ตอนที่ 14
ตอนที่ 14
"ไม่มีอะไรหรอก" เทียนเสี่ยวหลิงพูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสา "ที่บ้านให้ข้าวให้น้ำส่งเสียให้เรียนพี่จะไปเกลียดพวกเขาได้ยังไง"
"แต่พี่ก็ยัง…. เอาเปรียบพวกเขาอยู่ดี" เทียนเต๋า พูด
"ก็ใช่น่ะสิ" เทียนเสี่ยวหลิงถามกลับด้วยท่าทางกวนๆ
เทียนเต๋าถึงกับพูดไม่ออก คำพูดที่เขากล่าวไปเหมือนจะจริงแต่ก็ไม่น่าใช่…
"อีกอย่าง พี่ก็อยากได้เงินเหมือนกัน" เทียนเสี่ยวหลิงพูดต่อ "ที่บ้านให้เงินพี่ใช้เดือนละ 5 หมื่น มันไม่พอใช้ ไม่งั้นพี่จะมาทำงานที่ร้านข้างๆ ทำไม..."
"5 หมื่นยังไม่พออีกเหรอ?" เทียนเต๋าตาโต 3 ปี ในโรงเรียนมัธยมเงินค่าขนมของเขายังไม่ถึง 1 หมื่นเลย
5 หมื่นต่อเดือน...
คนเรานี่มันต่างกันจริงๆ
"พี่เป็นนักเสริมพลังนะ" เทียนเสี่ยวหลิงถอนหายใจ "เงินแค่นี้มันไม่พอหรอก"
เทียนเต๋าได้แต่เงียบ
นักเสริมพลังก็เหมือนกับนักเล่นแร่แปรธาตุและพ่อครัวเป็นอาชีพสายชีวิต
แต่นักเสริมพลังใช้เงินเยอะกว่ามากคนที่ไม่มีเงิน ก็อยู่ไม่ได้
อาชีพอื่นๆ ถึงจะไม่มีทักษะก็ยังทำมาหากินได้
เช่น พ่อครัวก็ทำอาหารขาย นักเล่นแร่แปรธาตุ ก็รับซื้ออุปกรณ์พังๆ มารีไซเคิลเป็นต้น
แต่นักเสริมพลังทำไม่ได้เลย
นักเสริมพลังมีหน้าที่เสกอุปกรณ์หรือไอเท็ม เท่านั้นนอกจากนั้นก็แทบทำอะไรไม่ได้
การเสกของต้องใช้วัตถุดิบเยอะมากแถมยังต้องใช้ "ลูกแก้วเวทมนตร์" อีก
ของพวกนี้แพงทั้งนั้น
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักเสริมพลังเป็นอาชีพที่ใช้เงินเยอะที่สุด
"แต่... ที่บ้านพี่รวยมากไม่ใช่เหรอครับ?" เทียนเต๋าถาม "ถึงนักเสริมพลังจะใช้เงินเยอะแต่ที่บ้านพี่ก็น่าจะจ่ายไหว"
"อ้อ... ลืมบอกไปพี่มีน้องชายน่ะ" เทียนเสี่ยวหลิงพูด
เทียนเต๋าเข้าใจทันที
มีน้องชาย...
ทรัพยากรทั้งหมดของบ้านก็ต้องยกให้น้องชายอยู่แล้ว
"น้องชายพี่เป็นนักเวทย์น้ำแข็งขั้นสูงด้วย"
เทียนเต๋าไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
นักรบเป็นอาชีพสายต่อสู้ หาเงินได้ง่ายกว่าอยู่แล้วยิ่งเป็นนักเวทย์ขั้นสูงก็ยิ่งได้รับการสนับสนุนมาก
"นักเวทย์น้ำแข็งขั้นสูง" เป็นอาชีพขั้นสูงของนักเวทย์ โดยเฉพาะธาตุน้ำแข็งมันหายากและฝึกฝนยากกว่ามาก
ถ้าที่บ้านของเทียนเสี่ยวหลิงไม่โง่ก็ต้องรู้ว่าควรสนับสนุนใคร
เทียนเสี่ยวหลิงเห็นเทียนเต๋าเงียบไปก็พูดต่อ "อีกอย่างนะ ต่อให้ขายของให้ที่บ้านได้เงินเยอะแค่ไหนพี่ก็ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยหรอกแต่ถ้าขายในร้านของเราพี่จะได้อย่างน้อย 20%... ไม่ดีกว่าเหรอ?"
"ก็... ก็ได้ครับ" เทียนเต๋าตอบตกลง
"แต่น้องคงอยากได้เงินตอนนี้เลยใช่ไหม?" เทียนเสี่ยวหลิงยิ้ม
"ครับ"
"งั้น ขายตำราอาหารอีก 2 เล่มก็แล้วกัน ส่วนที่เหลือพี่ช่วยขายให้โดยเฉพาะ "ไส้หมูตุ๋น 9 ชั้นฟ้า" เล่มนี้... ให้เวลาพี่หน่อยพี่รับรองว่าขายได้ 3 ล้านเหรียญทอง!"
"ตกลงครับ" ในเมื่อเป็นหุ้นส่วนกันแล้ว เทียนเต๋า ก็เชื่อใจเธอเต็มที่
เขาส่งกระเป๋าเป้ให้อีกฝ่าย
เทียนเสี่ยวหลิงรับกระเป๋าไปแล้วส่งกระเป๋าของตัวเองให้เทียนเต๋า "กระเป๋าของน้องเล็กไปใช้ของพี่เถอะ"
"หา?" เทียนเต๋าตกใจ
"ไม่ต้องห่วง กระเป๋าของพี่ใหญ่กว่าเยอะ" เทียนเสี่ยวหลิงยิ้ม "ไม่มีของรกๆ ด้วย ใช้ได้เลย"
"ขอบคุณครับ" เทียนเต๋าพยักหน้า
ไม่นาน เทียนเสี่ยวหลิงก็ขายตำราอาหาร 2 เล่ม เสร็จ
ในบัตรของเทียนเต๋ามีเงินเพิ่มขึ้นอีก 4 แสนเหรียญทอง
ตำราอาหารทั้งสองเล่ม คือ "บาร์บีคิว" ตามราคาตลาดเล่มละ 1 แสนเหรียญทอง
แต่เนื่องจากตอนนี้ตำราอาหารขาดตลาด เขาจึงขายได้ในราคาเล่มละ 2 แสนเหรียญทอง
ส่วนราคาที่เทียนเต๋าเสนอไปตอนแรกก็ถูกปฏิเสธไป
ในเรื่องการค้าขาย เทียนเสี่ยวหลิงแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันอย่างชัดเจน
ในเมื่อขายของให้ร้านก็ต้องทำตามกฎของร้าน บัญชีของร้านต้องโปร่งใสตรวจสอบได้
ถ้าเธอทำอะไรมั่วๆไม่เพียงแต่จะทำร้ายตัวเอง แต่ยังทำร้ายครอบครัวด้วย
นี่เป็นเหตุผลที่เธอไม่อยากให้เทียนเต๋าขายของในร้านของที่บ้าน
ผลประโยชน์มันเยอะเกี่ยวพันกับคนเยอะ
หลังจากขายของเสร็จเทียนเต๋าก็เดินออกจากร้านพร้อมกับกระเป๋าใบใหม่
เทียนเสี่ยวหลิงเดินมาส่งที่หน้าประตู "น้องชาย กลับมาอีกนะ!" เธอโบกมือลาพร้อมกับส่งยิ้มหวาน
เทียนเต๋าเกือบจะสำลัก ตอนนี้ 3 ทุ่มแล้วเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงไฟฟ้าจะดับ
เขารีบดูเวลาแล้วตรงกลับบ้านทันที
ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในเมืองใต้ดินเขตซีเซียงทางเข้าอยู่ติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน
เทียนเต๋าลงจากรถไฟใต้ดินก็นั่งลิฟต์ลงไปนานมากกว่าจะถึงชั้นที่ 13
ประตูลิฟต์เปิดออกก็เห็นร่างเล็กๆ ยืนพิงกำแพงอยู่เหมือนกำลังรอใครสักคน
"พี่เทียน พี่กลับมาแล้ว" อู๋อี้ร้องทัก
"อ้าว นายรอฉันอยู่เหรอ?" เทียนเต๋าแปลกใจ ไม่คิดว่าดึกขนาดนี้แล้วอู๋อี้ยังรอเขาอยู่
"พ่อให้ผมมาเล่าอะไรให้พี่ฟังแล้วก็ไม่ให้พี่กลับบ้านจนกว่าจะเล่าเสร็จ" อู๋อี้พูดพร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆ
"พรุ่งนี้ค่อยเล่าไม่ได้เหรอ?" เทียนเต๋าเกาหัว ด้วยความงุนงง
"จำตำราอาหารราคา 4 แสนเหรียญทองได้ไหม?" อู๋อี้ ถามด้วยสีหน้าลำบากใจ
"จำได้สิ" เทียนเต๋าพยักหน้า
"พ่อฉันเป็นคนซื้อเองเขาเอามาให้แล้ว"
"หา?" เทียนเต๋าอ้าปากค้างสมองประมวลผลไม่ทัน
"พี่ตกใจล่ะสิ?" อู๋อี้ยิ้มแห้งๆ "ตอนที่ผมกับชางหลินรู้พวกเราก็ตกใจเหมือนกัน"
"ลุงเผิง... ใช้เงิน 4 แสนเหรียญทองซื้อตำราอาหารให้?" เทียนเต๋าชี้นิ้วไปที่บ้านของอู๋อี้ด้วยความไม่เชื่อ
"ใช่ ไม่คิดเลยว่าพ่อจะยอมทุ่มขนาดนี้... ผมซึ้งใจมาก" สีหน้าของอู๋อี้เปลี่ยนจากยิ้มแห้งๆ เป็นซาบซึ้งใจ
4 แสนเหรียญทอง... เท่ากับเงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวเขา
พ่อของเขายอมทุ่มเททุกอย่างเพื่ออนาคตของเขา
ความรักของพ่อยิ่งใหญ่จริงๆ!
"แต่... นายยังไม่ได้เรียนรู้ทักษะ "เนื้อกระต่ายผัดพริกเผา" นั่นใช่ไหม?" เทียนเต๋าถามด้วยความรู้สึกแปลกๆ
ตำราอาหารที่ลุงเผิงซื้อมาอาจจะเป็นเล่มที่เขาขายไปเมื่อตอนเที่ยงก็ได้
ถ้านึกออกเขาคงยกให้อู๋อี้ไปแล้ว
4 แสนเหรียญทองเขาได้มาแค่ครึ่งเดียว
พ่อค้าคนกลางเอาไปฟรีๆ ตั้ง 2 แสน
"ใช่ ผมยังไม่ได้เรียนส่วนพ่อก็ไม่คิดว่าผมจะเรียกรู้ทักษะทำอาหารแล้ว " อู๋อี้ยิ้มแห้งๆ "พ่อเลยว่าจะเอาตำราไปคืนพรุ่งนี้แล้วเอาเงินมาให้นาย..."
"ไม่ต้องหรอก!" เทียนเต๋ารีบปฏิเสธ "พวกเราเป็นพี่น้องกันเงินแค่นี้ไม่สำคัญหรอกหนา"