บทที่ 39 สมมติฐานเกี่ยวกับการกำเนิดของตัวอักษร
บทที่ 39 สมมติฐานเกี่ยวกับการกำเนิดของตัวอักษร
เขารู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะอดใจไม่ไหว หากมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ล่ะก็ เขาจะได้รับผลตอบแทนอย่างงดงาม!
และในอนาคตเขาอาจใช้การชักจูงความเชื่อ สร้างอักษรพิเศษแปลกประหลาดขึ้นมาอีกหลายตัวก็เป็นได้!
'ไฟแช็กมันมีหมดนี่เองสินะ งั้นสอนพวกเขาจุดไฟด้วยการขัดไม้น่าจะดี'
ซูหยุนบ่นพึมพำในใจ 'ถ้าคิดไม่ผิด คราวนี้ฉันอาจจะได้อักษรใหม่อีกตัวก็ได้!'
ด้วยความตื่นเต้น เขาจึงไม่คิดจะอยู่เฉยนานกว่านี้อีก จึงรีบมุ่งหน้ากลับไปยังหมู่บ้านทันที
...
นอกถ้ำของเผ่าหยานหวง
ปุโรหิตเฒ่าพร้อมกับปุโรหิตชิงและเหล่าหยา กำลังนั่งประชุมกันอยู่ในมุมหนึ่ง
พวกเขากำลังหารือกันถึงปัญหาเรื่องที่พักอาศัย
'ดูเหมือนว่าถ้ำจะไม่พอให้พักแล้ว' ปุโรหิตชิงพูดด้วยน้ำเสียงกังวล
เหล่าหยาก็แสดงท่าทีเป็นห่วงไม่ต่างกัน
ในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาได้เข้าไปสำรวจในถ้ำหลายครั้ง แม้ว่าจะสามารถบีบให้คนพักเพิ่มได้อีกเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีทางเพียงพอสำหรับคนสองร้อยกว่าคนอย่างแน่นอน
'เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลหรอก ท่านเทพรับรู้ล่วงหน้าแล้ว!' ปุโรหิตเฒ่าพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
เขาไม่ได้มีความกังวลแม้แต่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ท่านเทพได้กล่าวไว้ว่าจะสามารถแก้ไขได้ และในสายตาของเขา ไม่มีสิ่งใดที่ทำไม่ได้
เมื่อได้ยินคำว่า 'เทพ' ปุโรหิตชิงและเหล่าหยาต่างมีสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ทั้งสองคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาในหมู่บ้านนี้ จริง ๆ แล้วมีความหวังเต็มเปี่ยมในใจ
แต่พอได้เห็นหมู่บ้านจริง ๆ พวกเขากลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หมู่บ้านนี้ นอกจากคนจะดูแข็งแรงกว่าแล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างจากหมู่บ้านเดิมของพวกเขาเลย ทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
ปุโรหิตเฒ่ามองสีหน้าของทั้งสองคนและดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของพวกเขา เขาจึงเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
'เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปดูบางอย่าง'
เขาลุกขึ้นพร้อมกับเรียกให้ทั้งสองคนตามมา
'อะไรหรือ?' ปุโรหิตชิงและเหล่าหยามองหน้ากันด้วยความสงสัยก่อนจะเดินตามไป
ปุโรหิตเฒ่าพาทั้งสองคนไปหยุดที่กองไฟแห่งหนึ่ง
ปุโรหิตชิงและเหล่าหยามองไปที่กองไฟด้วยความสงสัย และรู้สึกแปลกใหม่กับความอบอุ่นที่แผ่ออกมา
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยสังเกตเห็นกองไฟนี้แล้วเหมือนกัน ตอนแรกพวกเขากลัวมันมาก เพราะคิดว่าอาจเป็นสิ่งที่อันตราย
แต่หลังจากเห็นชาวหยานหวงคนอื่น ๆ ใช้งานมันโดยไม่มีอันตราย ความกลัวของพวกเขาก็ค่อย ๆ หายไป และคิดว่ามันเป็นแค่สิ่งธรรมดา ๆ
เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคน ปุโรหิตเฒ่าก็ยิ้มอย่างภูมิใจ
'นี่คือไฟ!'
'เป็นของขวัญศักดิ์สิทธิ์ที่เทพมอบให้เรา!'
ปุโรหิตชิงและเหล่าหยาที่เคยไม่สนใจ ในทันทีที่ได้ยินคำว่า 'ของขวัญศักดิ์สิทธิ์' พวกเขาก็เปลี่ยนท่าทีให้ความสำคัญทันที
ของขวัญศักดิ์สิทธิ์จากเทพ!
พวกเขามองหน้ากันและคิดว่า อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเทพ ย่อมไม่ใช่สิ่งธรรมดาแน่นอน
ปุโรหิตเฒ่าที่เห็นสีหน้าของพวกเขาก็ยิ้มอย่างพอใจ
'แล้วไฟนี้มีประโยชน์อะไรหรือ?'
ปุโรหิตชิงถามด้วยความสงสัย
มาแล้ว...
ปุโรหิตเฒ่าเกิดความตื่นตัวในทันที พร้อมรีบเรียกให้ชาวเผ่าคนนึงไปนำเนื้อมาด้วย
ไม่นาน เนื้อที่ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ก็ถูกนำมาไว้ตรงหน้าปุโรหิตเฒ่า
เมื่อเผชิญกับสายตาสงสัยของ 2 คน เขาเพียงยิ้มพร้อมพูดว่า 'ดูให้ดีหล่ะ'
ทั้ง 2 คนอดทนมองดูสิ่งที่ปุโรหิตเฒ่าทำ เริ่มต้นด้วยการเสียบเนื้อเข้ากับกิ่งไม้ แล้วนำมันไปที่ไฟ...
เดี๋ยวนะ นี่มัน?
ทั้งสองเบิกตากว้าง เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
ปุโรหิตเฒ่านั่งยอง ๆ บนพื้น พลางย่างเนื้ออย่างชำนาญ
ระหว่างนั้น ชาวเผ่ากว่า 100 คนที่อยู่ด้านนอกถ้ำ เพราะที่พักไม่เพียงพอ ต่างพากันเดินเข้ามาล้อมดูด้วยความสงสัย
พวกเขาไม่รู้ว่าปุโรหิตเฒ่ากำลังทำอะไร
จนกระทั่งเวลาผ่านไป กลิ่นหอมของเนื้อย่างเริ่มลอยโชยมา ชาวเผ่าที่มาใหม่นั้นก็ได้สูดดมโดยไม่รู้ตัว
'หอมจัง!'
'นี่มัน...'
พวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน จึงพากันกลืนน้ำลายอย่างช่วยไม่ได้ แสดงท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ
เมื่อเหล่าหยาสังเกตเห็นความไร้ระเบียบของผู้คน ก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตามองด้วยความไม่พอใจ แต่ในที่สุดเขาก็ถูกกลิ่นหอมของเนื้อย่างดึงดูดจนท้องร้องออกมา
ปุโรหิตเฒ่ามองดูสีหน้าของพวกเขาด้วยความพอใจ จากนั้นพลิกเนื้อบนกิ่งไม้ให้ทั่ว เสียงเนื้อที่ถูกไฟย่างดัง 'ฉ่า ๆ' ไขมันจากเนื้อหยดลงไปในไฟ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นลอยไปทั่ว
สักพัก ในขณะที่ทุกคนพากันกลืนน้ำลาย ปุโรหิตเฒ่าก็หยิบเนื้อย่างขึ้นมา
'ลองชิมดูสิ'
เขายื่นเนื้อให้เหล่าหยา
เหล่าหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นสายตาของผู้คนที่มองอย่างคาดหวัง ก็รีบตัดสินใจกัดกิน
เขาดึงเนื้อออกจากกิ่งไม้และแบ่งครึ่ง ส่งอีกส่วนให้กับปุโรหิตชิง
ท่ามกลางสายตาของผู้คน ทั้งสองค่อย ๆ ยกเนื้อขึ้นชิม
เพียงแค่คำแรก ดวงตาของทั้งคู่ก็เบิกกว้าง พร้อมถูกเนื้อย่างรสชาติอันลึกล้ำตรึงไว้!
ไม่มีรสคาว ไม่มีขนติดเนื้อ และมีกลิ่นรสที่พวกเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
เมื่อเปรียบเทียบกับเนื้อในอดีตที่มีไว้แค่ประทังชีวิตแต่รสชาติไม่เอาอ่าว เนื้อย่างนี้เหมือนเป็นอาหารเลิศรส!
เมื่อกินเสร็จ ทั้งสองยังรู้สึกว่าไม่พอ น้ำลายเริ่มไหลออกมาอีกครั้ง ท้องร้องอย่างหิวโหย และต้องการกินอีก!
'อร่อยมาก!'
'ยังมีอีกไหมท่าน?'
ปุโรหิตชิงและเหล่าหยาร้องถามอย่างเร่งรีบ
'มีสิ ฮ่าฮ่า...' ปุโรหิตเฒ่ายิ้มพร้อมชี้ไปที่เนื้อสดที่ยังไม่ได้ย่าง
เมื่อเห็นดังนั้น ทั้งสองดวงตาเป็นประกาย รีบเลียนแบบท่านั่งยอง ๆ ย่างเนื้ออย่างตั้งอกตั้งใจ แม้จะดูงุ่มง่ามก็ตาม
ผู้คนที่มุงดู เมื่อเห็นผู้นำและปุโรหิตชิงกินเนื้อกันอย่างเอร็ดอร่อย ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องขอเนื้อย่างกัน
เหล่าหยาได้ยินก็ถึงกับหน้าบึ้ง แต่เมื่อก้มลงมองเนื้อย่างในมือ ใบหน้าของเขาก็เริ่มแดง รีบก้มหน้าลงทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น
ในขณะนั้นเอง ปุโรหิตเฒ่าได้กล่าวเสริมขึ้นว่า
"ไฟนี่ สามารถใช้ย่างเนื้อได้!"
ทั้ง 2 คนฟังแล้วพยักหน้าด้วยความชื่นชม "สมแล้วที่เป็นสิ่งที่เทพประทานมา ท่านเทพเมตตาพวกเจ้ามากจริง ๆ"
ทั้ง 2 คนและกลุ่มชาวเผ่าที่มุงดูแสดงออกถึงความอิจฉาอย่างชัดเจน
ปุโรหิตเฒ่าไอเบา ๆ ก่อนจะพูดเสริมด้วยความภาคภูมิใจว่า "แต่มันไม่ได้มีแค่เท่านั้น..."
จากนั้นเขาอธิบายว่าไฟยังช่วยให้เนื้อย่างไม่ทำให้ปวดท้อง และในฤดูหนาวก็ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ไม่ต้องกลัวว่าจะหนาวตายอีกต่อไป
ข้อแรกทำให้ทั้งสองคนประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อได้ฟังข้อหลัง พวกเขาก็ถึงกับตะลึงไปเลย
โดยเฉพาะเมื่อได้สัมผัสกับความอบอุ่นอย่างใกล้ชิด เดิมทีพวกเขาไม่ทันสังเกต แต่เมื่อพูดขึ้นและลองคิดดู พวกเขาก็เข้าใจว่ามันเป็นความจริงแน่นอน
เมื่อผู้คนคิดถึงความลำบากในฤดูหนาวที่ผ่านมา ต้องหนาวสั่นกอดกันเพื่อให้รอดจากความหนาวเย็น แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนต้องหนาวตาย ความคิดนี้ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างลึกซึ้ง
พอคิดว่าต่อไปมีไฟแล้วจะไม่มีใครต้องตายอีก ทุกคนต่างรู้สึกตื้นตันจนบางคนถึงกับน้ำตาคลอ
"ไฟ!"
"ไฟ!"
"ไฟ!"
พวกเขาร้องตะโกนด้วยความดีใจ
ปุโรหิตชิงและเหล่าหยามองหน้ากัน ทั้งสองยิ้มแย้มพร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ทั้งคู่รู้สึกโชคดีในใจที่ได้เข้าร่วมเผ่าหยานหวง ไม่เช่นนั้นในฤดูหนาวก็ไม่รู้ว่าชาวเผ่าจะต้องตายไปอีกมากแค่ไหน!
"ที่แท้ หมู่บ้านที่มีเทพก็คือหมู่บ้านที่ไม่เหมือนใคร"
ทั้ง 2 คนครุ่นคิดในใจด้วยความซาบซึ้ง และรู้สึกละอายใจกับความคิดตื้นเขินในตอนแรก
ปุโรหิตเฒ่าสังเกตสีหน้าของทุกคน และพอใจมากกับผลลัพธ์ที่ไฟได้สร้างขึ้น
ชาวเผ่าหยานหวงที่อยู่ ณ ที่นั้น ต่างก็แสดงออกถึงความภูมิใจ หัวใจเต็มไปด้วยความสุขอย่างบอกไม่ถูก ทุกคนยืดอกด้วยความภาคภูมิ และทำงานด้วยความกระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิม
(จบตอนที่ 39 )