บทที่ 19 โอกาสเข้าสังกัดของประมุขน้อย นับว่าเป็นวาสนาเช่นกัน
"นั่นมัน... งูทรายหน้าคน!"
"ในดินแดนลับระดับนี้ ทำไมถึงมีอสูรระดับนี้ปรากฏขึ้นมาได้!"
"งูทรายหน้าคน และยังมีพลังบำเพ็ญถึงพันปี!"
"หมื่นปี?! พวกเราแค่จัดการอสูรร้อยปีก็แทบไม่ไหวแล้ว พันปีนี่มันไม่ต่างจากการส่งตัวไปตายเลย!"
"หนี! รีบออกไปจากที่นี่ก่อนยังไม่สาย!"
"ใช่ รีบออกไปจากดินแดนลับนี้แล้วแจ้งเรื่องให้พวกอาวุโสทราบ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะรับมือได้!"
ความเห็นของทุกคนตรงกัน ต่างรีบหันหลังและใช้พลังวิชาอย่างเต็มที่ บ้างก็เหยียบกระบี่บิน บ้างใช้วิชาเหินฟ้า หลากหลายวิธีเพื่อหลบหนีไปยังประตูมิติที่เข้ามา
ทว่าเมื่อถึงตำแหน่งที่ประตูมิติควรอยู่ ใบหน้าของทุกคนกลับเปลี่ยนไป ทั้งหวาดกลัว สับสน และสิ้นหวัง
"ประตูทางออกล่ะ? ทำไมมันถึงหายไป!"
"เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าสวรรค์ต้องการให้พวกเราตายที่นี่?"
"แย่แล้ว! งูทรายหน้าคนตามมาถึงแล้ว!"
เสียงร้องระงมด้วยความสิ้นหวังดังขึ้น พร้อมกับเงาขนาดมหึมาของงูทรายหน้าคนที่ไล่ตามมา ร่างยาวนับร้อยเมตรของมันควรจะเคลื่อนที่ได้เชื่องช้า แต่กลับเคลื่อนไหวว่องไวดั่งนกที่ร่อนบินไปในอากาศ เหนือพื้นทรายอ่อนนุ่มอย่างน่าขนลุก
"ในเมื่อหนีไม่ได้ ข้าคิดว่าเราควรจะสู้กับมันดีกว่า!"
"สู้? เจ้าคิดว่าจะใช้พลังแค่นั้นเอาชนะมันได้หรือ? มันคืออสูรหมื่นปีนะ!"
"ถ่วงเวลาไว้! ข้าคิดว่าพวกอาวุโสที่ด้านนอกจะต้องรู้ถึงความผิดปกติของดินแดนลับนี้แล้ว และพวกเขาจะรีบเข้ามาช่วยเราในไม่ช้า!"
"เหล่าศิษย์สำนักเซวียนชิง มารวมตัวกันจัดค่ายกล!"
สำนักเซวียนชิงมีชื่อเสียงเรื่องค่ายกลอันหลากหลายและแข็งแกร่ง โดยเฉพาะค่ายกลเกราะเต่าใหญ่ที่บรรพบุรุษเคยสร้างไว้ หากบรรลุขั้นสูงสุด เพียงสิบมหาปรมาจารย์ร่วมมือกัน ก็สามารถต้านพลังขั้นนักบุญได้
"สำนักหวนหลิง ส่งพลังวิญญาณให้สำนักเซวียนชิง!"
"สำนักเทียนเจา ทุกคนรีบเตรียมพร้อม!"
"เหล่าศิษย์สำนักว่านมู่ ทำตามที่พวกเขาว่าไป!"
ยามนี้ ทุกคนละทิ้งความคิดแก่งแย่งทรัพย์สมบัติในดินแดนลับนี้ไปชั่วคราว หวังเพียงจะยื้อชีวิตให้นานที่สุด
ในขณะเดียวกัน กลุ่มศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนก็ร่วมกันสนับสนุน
"พลังของพวกเขาแข็งแกร่งจริง ๆ สมแล้วที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวน!"
"ไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่ยังบริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปน!"
"บางทีครั้งนี้เราอาจจะต้านสัตว์ประหลาดตัวนี้ไว้ได้..."
ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูด งูทรายหน้าคนก็เคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง พุ่งชนกำแพงค่ายกลเกราะเต่าใหญ่ที่เปล่งแสงสีทอง ทันใดนั้นเสียงแตกหักดังขึ้นอย่างชัดเจน
ค่ายกลเกราะเต่าใหญ่พังทลายเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนจางหายไปในอากาศ
ศิษย์ทุกคนถูกพลังชนกระเด็นไปคนละทิศละทาง บ้างลอยไปไกลสิบกว่าเมตร บ้างจมดิ่งในพื้นทรายอย่างหมดสภาพ
"ไม่ไหวแล้ว! เจ้าสัตว์นี่แข็งแกร่งเกินไป!"
"ปีศาจ! ปีศาจแท้ ๆ!"
"ข้าไม่อยากตายที่นี่!"
ท่ามกลางเสียงตะโกนด้วยความสิ้นหวัง เย่ชิงเฉิงกลับยืนหยัดขึ้นมา
แสงสว่างจากแหวนมิติปรากฏขึ้นพร้อมกับกระบี่เทียนหยวนในมือของนาง นางคิดในใจ หรือว่านายน้อยได้ทำนายล่วงหน้าแล้วว่าเราจะต้องพบกับชะตากรรมนี้? ถึงได้มอบกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นี้ให้ข้าก่อนออกเดินทาง!
แม้ว่าจะมีกระบี่เทียนหยวนอยู่ในมือ เย่ว์ชิงเฉิงก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะงูทรายหน้าคนได้หรือไม่ แต่นางรู้ว่า หากปราศจากกระบี่เล่มนี้ นางย่อมไม่อาจรอดพ้นจากเงื้อมมือของมันได้แน่นอน
ตูม!<br >
กระบี่ในมือของเย่ชิงเฉิงถูกฟันลงมาพร้อมแรงกระแทกที่สะท้านสะเทือน! กระบี่เดียวผ่าอากาศก้องสะท้านจนเกิดแรงสั่นสะเทือนกวาดไปทั่วทุกสารทิศ คลื่นพลังที่หลงเหลือยังพัดพาทรายและฝุ่นปลิวว่อนจนทุกคนต้องยกมือขึ้นป้องหน้าด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อทุกคนลดมือลง ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้สายตาเบิกโพลงด้วยความเหลือเชื่อ! คนละสองซีกของอสูรพันปี งูทรายหน้าคน ถูกผ่าขาดจากหัวจรดหางอย่างสมบูรณ์ เลือดสีแดงฉานราวกับใยแมงมุมไหลเจิ่งนอง
“อะไรกัน! ฟันอสูรพันปีตายในการโจมตีครั้งเดียว! แบบนี้มันเกินไปแล้ว!”
“ข้าจำได้ว่าเย่ชิงเฉิงมีพลังในระดับผู้ฝึกปราณขั้นปรามาจารย์ แต่มันไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้ได้!”
“นี่คงเป็นเพราะกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่นายน้อยมอบให้เป็นแน่! กระบี่เล่มนี้ถึงจะนับอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ต้องเป็นระดับสูงสุด!”
“แค่ได้ติดตามนายน้อยแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ มันก็ถือเป็นวาสนาที่หาได้ยากแล้ว!”
บทสนทนาเหล่านี้ดังสะท้อนไปทั่ว แต่เย่ชิงเฉิงหาได้ปฏิเสธอะไร เพราะแม้แต่ตัวนางเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถสังหารอสูรพันปีได้ด้วยกระบี่เดียว! ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะกระบี่เทพในมือเท่านั้น
“นายน้อย…”
ในใจของเย่ชิงเฉิงยิ่งเปี่ยมไปด้วยความเคารพและสำนึกบุญคุณ กระบี่เทียนหยวนที่นายน้อยมอบให้ ไม่เพียงช่วยชีวิตนาง แต่ยังแสดงถึงความล้ำค่าของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แม้แต่นางยังคาดไม่ถึง
นางใช้พลังปราณก่อร่างรวบรวมแกนอสูรจากกองเนื้อและเลือดของงูทรายหน้าคนที่ตายแล้ว แกนอสูรนี้เปล่งพลังมหาศาลออกมา นับว่าเป็นทรัพย์สมบัติที่มีมูลค่านับล้านศิลาวิญญาณ นางเก็บแกนอสูรใส่แหวนมิติพร้อมตั้งใจแน่วแน่ที่จะนำมันไปมอบให้นายน้อยเพื่อแสดงความกตัญญู
แม้จะเป็นทรัพย์มหาศาล แต่นางกลับไม่รู้สึกเสียดาย เย่ชิงเฉิงถือคติ “หยดน้ำตอบแทนด้วยน้ำใจ” ไม่เพียงแต่นางไม่คิดว่ามากเกินไป แต่ยังรู้สึกว่าสิ่งนี้ยังไม่เพียงพอ นางต้องหาสมบัติเพิ่มเติมเพื่อตอบแทนให้มากกว่านี้!
เย่ชิงเฉิงลอยอยู่กลางอากาศ มองไปรอบด้านด้วยแววตาเคร่งเครียด นางเคยได้ยินมาว่าเมื่อใดที่งูทรายหน้าคนปรากฏตัว ก็มักจะไม่ใช่เพียงตัวเดียว
และคำเล่าขานก็เป็นความจริง กลิ่นคาวเลือดจากงูทรายหน้าคนตัวแรกดึงดูดตัวอื่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใต้ผืนทรายที่เคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดนิ่ง เกิดเป็นเนินทรายสูงต่ำสลับกัน มุ่งหน้ามายังตำแหน่งของเย่ชิงเฉิง
เมื่อมองจากมุมสูง ฉากนี้ดูคล้ายลวดลายประหลาดราวกับดอกไม้ที่บิดเบี้ยวในความมืด สร้างความกดดันจนหัวใจแทบหยุดเต้น!</br >
------
ผมเข้าใจผิดนะครับที่บอกนักบุญตอนแรกไม่ใช่ขั้นพลังแต่เป็นตำแหน่งนางเดี่ยวผมทยอยตามแก้ครับ ขั้นพลังนางจริง อยู่แค่ปรมาจารย์