ตอนที่แล้วบทที่ 198 ฆ่าหมู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 200 ได้กำไรเต็มที่

บทที่ 199 ฆ่าหมูเลี้ยงข้าว


โจวเฉิงทำงานด้วยท่าทีที่ชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วทำให้คนที่เห็นรู้สึกเพลิดเพลินและพอใจ

ไม่นาน เครื่องในหมูทั้งหมดก็ถูกนำออกมาใส่ในกะละมังจนเต็ม

มีบางคนเริ่มล้างไส้หมู พวกเขาใช้กรรไกรตัดเปิดปลายด้านหนึ่งของไส้ จากนั้นพลิกกลับด้านในออก และขูดเศษสิ่งสกปรกออกจากผนังด้านใน

หากเป็นในยุคปัจจุบัน บางคนอาจเริ่มใช้แป้งสาลีโรยลงในไส้หมู จากนั้นนวดถูเพื่อช่วยลดกลิ่นคาว หลังจากนั้นจะล้างด้านในของไส้ให้สะอาด พลิกกลับมาอีกด้านหนึ่ง แล้วเติมน้ำล้างอีกครั้งเพื่อทำความสะอาดอย่างละเอียด สุดท้ายจะโรยเกลือทั้งด้านในและด้านนอกแล้วขยี้เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและกลิ่นคาว

แต่ในยุคนี้แป้งสาลีเป็นของหายากและมีค่า

ใครจะกล้าใช้แป้งสาลีไปทำความสะอาดไส้หมู? หากมีคนทำแบบนั้น คงถูกต่อว่าหรืออาจถึงขั้นโดนลงโทษหนักเลยทีเดียว

ดังนั้น อย่าได้คาดหวังว่าชาวบ้านจะล้างไส้หมูได้สะอาดหมดจด กลิ่นคาวจึงยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง โจวอี้หมินไม่สนใจที่จะกินเครื่องในหมู อาจเป็นเพราะเขายังข้ามผ่านความรู้สึกในใจไม่ได้

แต่ในความเป็นจริง ไส้หมูถือว่าอร่อยไม่น้อย เช่นเมนู ไส้หมูผัดกับผักดอง หรือ ไส้หมูตุ๋น

“เฮ้! ล้างให้สะอาดหน่อย” มีคนตะโกนบอก

“ถ้างั้น เจ้ามาล้างเองไหมล่ะ?”

คนที่ไม่ลงแรง แต่กลับวิจารณ์คนอื่น ช่างเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดจริงๆ

หัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามาและเริ่มไล่คนที่ไม่ได้ช่วยงานออกไป “ทำไม? พวกเจ้าไม่ต้องทำงานหรือไง? ฆ่าหมูเลี้ยงข้าวน่ะ ยังอีกนาน!”

ในหลายพื้นที่ การเลี้ยงข้าวหลังจากฆ่าหมูเป็นธรรมเนียมที่แพร่หลายในชนบท ไม่ว่าจะเป็นทางเหนือหรือใต้

อย่างไรก็ตามฆ่าหมูเลี้ยงข้าวในอดีต แตกต่างจากในปัจจุบันมาก สมัยก่อน หมูที่ฆ่าเป็นของส่วนตัว แต่ในยุคนี้หมูเป็นของส่วนรวม อีกทั้ง การฆ่าหมูเลี้ยงข้าวในอดีตมักจะทำช่วงใกล้ปีใหม่ จึงเรียกว่า ฆ่าหมูปีใหม่

ในบางพื้นที่มีธรรมเนียมว่า หากบ้านไหนฆ่าหมู จะต้องเชิญคนทั้งหมู่บ้านมาช่วย โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและเด็ก รวมถึงญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง การฆ่าหมูหนึ่งครั้งต้องจัดโต๊ะเลี้ยงมากกว่าสิบโต๊ะ เพื่อให้ทุกคนได้กินอิ่ม งานเลี้ยงจะเริ่มตั้งแต่เช้าจรดเย็น เต็มไปด้วยความคึกคักและสนุกสนาน

ส่วนในบางพื้นที่ อาหารเลี้ยงหลังฆ่าหมูจะประกอบไปด้วยเมนูเด่น 6 ชุด ได้แก่ หัวมีด , อาหารฆ่าหมู, เจ้าชายขาวสามองค์, หมูระเบิดเส้นเอ็น, หมูเค็มเก่าและ ขาหมูต้มผักเขียว

หัวมีด ทำจาก เลือดหมูสด และ เต้าหู้สด ปรุงด้วยผักชีและเครื่องปรุงต่าง ๆ

อาหารฆ่าหมู เป็นเมนูที่รวม ตับหมู, เนื้อกระดูกสันหลัง, และ ไตหมู ปรุงด้วยสมุนไพรจีนบางชนิด

เจ้าชายขาวสามองค์  เป็นจานรวมของ เนื้อสามชั้น, ไส้อ่อน, และ กระเพาะหมู

หมูระเบิดเส้นเอ็น ใช้ส่วนเอ็นจากเนื้อกระดูกสันหลังของหมูทั้งสองข้าง เมื่อนำไปทอดต้องคุมไฟให้พอดี ความนุ่มของเอ็นต้องสุกกำลังดี แม้แต่กระทะที่ใช้ก็ต้องเลือกอย่างเหมาะสม

...

เมื่อทุกคนเริ่มนึกถึงอาหารเลี้ยงหลังฆ่าหมูก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาอีกครั้ง

ชาวบ้านจำนวนมากเลิกมุงดูการฆ่าหมู และกลับไปเก็บเกี่ยวข้าวสาลีต่อ งานในวันนี้ก็ไม่ต่างจากเมื่อวานเท่าไรนัก

เมื่อวานนี้ หลังจากเครื่องนวดข้าวถูกส่งไปยังสหกรณ์หงซิง มันก็กลายเป็นจุดสนใจทันที คนในสหกรณ์ที่ได้ฟังคำบรรยายของเฉินฮว่าต่างรีบหาข้าวสาลีมาตัดเพื่อนำไปทดลองกับเครื่องนวดข้าว

ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้พวกเขาตกตะลึง

เครื่องนวดข้าวเครื่องนี้มีประโยชน์อย่างมหาศาล

พวกเขาจึงรีบรายงานเรื่องนี้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที และทำให้หมู่บ้านโจวกลายเป็น ‘หมู่บ้านดาวเด่น ที่ได้รับความสนใจอีกครั้ง

พูดตามตรงโจวอี้หมินอยากให้หมู่บ้านโจวพัฒนาอย่างเงียบๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องยากที่จะรักษาระดับความเงียบสงบไว้ได้

เมื่อคืนที่ผ่านมา เครื่องนวดข้าวถูกลำเลียงออกจากสหกรณ์หงซิงอย่างเร่งด่วน หลังจากผู้มีอำนาจได้รับข่าว พวกเขาก็ให้ความสำคัญกับเครื่องนี้ในทันที เครื่องนวดข้าวถูกนำไปเพื่อการรื้อแบบและทำสำเนา

เช้าวันนี้ สหกรณ์หงซิงส่งคนมาที่หมู่บ้านอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงเฉินฮว่าที่มาเมื่อวันก่อน

ท่าทางของเฉินฮว่าดูสดใสและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ทำให้เห็นชัดว่าเขาได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ไม่น้อย

"สหายอี้หมิน สูบบุหรี่หน่อยไหม?" วันนี้เฉินฮว่าเป็นฝ่ายยื่นบุหรี่ให้โจวอี้หมิน

ครั้งนี้ เฉินฮว่าติดหนี้บุญคุณโจวอี้หมินอย่างมาก

โจวอี้หมินแม้จะไม่สูบบุหรี่ แต่เขาก็รับบุหรี่มาด้วยรอยยิ้มและกล่าวคำขอบคุณตามมารยาท และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ละเลยคนอื่นที่มาด้วย

"พี่เฉิน พวกคุณคุยกันตามสบาย ผมขอตัวไปทำงานก่อน"

เขาได้สัญญาไว้กับหัวหน้าถิงว่าจะไปที่โรงงานวันนี้

"ได้เลย เชิญตามสบาย"

เมื่อโจวอี้หมินไปถึงโรงงานเหล็ก เขาเจอกับหลี่ฟู่คนขับรถของหัวหน้าถิงที่เดินเข้ามาหา

หลี่ฟู่กระซิบให้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับผู้บริหารในโรงงานแก่โจวอี้หมิน

แม้ข้อมูลนั้นจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนักสำหรับเขา แต่โจวอี้หมินก็ยังกล่าวขอบคุณว่า "พี่หลี่ ขอบคุณมากนะ!"

"สหายอี้หมิน ถ้ามีข่าวอะไรอีก ผมจะแจ้งให้คุณทราบ" หลี่ฟู่ตอบ

เขาเองก็อยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับโจวอี้หมิน

ในฐานะคนขับรถของผู้บริหาร หลี่ฟู่เคยผ่านประสบการณ์มากมายและพอมีสายตาที่ดีในการมองคน เขาเห็นว่าโจวอี้หมินส่งอาหารทะเลชุดใหญ่ให้หัวหน้าถิงเมื่อวันก่อน และเดาว่าโจวอี้หมินต้องไม่ใช่คนธรรมดา

การสร้างความสัมพันธ์กับคนอย่างเขาย่อมเป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย

นอกจากนี้ โจวอี้หมินยังได้ประดิษฐ์สิ่งของถึงสองสามอย่างให้กับโรงงานเหล็ก ทำให้เขามีตำแหน่งที่พิเศษในโรงงาน แม้แต่ผู้อำนวยการหูก็ยังดูแลเขาอย่างใกล้ชิด

คนแบบนี้มีอนาคตที่สดใส การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาตั้งแต่ตอนนี้ย่อมเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดพลาด

หากไม่พูดถึงเรื่องอื่น

โจวอี้หมินในตำแหน่งหัวหน้าแผนกย่อยของฝ่ายจัดซื้อ ถือว่าเป็นงานที่ดีและมีผลประโยชน์สูงมากในยุคนี้ การมีความสัมพันธ์กับคนที่มีตำแหน่งเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุดก็มั่นใจได้ว่าจะไม่ขาดแคลนอาหาร

ด้วยเหตุนี้หลี่ฟู่ จึงครุ่นคิดและตัดสินใจว่า จากนี้ไปเขาจะทำหน้าที่เป็น "หูและตา" ให้กับโจวอี้หมิน

โจวอี้หมินไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจนัยยะในคำพูดของหลี่ฟู่ทันที

เขาจึงตอบกลับไปว่า "พี่หลี่ ถ้าต้องการวัตถุดิบอะไร บอกผมได้เลย"

สำหรับการแสดงความมีน้ำใจของหลี่ฟู่ โจวอี้หมินย่อมยินดีที่จะรับไว้ เพราะเขาเชื่อว่าการมีเพื่อนมากก็เหมือนมีเส้นทางมากขึ้น คนเหล่านี้อาจกลายเป็นกำลังสำคัญในอนาคตได้

"ขอบคุณมาก!"

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลี่ฟู่ถึงกับโล่งใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน

จากนั้น โจวอี้หมินก็เดินไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าหวัง

นี่เคยเป็นห้องทำงานของหัวหน้าแผนกเจิ้ง และตอนนี้ หัวหน้าหวัง ก็สมหวังในที่สุดที่ได้เข้ามาครอบครอง

สำหรับหัวหน้าแผนกเจิ้งนั้น เขาได้ถูกย้ายไปที่อื่นแล้ว ช่วงนี้ดูเหมือนว่าเขาจะยุ่งมากจนไม่มีเวลามานัดโจวอี้หมินและหัวหน้าหวังไปกินข้าว

ก่อนที่จะย้ายไป หัวหน้าแผนกเจิ้งเคยกล่าวไว้ว่าจะเลี้ยงข้าวทั้งโจวอี้หมินและหัวหน้าหวัง โดยเฉพาะโจวอี้หมิน เขาหวังว่าแม้ตัวเองจะจากไปแล้ว ก็ยังสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาได้ต่อไป

เมื่อเข้าไปในห้องทำงาน หวังเหว่ยหมิน กำลัง "มอหยวี" (คำแสลงจีน หมายถึงทำงานไปเรื่อยๆ แบบไม่จริงจัง)

ในความเป็นจริง ตำแหน่งหัวหน้าแผนกมีงานที่ต้องทำไม่มาก เขาไม่จำเป็นต้องออกไปจัดซื้อเอง ส่วนใหญ่ใช้เวลาในสำนักงานจัดการเอกสาร อ่านหนังสือพิมพ์ และเข้าร่วมประชุม

ว่างเสียจนดูสบายใจ

"อ้าว! แขกผู้หายากนี่นา!" หัวหน้าแผนกหวังยิ้มแซวเมื่อเห็นโจวอี้หมินเดินเข้ามา

โจวอี้หมินกลอกตาพร้อมตอบกลับว่า "หัวหน้าแผนกสิถึงจะดูสบายกว่าใคร"

หากมีเลขาสาวเพิ่มเข้ามาอีกคน ภาพคงเกินจะจินตนาการ

โจวอี้หมินนำกระป๋องชาใบหนึ่งวางบนโต๊ะทำงานของหวังเหว่ยหมิน ชานี้เป็น ชาเถี่ยกวนอิม ที่เขาซื้อมาจากร้านค้า มีน้ำหนักประมาณครึ่งชั่ง

หวังเหว่ยหมินเห็นแล้วรีบหยิบกระป๋องชาไปทันที

"อี้หมิน! ยังไงเธอก็ใส่ใจฉันเสมอ คนอย่างฉันเป็นถึงหัวหน้าแผนก แต่ดันต้องดื่มเศษชาราคาถูก น่าอายจริง ๆ!" หัวหน้าแผนกหวังพูดพลางถือกระป๋องชาด้วยความรัก

กระป๋องชานี้ดูหรูหรามีระดับมาก

หัวหน้าแผนกหวังคิดในใจว่า นี่คงไม่ใช่ชาที่เตรียมไว้สำหรับผู้บริหารระดับสูงใช่ไหม?

"เศษชาก็ไม่เลวเหมือนกัน" โจวอี้หมินยิ้มตอบ

เขาไม่ได้มีความต้องการเรื่องชามากนัก แม้กระทั่งชาผงเขาก็เคยดื่มมาแล้วในอดีต ซึ่งแทบไม่ต่างจากเศษชา

พูดถึงเรื่องชา โจวอี้หมินกลับคิดถึงชานมในอนาคตที่เขาเคยดื่ม

(จบบท)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด