12 - ขอให้องค์ชายหกช่วยชีวิต!
12 - ขอให้องค์ชายหกช่วยชีวิต!
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นว่านเชียนพลันแข็งค้าง
นี่ไม่ใช่ขาหมูหรอกหรือ?
แต่คำว่าหมูกับคำว่าจูออกเสียงเหมือนกัน หากเขาเรียกเช่นนั้น จะถือเป็นความผิดไม่เคารพเบื้องสูง
ไฉ่เหวินที่อยู่ข้างๆ ก็สูดลมหายใจลึกอย่างลับๆ
ถึงจะโง่เพียงใด แต่ตอนนี้ก็เริ่มมองเห็นความไม่ชอบมาพากล
เขาส่งสัญญาณทางสายตาให้เสิ่นว่านเชียนทันที
เสิ่นว่านเชียนตัวสั่นสะท้าน หัวใจเต้นรัว
เมื่อมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของจูหยวนจาง สมองของเขาทำงานเร็วราวสายฟ้า รีบตอบว่า “ฝ่าบาท อาหารจานนี้เกรงว่าจะทำให้ฝ่าบาทรู้สึกตลก มันชื่อว่า 'ขาหมื่นว่านเชียน'!”
จูหยวนจางหัวเราะ “ข้าพึ่งได้ยินชื่ออาหารนี้เป็นครั้งแรก ชื่อไม่เลวเลย!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” เสิ่นว่านเชียนรีบกล่าวขอบคุณ แต่เหงื่อกลับไหลซึมออกมาตามหน้าผาก
หลังจากแนะนำอาหารทั้งหมด เขาก็นั่งลงอีกครั้ง แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความกังวล
คำพูดของจูหยวนจางเมื่อครู่ ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติ
ไม่ได้การ เขาอุตส่าห์สร้างความสัมพันธ์กับจูหยวนจาง และทำให้เสิ่นต้าเป่าได้เป็นผู้ร่วมศึกษาไท่จื่อ หากทุกอย่างล้มเหลวเพราะเขา ความพยายามทั้งหมดก็จะสูญเปล่า
แม้ตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิด แต่ก็ต้องรีบแก้ไข หลังจากนี้ค่อยไปถามไฉ่เหวิน
คิดได้ดังนั้น เสิ่นว่านเชียนรีบกล่าว “ดินแดนแห่งนี้โชคดีนักที่มีฝ่าบาทผู้ทรงพระปรีชา การที่ไท่จื่อออกตรวจชายแดนแทนฝ่าบาทครั้งนี้ กระหม่อมยินดีบริจาคทรัพย์ เพื่อให้ฝ่าบาทสามารถมอบรางวัลแก่ทหารทั้งสามกองทัพได้!”
เขามีเงินทองมากมาย และสิ่งใดที่เงินแก้ได้ เขาไม่ถือเป็นปัญหา
อีกทั้งจูหยวนจางพึ่งใช้เงินจำนวนมากในการสร้างกำแพงเมือง บวกกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงน้ำท่วมปีสองปีที่ผ่านมา ทำให้คลังหลวงเริ่มว่างเปล่า
การที่ไท่จื่อตรวจชายแดนโดยไม่มีทรัพย์สินมอบเป็นรางวัลแก่ทหารนั้นย่อมไม่เหมาะสม
เขาคิดว่าข้อเสนอนี้จะตรงใจจูหยวนจาง
แต่คำพูดนี้กลับทำให้จูหยวนจางวางจอกสุราลง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียบ
ไฉ่เหวินยังไม่ทันได้ตอบสนอง จูหยวนจางก็โกรธจัด ทุ่มจอกสุราลงพื้นพร้อมกล่าว “เสิ่นว่านเชียน เจ้าช่างกล้าดีนัก! กล้าก้าวก่ายเรื่องราชกิจ โทษถึงตาย!”
สีหน้าของเสิ่นว่านเชียนซีดขาว เข่าทรุดลงทันที “ฝ่าบาท กระหม่อมมีจิตภักดีต่อแผ่นดิน...”
“ทหาร! เสิ่นว่านเชียนก้าวก่ายราชกิจ อีกทั้งมั่งมีไร้เมตตา ให้ผู้ว่าการเมืองอิงเทียนมาคุมตัวเขาไปสอบสวนอย่างเคร่งครัด
ข้าได้ยินมาว่าเขามีธุรกิจทั้งในเฉินฮั่นและต้าโจว ทำมาค้าขายกับทุกฝ่าย บางทีอาจดำรงตำแหน่งในทั้งสามฝ่าย ตรวจสอบให้ละเอียด
หากพบความจริง จงยึดทรัพย์และตัดรากถอนโคน อย่าได้ละเว้น!”
เสียงของจูหยวนจางเย็นเยียบไร้ความเมตตา เดิมทีเขาอดกลั้นไว้เพราะเสิ่นว่านเชียนบริจาคเงินจำนวนมาก อีกทั้งเขาแพ้การเดิมพัน
เขาไม่อยากให้ใครกล่าวหาว่าจูหยวนจางรับไม่ได้เมื่อพ่ายแพ้
แต่การที่เสิ่นว่านเชียนเอ่ยถึงการตรวจชายแดน โดยเฉพาะไท่จื่อจูอวี้ที่เป็นจุดอ่อนของเขา ทำให้จูหยวนจางเริ่มสงสัยเจตนาที่แท้จริงของเสิ่นว่านเชียน
เสิ่นว่านเชียนรู้สึกสมองตื้อ “ฝ่าบาท กระหม่อมเกิดเป็นคนของแผ่นดินต้าเย่ ตายก็เป็นวิญญาณของต้าเย่ มิใช่สายลับแน่นอน
ท่านเสนาบดีไฉ่ โปรดช่วยข้าด้วย!”
ไฉ่เหวินเองก็ตกใจจนตัวชา ทำไมเรื่องราวถึงบานปลายเช่นนี้?
“ฝ่าบาท เรื่องนี้ต้องมีความเข้าใจผิดแน่นอน...”
ยังไม่ทันที่ไฉ่เหวินจะพูดจบ จูหยวนจางก็ขัดด้วยเสียงดัง “เจ้าเป็นคนกินสินบาทคาดสินบน! ข้าให้เงินเจ้าไปมากมาย ใช้แรงงานสองแสนคน แต่เจ้ากลับสร้างกำแพงไม่เสร็จ
เจ้าหน้าด้านมาแก้ตัวอะไรอีก? ข้ารังเกียจที่สุดคือขุนนางคดโกง!”
เมื่อพูดจบ จูหยวนจางประกาศด้วยความเดือดดาล “ถอดยศไฉ่เหวิน ส่งตัวเข้าคุก และส่งให้ราชสำนักใหญ่สอบสวนโดยละเอียด!”
ไฉ่เหวินสมองมืดมน เข่าทรุดลงกับพื้น “ฝ่าบาท กระหม่อมบริสุทธิ์!”
“งูน้ำรังเดียวกัน เจ้าบริสุทธิ์ตรงไหน!”
จูหยวนจางสะบัดแขนเสื้อจากไปด้วยสีหน้าเย็นชา
วังโก้วเอ๋อมองสองคนด้วยความเวทนา ก่อนส่ายหัวเบาๆ “สองคนนี้ พูดแต่ละคำแทงใจฮ่องเต้เจ็บแปลบ สมควรแล้ว!”
หลังจากนั้น ไฉ่เหวินถูกปลดหมวกขุนนางและนำตัวส่งราชสำนักใหญ่
ส่วนเสิ่นว่านเชียนถูกส่งไปยังคุกหลวงเมืองอิงเทียน
ขณะที่คนจากหน่วยองครักษ์เสื้อแพรระดมกำลังออกปฏิบัติการ
ในเวลาเดียวกัน ไฉ่กวนกำลังร้อนใจอยู่ที่บ้าน และภาวนาให้ปลอดภัย
เขาไม่คิดเลยว่ากำแพงเมืองที่ตระกูลเสิ่นสร้างจะเสร็จในวันนี้ และที่สำคัญกว่านั้นคือบิดาของเขาเข้าวังไปแจ้งเรื่อง แต่ยังไม่กลับมา
ความวิตกกังวลในใจเขาเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
ขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าจำนวนมากดังขึ้นนอกประตูบ้าน ตามมาด้วยความวุ่นวายและเสียงร้องขอชีวิต รวมถึงเสียงร้องไห้ของหญิงในตระกูล
ไฉ่กวนรีบเปิดประตูห้องหนังสือ ก็พบว่าคนจากหน่วยองครักษ์เสื้อแพรกำลังจับกุมสมาชิกในครอบครัวตระกูลไฉ่
หน่วยองครักษ์เสื้อแพรเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการคุ้มครองและการจัดระเบียบเครื่องราชพิธีของฮ่องเต้
พวกเขามีอำนาจมาก หรืออาจกล่าวได้ว่ามีอำนาจมากที่สุดในบรรดาหน่วยงานทั้งหมด
โดยทั่วไปแล้ว หากพวกเขาปฏิบัติการ นั่นหมายความว่าได้รับอนุมัติจากฮ่องเต้หรือไท่จื่อ
"เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
ยังไม่ทันที่ไฉ่กวนจะตอบสนองได้ เขาก็ได้ยินขุนพลคนหนึ่งจากหน่วยองครักษ์เสื้อแพรกล่าวว่า "ไฉ่เหวินและเสิ่นว่านเชียนสมคบคิดกันทุจริต ถือเป็นความผิดอันใหญ่หลวง สมควรถูกประหารชีวิต
ใครที่กล้าขัดขืน ฆ่าได้ทันที!"
ได้ยินดังนั้น ไฉ่กวนถึงกับหน้าถอดสี จิตวิญญาณเหมือนหลุดลอยออกจากร่าง
"จบสิ้นแล้ว คำพูดของเจ้าบ้าจูคนนั้นกลับกลายเป็นจริงหมด!" เขาพิงประตูบ้านด้วยความหมดแรง พลังทั้งหมดในร่างเหมือนถูกสูบออกไปจนสิ้น "จบแล้ว ทุกอย่างจบสิ้น!"
ในอีกด้านหนึ่ง สถานการณ์ของตระกูลเสิ่นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน
เสิ่นต้าเป่าเมื่อทราบข่าวว่าเสิ่นว่านเชียนส่งมอบกำแพงเมืองไปแล้ว เขาก็ตื่นกลัวจนตัวสั่นไม่หยุด
เมื่อหน่วยองครักษ์เสื้อแพรมาถึง เขาเกือบจะปัสสาวะรดกางเกง
"เร็วเข้าสิ เอ้อโก้ว รีบไปหาองค์ชายหก!" เสิ่นต้าเป่าสั่งคนสนิทให้คลานออกจากรูสุนัขหลังบ้าน "ตอนนี้มีเพียงองค์ชายหกเท่านั้นที่จะช่วยตระกูลเราได้ ต้องไปพบให้ได้!"
......
เมื่อจูจวินทราบข่าวว่าตระกูลไฉ่และตระกูลเสิ่นถูกจับ ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว
เขาถึงกับตะลึง "เฮ้ย ปากข้านี่ศักดิ์สิทธิ์หรืออย่างไร? พูดอะไรไปก็เกิดขึ้นจริงหมด!"
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ลงมือจับกุมยังเป็นหน่วยองครักษ์เสื้อแพร
หน่วยองครักษ์เสื้อแพรคือหน่วยทหารประจำตัวของจูหยวนจาง มีเพียงเขาหรือไท่จื่อเท่านั้นที่สั่งการได้
"เวรเอ้ย ข้าขาดทุนย่อยยับไปเลย ยังมีเงินห้าพันตำลึงที่ยังไม่ได้คืน!"
จูจวินถึงกับปวดใจ
แต่เขาไม่ได้คิดว่าความวุ่นวายนี้จะส่งผลถึงตัวเขา
ขณะนั้น ชิงเหอพูดด้วยความดีใจ "องค์ชาย คนพวกนั้นไม่ใช่คนดี ตอนนี้ถูกจับไปแล้ว พวกเขาจะไม่มารังควานท่านอีกต่อไป!"
"เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลย!"
จูจวินส่ายหน้า ในเมืองหลวงมีคนเลวทั้งแปดกลุ่ม แต่ละคนล้วนเป็นเพียงแค่ลูกผู้ดีไม่มีอะไรทำ
คนเหล่านี้อยู่ใกล้ตัวเขาก็เพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น
ขณะนั้นเอง หนิวอู่หลิวลากชายคนหนึ่งเข้ามา "องค์ชาย ข้าจับโจรที่พยายามปีนกำแพงได้!"
ชายคนนั้นรีบร้องเสียงดัง "องค์ชายหก ข้าไม่ใช่โจร ข้า...ข้าคือเอ้อโก้ว คนสนิทของคุณชายเสิ่นต้าเป่า!"
จูจวินมองดูชัดๆ ก็เห็นว่าเป็นเขาจริงๆ "ตระกูลเสิ่นไม่ใช่ถูกจับไปแล้วหรือ? เจ้าหนีมาได้อย่างไร? หนิวอู่หลิว เอาตัวเขาส่งไปที่อิงเทียนฟู่!"
"รับทราบ องค์ชาย!"
เอ้อโก้วร้องเสียงหลง "องค์ชายหก อย่าส่งข้าไปอิงเทียนฟู่ ท่านลืมแล้วหรือ ท่านกับคุณชายต้าเป่าเคยเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน
ตอนนี้พี่น้องกำลังเดือดร้อน ขอท่านช่วยด้วย คุณชายของข้าถูกใส่ร้าย!"
จูจวินเองก็เป็นองค์ชายที่กำลังตกอับ เขาจะมีอำนาจอะไรไปช่วยตระกูลเสิ่นได้
"เรื่องนี้ ข้าเองก็คง..."
"คุณชายใหญ่ยินดีจะมอบเงินให้ท่านหนึ่งแสนตำลึง ที่ดินร้อยไร่ และร้านค้าอีกหนึ่งร้อยแห่ง เพื่อขอให้องค์ชายหกช่วยชีวิต!"
จูจวินถึงกับกลืนคำพูดที่กำลังจะพูดออกมา เขาถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ "เจ้าว่าเท่าไรนะ?"
…………