเกิดเหตุโศกนาฏกรรม
“ริว! นายมาที่นี่ได้ไง!?” อากิและทาชิอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเราต้องเอาตัวรอดให้ได้” ริวพูดพร้อมมองไปที่คาร์ลด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
คาร์ลที่อยู่บนเนินหินสูงมองการโจมตีของก็อตซิลล่าเหล็กครามที่ล้มเหลวในเสี้ยววินาทีสุดท้ายด้วยความหงุดหงิด ดวงตาของคาร์ลที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสฉายแววรำคาญ
“ไร้ประโยชน์!” เขาคำราม พลางยกมือขึ้นอีกครั้งเพื่อสั่งการ
“ก็อตซิลล่าเหล็กคราม! เตรียมโจมตีใหม่อีกรอบ! คราวนี้จงกวาดทุกสิ่งให้สิ้นซาก!”
ก็อตซิลล่าเหล็กครามคำรามก้อง มันโน้มตัวลงต่ำ ปากอ้ากว้าง ขณะที่หนามแหลมบนแผ่นหลังเปล่งประกายสีฟ้าสว่างเจิดจ้าอีกครั้ง เสียงพลังงานสะสมกรีดเสียงดังทั่วบริเวณ พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รอยร้าวกระจายออกไปในทุกทิศทาง
แต่ก่อนที่คาร์ลจะออกคำสั่งปลดปล่อยพลังทำลายล้างนั้น จู่ๆ เขาก็เห็นกิ้งก่าเงาที่โผล่ออกมาและส่งสัญญาบางอย่างด้วยความร้อนรน
สาเหตุที่กิ้งก่าเงาไม่เคยโผล่มาต่อสู้แต่อย่างใด ส่วนหนึ่งเพราะคาร์ลมั่นใจว่าเขาสามารถรับมือกับพวกอากิได้โดยไม่ใช้มัน ส่วนอีกอย่างหนึ่งคือเขาสั่งให้กิ้งก่าเงาพรางตัวอยู่รอบๆป่าเพื่อสังเกตุบริเวณรอบๆกันการลอบโจมตี
คาร์ลที่เห็นกิ้งก่าเงาโผล่มาก็กำลังจะถามด้วยความสงสัย แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่ง... แรงสั่นสะเทือนแผ่วเบาที่ต่างจากการโจมตีของเขาและแรงกดดันมหาศาลที่แผ่กระจายไปทั่วอากาศ เย็นยะเยียบจนทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่ง
“ไม่... เป็นไปไม่ได้…” คาร์ลพึมพำ เขารู้ดีถึงความรู้สึกนี้เพราะเขาเคยสัมผัสมันมาก่อน
มันคือพลังของ 1 ใน 4 ราชาสวรรค์!
ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความหวาดหวั่น “เขากำลังมาที่นี่!”
เบื้องบนท้องฟ้าที่มืดครึ้ม พลังที่ทรงอำนาจแผ่ขยายออกไปเหมือนคลื่นน้ำวนขนาดมหึมา พายุหมุนเกิดขึ้นในอากาศ พร้อมเสียงสายฟ้าฟาดก้องสนั่น ร่างของสิ่งมีชีวิตที่เหมือนจะเป็นเทพแห่งการพิพากษาค่อยๆ ปรากฏขึ้น
คาร์ลกัดฟันแน่น ก่อนจะสะบัดมือออกคำสั่งสุดท้าย “ก็อตซิลล่าเหล็กคราม! หยุดการโจมตีทันที! เราต้องถอยโดยด่วน!”
ก็อตซิลล่าเหล็กครามคำรามอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างรวดเร็ว ร่างยักษ์โลหะค่อยๆ ลดพลังงานลง เสียงสะสมพลังที่ดังก้องค่อยๆ เงียบลง
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเราอีกต่อไป... พลังของเขาอยู่คนละระดับกับเรา”
" เราต้องหนีไปให้ไกลที่สุด!”
คาร์ลนำก็อตซิลล่าเหล็กครามกลับเข้าไปที่พื้นที่จิตวิญญาณและเรียกอีกแร้งลมออกมา พร้อมรีบขึ้นไปบนตัวของมันและบินหนีออกไปจากอาณาจักรลับให้เร็วที่สุด
ริวและพรรคพวกมองตามร่างของคาร์ลและสัตว์อสูรที่ล่าถอยไป ทันใดนั้นเสียงคำรามอันดังก้องในอากาศก็ปรากฎอีกครั้งราวกับประกาศอำนาจที่ไร้เทียมทาน
“โครกกก”
พายุสายฟ้าฟาดกระจายไปทั่วท้องฟ้า เมฆดำหมุนวนราวกับจะกลืนกินทุกสิ่ง แสงสว่างวาบจากฟ้าผ่าฉายให้เห็นเงาร่างมหึมาที่ค่อยๆ ปรากฏออกมาจากกลุ่มเมฆ ร่างนั้นพุ่งลงมาสู่เบื้องล่าง เสียงคำรามดังสนั่นจนพื้นดินสั่นสะเทือน
ร่างนั้นคือมังกรสายฟ้าทรราช
ร่างของมันสูงใหญ่จนดูเหมือนจะบดบังท้องฟ้าบนหัวของพวกริว เกล็ดของมันเปล่งประกายราวกับโลหะที่เคลือบด้วยแสงสีทองและเงิน สายฟ้าไหลวนไปทั่วร่างตั้งแต่เขี้ยวอันแหลมคมจนถึงปลายหาง ดวงตาสีฟ้าสว่างของมันมองลงมาด้วยอำนาจที่ทำให้ทุกชีวิตเบื้องล่างรู้สึกถึงความด้อยค่า
ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า คือชายคนหนึ่งที่ยืนอย่างมั่นคงอยู่บนหัวของมัน
เขาเป็นชายในชุดเกราะสีดำสนิท ขลิบด้วยลวดลายสีทองที่ดูราวกับสายฟ้าผ่าลงมาสลักไว้ ผ้าคลุมยาวสะบัดพลิ้วตามแรงลมจากปีกของมังกร ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมด้วยหน้ากากสีเงินที่สลักลวดลายสายฟ้า มีเพียงดวงตาคู่อาคมสีเหลืองอำพันที่มองผ่านหน้ากากออกมา สายตานั้นเยือกเย็นและแฝงไปด้วยความเหยียดหยาม
“นายจะหนีไปไหน...” เสียงของชายคนนั้นดังขึ้น ราวกับเสียงของเทพที่บังคับให้ทุกคนต้องหยุดนิ่ง น้ำเสียงนั้นทรงพลัง และแฝงไปด้วยความกดดันที่บดขยี้ทุกคน
พวกริวมองมองชายบนหัวมังกรสายฟ้าด้วยความตื่นตระหนก
“นี่คือ... 1ใน4ราชาสวรรค์ มังกรอัสนีแห่งจตุรทิศเหนือ บารัก” อากิพูดด้วยเสียงสั่น ขณะที่มองมังกรสายฟ้าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาขอความเชื่อเหลือจากสหพันธ์ดาวประกายฟ้าก็จริงแต่ไม่คิดมาก่อนว่า1ใน4ราชาสวรรค์จะมาเอง
สี่ราชาสวรรค์ก็เปรียบเสมือนผู้บัญชาการของสหพันธ์ดาวประกายฟ้า พวกเขาเป็นหนึ่งในเหล่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปดาวประกายฟ้าเป็นรองแค่แชมเปี้ยมเท่านั้น หรือ บางทีแชมเปี้ยมบางคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
บารักยกมือขึ้นเบาๆ สายฟ้าสีทองเส้นใหญ่ผ่าลงมาอย่างแม่นยำรอบตัวคาร์ลที่กำลังหนี เสียงกัมปนาททำให้ทุกอย่างเงียบลงชั่วขณะก่อนเขาจะพูดต่อ
“อาชญากรคาร์ล จงมอบตัวซ่ะ...หรือไม่ก็ตาย”
สิ้นคำพูดนั้น มังกรสายฟ้าทรราชเงยหัวขึ้นฟ้าพร้อมส่งเสียงคำราม เส้นสายฟ้าพุ่งขึ้นไปในอากาศก่อนแตกกระจายราวกับเครือข่ายแห่งการทำลายล้าง ทุกสิ่งในบริเวณถูกปกคลุมด้วยแรงกดดันจากพลังสายฟ้าที่ปลดปล่อยออกมา ราวกับทั้งอาณาจักรลับกำลังจะล่มสลายเพราะการปรากฏตัวของมัน!
คาร์ลไม่สนใจคำพูดของบารักเขาพยายามขี่อีแร้งลมให้ออกจากอาณาจักรลับให้เร็วที่สุด
“ดูเหมือนนายต้องการที่จะตาย”
เสียงสายฟ้าฟาดกระหน่ำจากฟากฟ้า มังกรสายฟ้าทรราช ขยับตัวอย่างเกรี้ยวกราด มันสะบัดปีกครั้งเดียว พายุสายฟ้าก็โหมกระหน่ำรอบตัว ทำให้คาร์ลและอีกาลมร่วงหล่นลงมาที่พื้น
แต่ถึงยังงั้นสายตาของเขาก็ยังไม่ยอมแพ้แต่อย่างใดและมองขึ้นไปชายผู้ยืนอยู่บนหัวมังกรด้วยสายตาเย้ยหยัน
“หึม! ต่อให้ตายฉันก็ไม่มีวันมอบตัวหรอก” คาร์ลกล่าวเสียงเรียบ พลางร่ายพลังบางอย่างลงบนอุปกรณ์รูปคริสตัลสีฟ้าในมือ
“งั้นก็จงตายไปซ่ะ!”
เสียงของบารักดังสะท้อนรอบบริเวณพร้อมพร้อมยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ มังกรสายฟ้าทรราชส่งเสียงคำรามลั่น มันพุ่งเข้าใส่คาร์ลและอีแร้งลมด้วยพลังสายฟ้าที่หมุนวนรอบตัว
แต่คาร์ลยังคงใจเย็น เขากำคริสตัลในมือแน่นขึ้น แสงสว่างจากคริสตัลเริ่มเรืองรองอย่างรุนแรง
“ถ้ายังงั้นก็เข้ามา!” คำพูดของเขาแฝงไปด้วยความท้าทาย
มังกรสายฟ้าทรราชเปิดปากพ่นสายฟ้าสีทอง พุ่งตรงไปที่คาร์ลและอีแร้งลม แรงกดดันทำให้พื้นดินใต้เท้าพังทลายและอากาศรอบข้างกลายเป็นไฟฟ้าสถิต
ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย คาร์ลหยิบคริสตัลขึ้นเหนือหัว แสงจากคริสตัลแผ่กระจายออกไปเป็นวงกลมสีฟ้าสดใส
“เคลื่อนย้ายมิติ—เปิด!”
สายฟ้าของมังกรพุ่งเข้ามาใกล้จนแทบสัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้าง แต่ในวินาทีสุดท้ายร่างของคาร์ลและอีกแร้งลมก็จางหายไปในหายไปท่ามกลางความว่างเปล่า
สายฟ้าพุ่งชนพื้นที่ว่างเปล่าพร้อมกับระเบิดพลังอย่างรุนแรง พื้นดินและต้นไม้ถูกทำลายล้างรอบบริเวณ
บารักมองดูร่องรอยที่ว่างเปล่าด้วยสายตาที่เย็นชา พร้อมกล่าวเบาๆ แต่เสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความดุร้ายและมุ่งมั่น
“นายไม่อาจหลบหนีได้ตลอดไป”
“คาร์ล”