ตอนที่แล้วบทที่23 เฟลิน่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่25 บารัก

บทที่24 ก็อตซิล่าเหล็กคราม


แสงสีม่วงเปล่งประกายขึ้นมาราวกับดวงดาวทีระยิบระยับบนท้องฟ้า พลังมิติและอวกาศปรากฎขึ้นไปทั่วทุกมุมห้อง ในขณะเดียวกันแก่นพลังงานก็ได้เปล่งแสงสีเขียวชอุ่มที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตมหาศาล

แสงสีเขียวและแสงสีเขียวค่อยๆหลอมรวมเดียวกันจนผ่านไปสักพักแสงก็ค่อยๆจางลงและเผยให้เห็นรูปลักษณ์ใหม่ของมัน

“นี่คือกุญแจแห่งอาณาจักรลับหลังจากที่หลอมรวมกับแก่นพลังต้นไม้แห่งชีวิต”

“ต่อจากนี้ฉันจะเรียกมันว่า กุญแจแห่งชีวิต ”  ริวพูดพร้อมจับจ้องมองไปที่กุญแจบนมือเขา

กุญแจที่ริวถืออยู่ในมือดูเหมือนจะไม่ใช่กุญแจธรรมดา ความงามของมันสะท้อนออกมาในทุกแบบและรายละเอียดของมันราวกับมันเกิดจากธรรมชาติและถูกสร้างขึ้นมาด้วยมือของเทพเจ้า ภายใต้แสงแดดอ่อนๆ กุญแจนี้ดูเหมือนจะเปล่งประกายเบาบาง ด้านหน้าของมันมีลวดลายไม้ที่ละเอียดและประณีตจนดูเหมือนเป็นภาพที่มีชีวิต

ลวดลายไม้ที่คดเคี้ยวและพันกันไปมาอันสลับซับซ้อนบนตัวกุญแจ ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวไปตามจังหวะของลม ดั่งต้นไม้ในป่าลึกที่มีชีวิต รากไม้ที่เริ่มต้นจากปลายด้ามจับค่อยๆ ขึ้นมาบรรจบที่หัวกุญแจ ใบไม้และเถาวัลย์ที่พันกันไปทั่วเพิ่มเสน่ห์ให้มันราวกับร่างทรงของป่าไม้ที่ผ่านการหลอมรวมกับพลังแห่งมิติ

ที่กลางของกุญแจ มีสัญลักษณ์รูปวงกลมเล็กๆ ที่ทำจากลวดลายของแสงสีทอง กระจายออกเหมือนกับลำแสงที่ฉายผ่านช่องว่างระหว่างโลก สัญลักษณ์นี้ไม่ใช่เพียงแค่การตกแต่ง มันเป็นเหมือนประตูแห่งมิติ ที่พร้อมจะเปิดทางให้แก่ผู้ที่ถือกุญแจนี้ไปยังโลกใหม่

เพียงสัมผัสเพียงแค่ปลายนิ้วก็ทำให้รู้สึกได้ถึงพลังแห่งชีวิตและพลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ในกุญแจนี้ เสียงหวิวของสายลมที่พัดผ่านดูเหมือนจะดังขึ้นเมื่อมันถูกสัมผัส สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความลึกลับและน่าตื่นตาตื่นใจเหมือนกับว่ากุญแจนี้ไม่เพียงแค่มีไว้เพื่อไขประตูธรรมดา แต่มันเป็นเครื่องมือเชื่อมต่อระหว่างโลก ที่เต็มไปด้วยความลับที่รอการค้นพบ

“ขอบคุณมากคุณเฟลิน่า” ริวหันไปขอบคุณเฟลิน่าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“ไม่เป็นไร.. นายไม่ต้องสุภาพกับฉันก็ได้ เรียกฉันว่าเฟลิน่าก็พอ” เฟลิน่าตอบกลับและพูดต่อว่า

“ตอนนี้เป้าหมายของนายก็สำเร็จแล้ว นายจะทำอะไรต่อไป”

“ฉันน่าจะออกไปยังโลกภายนอกและพยายามฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งของให้มากที่สุด” ริวมีท่าครุ่นคิดชั่วครูก่อนจะตอบกลับไป

ตอนนี้เขาต้องการออกไปจากอาณาจักรลับให้เร็วที่สุด ใครจะรู้ว่าถ้าเขาอยู่นานกว่านี้ สมบัติในอาณาจักรลับแห่งนี้จะถูกมนุษย์จากโลกภายนอกนำออกไปเท่าไหร หลังจากที่ทุกคนออกไปหมดแล้วเขาค่อยหาเวลามาหาทรัพย์สมบัติในอาณาจักรลับทั้งหมด

“งั้นฉันจะส่งนายออกไป”

โดยไม่ให้ริวตอบโต้ เฟลิน่าก็ส่งจิตสำนึกของริวกลับไปทันที

เปลือกตาของริวค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา จากนั้นเขามองไปยังกุญแจแห่งชีวิตในมือของเขาเพื่อแสดงว่าสิ่งที่ผ่านมาเป็นเรื่องจริง

“ตอนนี้ฉันสามารถควบคุมอาณาจักรลับได้แล้ว ฉันควรออกจากที่นี่และปิดอาณาจักรลับให้เร็วที่สุด แต่ฉันไม่รู้ว่าพ่อและพี่ชายเป็นยังไงบ้าง ทางที่ดีฉันควรหาพวกเขาให้เจอก่อนจากนั้นค่อยออกจากอาณาจักรลับ” ริวคิดขึ้นในใจ ก่อนจะบอกลาเผ่าพันธุ์กิ่งก่ามังกรเริงระบำและออกจากที่นี่เพื่อตามหาพ่อและพี่ชายของเขาทันที

ในห้องพฤษภา มีร่างของเฟลิน่าที่นั่งบนบังลังก์ลวดลายไม้ที่มีออร่าลึกลับและโบราณราวกับมาจากอดีตกาล เธอดูเหมือนราชินีผู้สูงศักดิ์  ขณะนี้เฟลิน่ากำลังใช้พลังของเธอมองริวที่กำลังเดินทางอยู่ด้านนอก ในฐานะแกนกลางของอาณาจักรลับ เธอสามารถส่องทั่วทุกมุมของอาณาจักรลับแห่งนี้ได้

“มนุษย์ที่มีพลังแห่งโชคชะตาเหมือนสิงโตทองคำศักดิ์สิทธ์งั้นเหรอ..”

" ชั่งน่าสนใจจริงๆ! ”

“ฉันอยากรู้ว่าถ้าหากเขาได้พบกับสิงโตทองคำศักดิ์สิทธิ์ในป่าแห่งดวงดาวจะเกิดอะไรขึ้น”

เฟลิน่ายกยิ้มขึ้นมาชวนให้ผู้คนหลงไหล แต่เมื่อนึกถึงต้นไม้แห่งชีวิตเหมือนเธอที่อยู่ในใจกลางป่าแห่งดวงดาว เธอก็หุบยิ้มทันทีและในดวงตาที่นุ่มนวลและอ่อนโยนของเธอส่องประกายแห่งความเย็นชาออกมา

สาเหตุหลักเลยที่เธอยกแก่นพลังงานที่มีค่ามากสำหรับเธอให้ง่ายๆเพราะเธอสัมผัสได้ถึงพลังแห่งโชคชะตาในตัวอีกฝ่ายซึ่งไม่น่าปรากฎในตัวของมนุษย์ได้ ไม่งั้นเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะยกแก่นพลังงานของเธอให้กับมนุษย์

“มาดูกันว่านายจะไปได้ไกลแค่ไหน”

เสียงเบาๆของเฟลิน่าดังขึ้นจากนั้นเธอก็หลับตาลงเพื่อฟื้นฟูและรักษาร่างกายของเธอ หากมองเข้าไปในร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อผ้าของเธอ จะเห็นพลังสีดำที่ดูมืดมนและชั่วร้ายกำลังกลืนกินพลังชีวิตของเธออย่างต่อเนื่องราวกับคำสาบ หากเธอไม่มีพลังชีวิตมหาศาลและความสามารถในการฟื้นฟูเธอคงดูดกลืนพลังชีวิตจนตายไปนานแล้ว

…..

ในมุมป่าแห่งหนึ่งของอาณาจักรลับมีร่างสามร่างที่แสดงสีหน้าท่าทางที่แตกต่างกันอยู่ ชายวัยกลางคนคิ้วขมวดเล็กน้อยและมองไปที่ภาพตรงนั้นอย่างหงุดหงิด คนๆนี้คือคาร์ล และอีกสองคนที่อยู่เบื้องหน้าเขามีท่าทีเหนื่อยล้าโดยเฉพาะคนที่ดูมีอายุน้อยกว่า  นั้นก็คืออากิและทาชิ

ตอนนี้อากิเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เหงื่อไหลออกมาทั่งร่างกายเขา สาเหตุที่เขาเป็นแบบนี้เพราะเขาใช้พลังพิเศษที่เป็นพรสวรรค์ของเขา

ใช่! อากิเป็นหนึ่งในผู้ที่สามารถปลุกพรสวรรค์ได้ พรสวรรค์ของเขาคือการพัฒนาสัตว์อสูรธาตุไฟได้เร็วกว่าปกติหลายเท่าและเพิ่มพลังให้กับสัตว์อสูรธาตุไฟได้ ดังนั้นอากิจึงมีแต่สัตว์อสูรธาตุไฟ

แล้วด้วยเหตุนี้เองทำให้มังกรเพลิงตะวันระดับอิลิทขั้นต่ำจึงสามารถสู้กับหมาป่าจันทราสีเงินระดับอิลิทขั้นกลางได้อย่างสูสีหรือแม้แต่ได้เปรียบเล็กน้อบ

ในขณะที่ทาชิรับมือกับจระเข้นัยน์ตาโลหิต ถึงแม้สัตว์อสูรของเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่ามัน แต่เขาใช้จำนวนเข้าสู้และเน้นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและหลบหลีบการโจมตีของจระเข้นัยน์ตาโลหิต เพราะจระเข้นัยน์ตาโลหิตมีความเร็วที่ช้ามากแต่โดดเด่นเรื่องพลังโจมตี

“ดูเหมือนพวกนายจะพยายามถ่วงเวลา”

หลังจากสังเกตุมานานคาร์ลก็เข้าใจเป้าหมายของพวกเขาได้ ถึงแม้สัตว์อสูรของพวกเขาจะต่อสู้กัน แต่สัตว์อสูรของพวกอากิต่างเน้นที่การหลบหลีกและการตั้งรับมากกว่า ราวกับไม่ได้ตั้งใจจะเอาชนะแต่อย่างไร

“บางทีพวกกำลังรอความช่วยเหลือจากสหพันธ์อยู่”  เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ คาร์ลก็ไม่ลีลาอีกต่อไปและเรียกสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมา แต่นั้นไม่ใช่กิ้งก่าเงาแต่อย่างใด

“การละเล่นควรจะจบตรงนี้ได้แล้ว!”

“ออกมา ก็อตซิลล่าเหล็กคราม!  ”

ทันใดนั้นร่างขนาดใหญ่โตสูงขนาดสองเมตรปรากฎขึ้นมันเป็นสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม รูปร่างของมันคล้ายกับสัตว์เทพ ก็อตซิลล่าแห่งการทำลายล้าง   แต่มันมีขนาดตัวที่เล็กกว่ามาก

ถึงยังนั้นก็ตามมันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างอย่างโดดเด่น ผิวของมันถูกหุ้มด้วยเกล็ดเหล็กแข็งแกร่ง สีครามเข้มแวววาวราวกับโลหะที่เพิ่งถูกตีขึ้นรูป เกล็ดแต่ละชิ้นเรียงตัวเป็นชั้นอย่างประณีต เสริมความรู้สึกของพลังและความแข็งแกร่ง

หางยาวหนาทรงพลังที่มีปลายเป็นใบมีดคมสีเงินแวววาวซึ่งสามารถฟาดฟันศัตรูได้อย่างง่ายดาย ดวงตาสีฟ้าสว่างเจิดจ้าเหมือนแสงไฟจากเครื่องจักรโบราณ มันมองดูทุกสิ่งด้วยความเยือกเย็นและทรงอำนาจ

กระดูกสันหลังของมันประดับด้วยโครงสร้างที่คล้ายหนามยักษ์สีเงิน ยามที่ก็อตซิลล่าเหล็กครามโกรธ หนามเหล่านั้นจะเปล่งแสงสีฟ้าสดใสก่อนจะปล่อยพลังงานออกมาในรูปของลำแสงพลังทำลายล้างที่สามารถเผาผลาญทุกสิ่งให้สิ้นซาก

เสียงคำรามของมันดังก้องกังวาน ราวกับเสียงเหล็กกระทบกันในโรงงานขนาดใหญ่ เสียงนั้นเพียงพอที่จะทำให้ทั้งป่าเงียบงันและสิ่งมีชีวิตรอบข้างหนีหายไปด้วยความกลัว

ถึงแม้ก็อตซิลล่าเหล็กครามจะดูโด่นเด่นด้านพละกำลังและพลังโจมตี แต่จุดที่แข็งแกร่งที่ของมันคือพลังป้องกันที่เกล็ดเป็นเหล็กหนาชั้นๆ  มันเป็นสัตว์กึ่งเทพที่มีพลังป้องกันมากที่สุดในทวีปดาวประกายฟ้า

ใช่แล้ว!  ก็อตซิลล่าเหล็กครามเป็นหนึ่งในแปดสัตว์กึ่งเทพของทวีปดาวประกายฟ้า  ถึงแม้ก็อตซิลล่าเหล็กครามจะดูมีนิสัยดุร้าย แต่หากผู้ฝึกฝนได้รับความไว้วางใจจากมัน มันจะต่อสู้เคียงข้างด้วยความภักดีและความร้ายกาจที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้

“ก็อตซิลล่าเหล็กคราม !” อากิและทาชิอุทานออกมาด้วยความกลัวทันที

เห็นได้ชัดว่านี่คือสัตว์กึ่งเทพที่คาร์ลแย่งชิงมาเมื่อสามปีก่อน ที่สำคัญที่สุดออร่าที่ก็อตซิลล่าเหล็กครามปล่อยออกมาทรงพลังกว่าสัตว์อสูรระดับอิลิทไปไกลมาก เป็นไปได้สูงว่ามันจะกลายเป็นสัตว์อสูรระดับราชาไปแล้ว

“ดูเหมือนพวกนายจะเดาได้ก็อตซิลล่าเหล็กครามของฉันกลายเป็นสัตว์อสูรระดับราชาแล้ว!” คาร์ลพูดออกพร้อมยกยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาดูมีความสุขมากเมื่อเห็นท่าทีเกรงกลังของพวกอากิ

หนี!

นี่คือความคิดเดียวของอากิและทาชิ สัตว์อสูรระดับราชาไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านทานได้แม้แต่น้อย

อากิและทาชิรีบเรียกสัตว์อสูรที่มีความเร็วที่สุดของพวกเขาและหนีออกไปทันที

“หึม… คิดจะหนีเหรอ!”

“ก็อตซิลล่าเหล็กครามใช้ลำแสงเหล็กไหลแห่งการทำลายล้าง”

ก็อตซิลล่าเหล็กครามยืดตัวขึ้นสูงสุด ร่างกายขนาดมหึมาของมันเต็มไปด้วยพลังที่เกรี้ยวกราด หนามแหลมขนาดใหญ่บนสันหลังที่ปกติเปล่งประกายสีเงินเยือกเย็น เริ่มเรืองแสงสีฟ้าสว่างจ้าขึ้นทีละน้อย แสงนั้นไหลเวียนเหมือนพลังงานชีพจรที่เต้นเป็นจังหวะจากโคนสันหลังไปจนถึงปลายหนาม เสียงคำรามต่ำลึกดังก้องออกมาจากลำคอเหล็กของมัน ราวกับเสียงสะท้อนของเหล็กที่กำลังร้อนแดงในเตาหลอม

พื้นดินรอบๆ สั่นสะเทือนเหมือนตอบรับพลังงานมหาศาลที่มันกำลังปลดปล่อย ก้อนหินเล็กๆ ลอยขึ้นจากแรงสั่นสะเทือนของพลังงานที่พุ่งพล่านในอากาศ ทุกสิ่งรอบตัวดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ไม่ใช่เพราะความสงบ แต่เป็นเพราะความกลัว

แล้วในชั่วพริบตา หนามทั้งหมดบนสันหลังก็อตซิลล่าเหล็กครามเปล่งแสงสว่างวาบราวกับฟ้าผ่าที่หล่นลงมาจากสวรรค์ แสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากปากของมันเป็นลำแสงพลังงานเข้มข้น ลำแสงนั้นมีความคมชัดเหมือนกระแสไฟฟ้าที่รวมตัวกันอย่างหนาแน่น เสียงของมันแผดเสียงแหลมเหมือนเสียงการฉีกขาดของอากาศ

ลำแสงพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง พื้นดินที่ลำแสงลากผ่านถูกเผาไหม้กลายเป็นหลุมลึก รอยไหม้สีดำสนิทที่ยังคงหลอมเหลวเหมือนลาวา บ่งบอกถึงอุณหภูมิที่ร้อนแรงจนไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถต้านทานได้

“ตู้ม!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด