ตอนที่แล้วตอนที่ 8
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10

ตอนที่ 9


ตอนที่ 9

ณ ตลาดซีเซียง ภายในร้านค้าของรัฐบาล

อู๋เสี่ยวเผิงยื่นบัตรธนาคารให้พนักงาน มือสั่นเทาพลางรับตำราอาหารสีม่วงมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย

การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์

อู๋เสี่ยวเผิงกำตำราอาหารแน่น ในที่สุดลูกชายของเขาก็เรียนจบมัธยมปลายและเปลี่ยนอาชีพได้สำเร็จ

แต่ใครจะคิดว่าลูกชายของเขาจะเปลี่ยนอาชีพเป็น"พ่อครัว"!

อาชีพพ่อครัว การมีตำราอาหารกับไม่มีตำราอาหารต่างกันราวฟ้ากับเหว

มีคำกล่าวที่ว่า"คนมีตำราเรียกว่าพ่อครัว คนไม่มีตำราเรียกว่าคนผัดกับข้าว"

เพื่ออนาคตของลูกชาย เขาจึงตระเวนไปทั่วเมืองหยงหนิง ในที่สุดก็หาตำราอาหาร"เนื้อกระต่ายผัดพริกเผา"เจอ

แต่...ราคามันแพงเหลือเกิน

ตั้ง4แสนเหรียญทอง!

นี่เป็นของที่แพงที่สุดที่เขาเคยซื้อมาและเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงที่สุดในชีวิต

ตำราอาหารเล่มนี้ทำให้เงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวที่ตั้งใจจะเอาไว้ซื้อบ้านบนพื้นดินหมดเกลี้ยง

ตอนแรกน้องชายของเขาเสนอว่าจะซื้อตำราอาหารให้ แต่ลูกชายของเขาต้องไปเรียนทำอาหารกับเขาที่เมืองเตาหลิวเป็นเวลา3ปี

พอได้ยินแบบนั้นอู๋เสี่ยวเผิงก็รู้สึกว่าไม่น่าไว้ใจ

ไปเรียนทำอาหาร3ปี ไม่เท่ากับเสียเวลาไป3ปีเหรอ?

ตอนนี้เป็นยุคที่ใครๆก็เปลี่ยนอาชีพทุกคนต่างพัฒนาตัวเอง รัฐบาลถึงกับออกกฎว่าต้องเรียนจบมัธยมปลายถึงจะเปลี่ยนอาชีพได้

พ่อแม่หลายคนอยากให้ลูกเปลี่ยนอาชีพตั้งแต่เกิดและออกไปล่ามอนสเตอร์เพิ่มเลเวลตั้งแต่1ขวบถึง2ขวบด้วยซ้ำ...

ใครบ้างที่อยากให้ลูกตัวเองล้าหลังคนอื่น?

ถ้าลูกชายไปเรียนทำอาหาร3ปีก็เท่ากับเสียเวลาไป3ปี ไม่ทันคนอื่นเขาแน่ๆ

คิดได้ดังนั้นอู๋เสี่ยวเผิงจึงตัดสินใจกัดฟันทุ่มเงินเก็บทั้งหมดซื้อตำราอาหารเล่มนี้

หลังจากเก็บตำราอาหารลงกระเป๋าเขาก็รู้สึกโล่งใจ

ทันทีที่ออกจากร้านค้าเขาก็รีบโทรหาลูกชาย"ลูกรีบกลับบ้านเร็ว"

"มีอะไรเหรอพ่อ?เสียงดังจัง!"

"ลูกอยู่กับชางหลินและอาเทียนรึเปล่า?รีบกลับมาพร้อมกันเลย"

"ครับ"

...

ย้อนกลับไป10นาทีก่อน

หน้าร้านบาร์บีคิวริมถนนที่ไม่เคยหลับใหล

เทียนเต๋าหยิบตำราอาหาร"บาร์บีคิว"ออกมา นี่ทำเอาอู๋อี้และหลี่ชางหลินถึงกับอึ้ง

"นี่...นายได้มาจากการฆ่ามอนสเตอร์จริงๆเหรอ?"

"โชคดีชะมัด"

"ใช่เล่มละ4แสนเหรียญทองเชียวนะ!"

"บ้าไปแล้วเงินขนาดนี้ซื้อบ้านบนพื้นดินได้เลยนะ"

"วันแรกก็เจอเรื่องดีๆแบบนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ"

ทั้งคู่ต่างพากันอิจฉาเทียนเต๋า

"ต้องเรียกว่าท่าน เทียนเต๋า สิ!"เทียนเต๋าพูดด้วยรอยยิ้ม

ในฐานะอาชีพสายชีวิตอู๋อี้และหลี่ชางหลินไม่มีโอกาสได้ต่อสู้ ดังนั้นไม่มีทางได้เข้าไปในป่าล่ามอนสเตอร์เก็บเลเวลและไม่มีทางได้ไอเท็มล้ำค่าแบบนี้

ถ้าอยากมีเงินก็ต้องทำงานหนักหาเงินเอง

การที่เห็นเพื่อนได้ดีกว่าก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้

"นี่"เทียนเต๋ายื่นตำราอาหารให้อู๋อี้

"หา?"อู๋อี้อึ้งไป

"นาย..."เขาพูดไม่ออก

ตำราอาหารตรงหน้ามันล่อตาล่อใจเกินไปจริงๆราวกับก้อนทองคำที่ส่องประกายแต่เขาก็ไม่อาจรับไว้ได้

"รับไปเถอะน่า"เทียนเต๋ายัดตำราอาหารใส่มืออู๋อี้"ตอนนี้ฉันแค่เลเวล4เอง เดี๋ยวฉันไปล่ามอนสเตอร์แป๊บเดียวก็ได้ตำราอาหารมาอีกเพียบ...ถึงตอนนั้นฉันกลัวนายจะเรียนไม่หมดซะอีก!"เขาพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกพลางตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ

"ใช่ รับไปเถอะ"หลี่ชางหลินเห็นด้วย"พี่เทียนบอกว่าจะได้มาอีกเยอะแยะ นายได้เล่มนึงก็ต้องมีเล่มสอง...เก็บไว้ทำบาร์บีคิวเลี้ยงพวกเราไง"เขาพูดเสริมพลางยิ้มกริ่มนึกถึงรสชาติบาร์บีคิวหอมๆที่เพื่อนรักจะทำให้กิน

"แต่...นี่มัน4แสนเหรียญทองนะ!"อู๋อี้ส่ายหน้าดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อน ตำราอาหารเล่มเล็กๆราคาแพงขนาดนี้ได้ยังไง

พวกเขาทั้งสามเพิ่งจะเห็นตำราอาหาร"เนื้อกระต่ายผัดพริกเผา"ขายในราคา4แสนเหรียญทองไปเมื่อครู่นี้เอง

"ต่อให้นายขายให้ฉัน ฉันก็ไม่มีเงิน4แสนเหรียญทองหรอกนะ"อู๋อี้พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเขารู้สึกกดดันอย่างมากราวกับมีภูเขาหนักอึ้งทับอยู่บนบ่า

"โธ่เว้ย! พวกเราเป็นพี่น้องกัน 4แสนเหรียญทองมันสำคัญมากนักเหรอ?"เทียนเต๋าแสร้งทำเป็นโกรธ"รับไปแล้วทำบาร์บีคิวอร่อยๆให้ฉันกินทุกวัน แล้วก็...อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ!"เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเอ็นดู

ในใจของเทียนเต๋า เพื่อนทั้งสองก็เหมือนพี่น้องแท้ๆเงินทองเป็นแค่สิ่งสมมุติเทียบไม่ได้กับมิตรภาพที่พวกเขามีให้กัน

"ดะ...ได้เลย ฉันสัญญา!"อู๋อี้สูดหายใจเข้าลึกๆ"พี่เทียนชีวิตนี้ฉันขอมอบให้พี่!"เขารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนจนอยากจะตอบแทนบุญคุณนี้ด้วยชีวิต

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของอู๋อี้ก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศแห่งความซาบซึ้ง

เขากำลังจะรับสายแต่เทียนเต๋าคว้ามือเขาไว้"เรียนรู้ทักษะก่อนค่อยรับสาย"เขาพูดด้วยรอยยิ้ม"เดี๋ยวจะลืม"

"อืม"อู๋อี้พยักหน้าเก็บโทรศัพท์แล้วหยิบตำราอาหารขึ้นมา

การเรียนรู้ทักษะเป็นเรื่องง่ายมาก แค่มีแต้มทักษะเพียงพอก็สามารถเรียนรู้ได้ทันทีเพียงแค่เปิดตำรา

อู๋อี้ใช้เวลาไม่ถึงวินาทีก็เรียนรู้ทักษะ"บาร์บีคิว"เสร็จ

จากนั้นก็รับสาย"พ่อครับผมอยู่ข้างนอก"

"มีอะไรหรือเปล่าครับ?"

"ผมอยู่กับพี่เทียนกับชางหลิน...ครับ เดี๋ยวไปครับ"เขาตอบด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ

หลังจากวางสายอู๋อี้ก็ถอนหายใจ"พ่อให้ผมกลับบ้านแล้วก็ชวนพี่เทียนไปด้วย..."เขาบอกพลางมองหน้าเพื่อนทั้งสอง

"ลุงเผิงชวนพวกเราไปเหรอ?"เทียนเต๋าถามอย่างสงสัย"มีอะไรรึเปล่า?"เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยทำไมลุงเผิงถึงได้ชวนเขาไปที่บ้านด้วย

"พ่อบอกว่ามีเรื่องดีๆล่ะ"อู๋อี้ตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแต่ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดทำให้เทียนเต๋ายิ่งสงสัย

หลี่ชางหลินพยักหน้า"ฉันไม่มีปัญหานะ พี่เทียนล่ะ?"เขาถามพลางมองไปที่เทียนเต๋า

"ฉัน...มีธุระนิดหน่อย"เทียนเต๋าลังเล เขาอยากไปแต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ

ในกระเป๋าของเขายังมีวัตถุดิบอีกมากมายที่ต้องเอาไปขาย

โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และตำราอาหารหายาก

ถึงแม้โลกจะกลายเป็นโลกของเกม แต่บางอย่างก็ยังเหมือนเดิม เช่นคนเราจะยังคงป่วยและเนื้อสัตว์ก็เน่าเสียได้ เขาไม่อยากให้ของล้ำค่าเหล่านี้ต้องสูญเปล่า

ถึงแม้จะเก็บไว้ในกระเป๋า แต่มันก็แค่ช่วยชะลอการเน่าเสียเท่านั้น

เนื้อสัตว์จะเริ่มมีกลิ่นภายใน1-2วัน

ผ่านไป5-6วันก็จะเริ่มเน่า ขึ้นรา มีกลิ่นเหม็นและสุดท้ายก็จะมีหนอน

วันนี้เขาได้เนื้อมาเยอะมากถ้าไม่รีบเอาไปขายพรุ่งนี้ก็จะกลายเป็น"เนื้อเก่า"หมด ขายไม่ได้ราคา

เทียนเต๋านึกขึ้นได้"จริงสิฉันมีของจะให้นาย"เขาหยิบเนื้อหมูออกมาจากกระเป๋าหลายชิ้นยื่นให้อู๋อี้"เอาไปทำกับข้าว"

"นี่มัน...เนื้อหมูที่นายล่ามาเหรอ?"หลี่ชางหลินถามด้วยความอิจฉา"ทำไมนายถึงได้ทุกอย่างเลยนะ?เป็นนักรบมันดีอย่างนี้นี่เอง อยากออกไปล่ามอนสเตอร์บ้างจัง..."เขาพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

"นายไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุเหรอ?"เทียนเต๋ายิ้ม"ไปหาซื้อระเบิดมาก็ออกไปล่ามอนสเตอร์ได้แล้ว"เขาพูดให้กำลังใจ

"มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก..."หลี่ชางหลินถอนหายใจ"พวกเราไม่มีตำรา ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีห้องทดลอง...ไม่มีอะไรเลย ทำได้แค่เอาอุปกรณ์ขยะๆไปรีไซเคิลแลกเป็นเหล็กกล้า"เขาอธิบายด้วยความรู้สึกท้อแท้

"ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวก็มีเอง!"เทียนเต๋าตบบ่าหลี่ชางหลินด้วยความมั่นใจ"เชื่อฉันสิ ไม่นานนี้หรอก"

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด