บทที่ 2: ปลาเหลืองขายได้เท่าไหร่?
เรื่องนี้ไม่ค่อยเหมาะที่จะนำมาพูดนัก เมื่อสองปีก่อนตอนงานศพคุณพ่อ เพื่อนบ้านทั้งหมู่บ้านมาช่วยงาน ทุกคนก็รู้ว่าพวกเขาแบ่งมรดกกันอย่างไร
แบ่งกันมาสองปีแล้ว ไม่เคยมีใครว่าอะไร แต่พอเห็นพ่อของเย่ว์ได้เงินก้อนใหญ่ จู่ๆ ก็โผล่มา พูดออกไปก็ไม่น่าฟัง
ถ้าพ่อของเย่ว์กับแม่เต็มใจแบ่งเงินให้พวกเขาบ้าง คนอื่นก็ห้ามไม่ได้ แต่ถ้าไม่เต็มใจ พวกเขาก็ไม่กล้าพูดเรื่องแบ่งเงินต่อหน้าคนอื่น
อาใหญ่กับอารองจะกลับ เย่ว์เหยาตงก็ไม่ห้าม ปล่อยให้พวกเขาไปเลย ไม่สนว่าพวกเขาจะมาอีกหรือไม่ มาอีกเขาก็ไม่กลัว พ่อเขาไม่พยักหน้า พวกนั้นจะขุดเงินไปจากบ้านเขาได้หรือ? แม้แต่พ่อจะยอม พวกพี่น้องทั้งสามก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี! มีสิทธิ์อะไร?
เพื่อนบ้านเห็นไม่มีเรื่องให้ดูก็แยกย้ายกันไป เย่ว์เหยาตงตบมือแล้วพูดกับพ่อและทุกคนในบ้าน "เอาละ กลับเข้าบ้านกัน!"
แต่พอเพิ่งจะยกขา เด็กน้อยคนหนึ่งก็โซเซวิ่งเข้ามากอดขาเขา ยิ้มเผยฟันน้อยๆ เรียกอย่างน่ารัก "พ่อ อุ้มหนูหน่อย!"
เมื่อครู่ตอนพ่อกับคนอื่นทะเลาะกัน ผู้หญิงในบ้านพาเด็กเล็กๆ เข้าห้องไปหมด กลัวพวกเขาจะตกใจ พอเสียงทะเลาะย้ายมาที่หน้าประตู พวกเธอก็พาเด็กๆ ออกมา
เห็นลูกน้อยผิวขาวน่ารักแบบนี้ เย่ว์เหยาตงแทบนึกไม่ออกว่าเป็นลูกชายคนที่สองที่ผิวคล้ำในชาติก่อน เขาบีบแก้มเด็กน้อยเบาๆ แล้วอุ้มขึ้นมากอด เดินเข้าบ้านไป เขายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย
นอนจนสายโด่งถึงค่อยตื่นมากินข้าวเช้า ในบ้านนอกจากเขาก็ไม่มีใครแล้ว! ทุกคนในบ้านก็ชินแล้ว เย่ว์เหยาตงถูกย่าตามใจจนเสียคน เลยไม่ยอมทำงาน ไม่ช่วยอะไรเลย วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่น
โชคดีที่ไม่ต้องทำงานหนัก ผิวพรรณจึงขาวละเอียด ไม่เหมือนคนแถวทะเลทั่วไป ถึงได้อาศัยหน้าตาไปสู่ขอลูกสาวชาวบ้าน ไม่งั้น ขี้เกียจแบบนี้ยังเป็นอันธพาลอีก คงไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมแต่งด้วย
พอก้าวข้ามธรณีประตู เย่ว์เหยาตงก็เห็นหญิงสาวผมสั้นหน้าตางดงามเดินมาหา "ให้ลูกฉัน เคุณไปกินข้าวเถอะ ในหม้อมีข้าวกับกับข้าวอุ่นไว้"
น้ำเสียงเรียบๆ ไม่ได้อบอุ่น ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ นี่คือภรรยาของเขา หลินซิ่วชิง อายุเท่ากัน มาจากตำบลข้างๆ
เพราะทั้งละแวกรู้ว่าเขาขี้เกียจไม่ทำงาน ตอนอายุ 20 พ่อแม่กลัวเขาจะหาเมียในละแวกนี้ไม่ได้ เลยฝากคนแนะนำจากที่ไกลๆ หน่อย ตอนดูตัวเจอกันครั้งแรก ภรรยาเขาติดใจหน้าตาเขาจริงๆ ตอบตกลงเลย แต่แต่งงานไม่นาน ก็เห็นนิสัยที่แท้จริงของเขา... เป็นแค่คนขี้เกียจไม่ทำมาหากิน...
ตอนแรกหลินซิ่วชิงแต่งงานใหม่ๆ ก็ดีใจมาก แต่ค่อยๆ ผิดหวังในตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่หย่า สมัยนั้นการหย่าร้างเป็นเรื่องน่าอับอาย ผู้หญิงบางคนถูกสามีตีด่า ก็ยังไม่คิดจะหย่า ผู้หญิงในบ้านไม่เชื่อฟัง ก็ต้องตี เหมือนเป็นโรคระบาด โชคดีที่เขาไม่ตีเมีย แค่ขี้เกียจเท่านั้น ไม่ทำงานจริงจัง เธอขยันหน่อย ชีวิตก็ผ่านไปได้
และด้วยเหตุนี้ ภรรยาเขาจึงอดทนเลี้ยงดูเขามา 30 ปี... ตอนอายุ 50 เป็นมะเร็งลำไส้ ไม่มีเงินรักษา อายุยังน้อยก็จากไป ตอนเธอป่วยนอนไร้ที่พึ่งบนเตียง เขาก็รู้สึกใจไม่ดี พอเธอจากไป เขาก็งงงันไปหมด บ้านทั้งหลังพึ่งเธอ พอเธอไม่อยู่ เขาถึงรู้ว่าโลกของเขามืดมนไปหมด แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อ
ด้วยเหตุนี้ เขาที่อายุ 50 จึงเริ่มทำงานหาเงิน แม้จะไม่เคยทำงานอะไรมาก่อน แต่อย่างน้อยก็เป็นคนแถวทะเล คนในบ้านก็ทำประมง ไปเป็นลูกเรือก็ไม่มีปัญหา ไม่นึกว่าผ่านมาแค่สิบกว่าปี เขาก็หนีไม่พ้นชะตากรรมอายุสั้น
แต่ไม่รู้ว่าเขาทำบุญอะไรไว้ในชาติก่อนหรือเปล่า ถึงได้มีโอกาสกลับมาเริ่มต้นใหม่? ผ่านมานานขนาดนี้ เขาลืมหน้าตาภรรยาไปบ้างแล้ว ตอนนี้ได้ยินเธอพูดเสียงเรียบๆ เขารู้สึกไม่สบายใจ จ้องมองเธอนาน
เห็นเธอขมวดคิ้ว "มัวยืนเหม่ออะไร ส่งลูกมาให้ฉันสิ"
"เอ่อ...ไม่เป็นไร ฉันอุ้มเองก็ได้ พวกเธอกินข้าวกันหรือยัง?"
หลินซิ่วชิงแปลกใจ หลังจากลูกชายคนโตถ่ายรดตัวเขา เขาก็ไม่เคยอุ้มลูกอีกเลย วันนี้กลับอยากอุ้มลูกชายคนเล็กเป็นครั้งแรก แต่เขาอยากอุ้ม เธอก็ไม่ห้าม
"กินแล้ว"
เย่ว์เหยาตงอุ้มลูกเดินตามเธอเข้าบ้าน เห็นเธอตักโจ๊กมันเทศและผักดองถ้วยเล็กๆ จากเตาดิน
เขาเพิ่งวางลูกลง หยิบตะเกียบขึ้นมา ก็ได้ยินพ่อพูดว่า "อาใหญ่อารองของพวกเจ้าอิจฉาแล้ว ที่ว่าของมีค่าไม่ควรอวดนั้นถูกต้อง"
เย่ว์เหยาเผิงนั่งข้างเย่ว์เหยาตง ขมวดคิ้วพูด "พวกเราไม่มีทางปิดบังได้หรอก เรือเทียบท่า ทุกคนก็เห็นปลาเหลืองทองอร่ามแล้ว แถมตอนเขามารับซื้อก็ให้เงินมาเป็นปึกๆ ชาวบ้านก็เห็นกันหมด"
"กลัวอะไร? กังวลอะไร? เงินอยู่ในกระเป๋าพวกเรา พวกเขาจะขุดไปได้ยังไง?" เย่ว์เหยาตงคีบผักดอง กัดกรอบ พูดอย่างไม่ใส่ใจ
"พ่อคงกลัวว่าถ้าเรื่องบานปลาย จะทำลายความสัมพันธ์พี่น้องกับอาใหญ่อารองมั้ง?" คนพูดคือคนที่สอง เย่ว์เหยาฮวา ดูท่าทางซื่อๆ
พ่อไม่ตอบ นิ้วหยิบยาเส้นนิดหน่อย กดลงในช่องกลมของกล้องยาสูบ แล้วหยิบกล่องไม้ขีด ดึงไม้ขีดออกมาหนึ่งก้าน ขีดข้างกล่อง
เปลวไฟน้อยๆ ลุกขึ้น พ่อเอาไม้ขีดที่ติดไฟเข้าใกล้ช่องยาเส้น ค่อยๆ สูบ กล้องยาสูบส่งเสียงดังกุบกับ...
จนควันออกจากปากและจมูก มองรอบๆ เขาถึงเอ่ยปาก "ย่าของพวกเจ้าล่ะ?"
แม่จึงตอบ "แม่ออกไปแต่เช้า คงไปที่ริมถนนหน้าหมู่บ้าน ดูข้าวโพดกับแตงที่ปลูกไว้ว่าสุกหรือยัง เมื่อคืนได้ยินแม่พูดว่าข้าวโพดกับแตงน่าจะกินได้แล้ว พอดีให้เด็กๆ ได้กินแก้หิว"
"อายุแปดสิบแล้ว ยังไม่ยอมอยู่นิ่งๆ..."
เย่ว์เหยาตงกวาดโจ๊กมันเทศถ้วยเล็กเข้าปาก วางตะเกียบ เช็ดปาก แล้วพูดขัดคำพ่อ สั่งหลานๆ ที่ดูเหมือนอายุ 5-6-7-8 ขวบ
"พวกเจ้าไปที่ริมถนนหน้าหมู่บ้าน ดูซิว่าย่าอยู่ในนาหรือเปล่า พาย่ากลับมา"
ผ่านมาหลายสิบปี เขาคิดถึงย่าที่รักเขาที่สุด
"ได้ครับ อาสาม!"
เด็กๆ ต่างเชื่อฟัง วิ่งออกไปอย่างตื่นเต้น ไม่สนว่าแดดจะร้อน!
เด็กชนบทแข็งแรงมาก วันๆ ขึ้นเขาลงทะเล ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่ดูแล ตอนนี้ปิดเทอมฤดูร้อนพอดี พวกเขาก็วิ่งเล่นกันสนุกสนาน
ยุคนี้ผู้ใหญ่ต้องวิ่งวุ่นหาเลี้ยงปากท้อง ไม่มีเวลามาดูแลพวกเขา ปล่อยให้วิ่งเล่นทั่วหมู่บ้าน
สั่งเด็กๆ เสร็จ เห็นภรรยามาเก็บชาม เขายิ้มให้เธอ แล้วหันไปมองพ่อ
"พ่อ เมื่อวานอวนปลาเหลืองนั่นขายได้เท่าไหร่ครับ?"
พ่อชายตามองลูกชายคนที่สามที่ไม่เอาไหน ไม่พูดอะไร เมื่อวานก็บอกไปแล้ว ยังถามอีก ไม่รู้คิดอะไรอยู่!
เย่ว์เหยาตง: ...
เขาจำไม่ได้จริงๆ!
(จบบทที่ 2)