บทที่ 16 แดนอันไร้เทียมทาน! ระบบปลื้มปิติอย่างยิ่ง อายุขัย + สิบล้านปี!

ข่าวเกี่ยวกับการตื่นขึ้นของรากวิญญาณสวรรค์ชั้นยอดสายฟ้าและไฟของเฉินมู่ ถูกส่งต่อไปอย่างรวดเร็วผ่านสำนักข่าวสายลับของตำหนักฟ้าลิขิต ทั้งยังได้รับคำสั่งโดยตรงจากเฉินเจวี๋ยซิน ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าละเลย

ชื่อเสียงของเฉินเจวี๋ยซินในฐานะ "พี่สาวสายรักน้องจนเกินพอดี" เป็นที่เลื่องลือกันในยุทธภพ ไม่มีใครกล้าตั้งตนเป็นศัตรู เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าด้วยนิสัยตรงไปตรงมาของเธอ ย่อมไม่มีวันพูดโกหกเพียงเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเอง

ยิ่งไปกว่านั้น การที่รากวิญญาณสวรรค์เป็นถึงสองธาตุระดับสูงสุดเช่นนี้ โดยเฉพาะสายฟ้าและไฟที่เป็นสองธาตุทรงอำนาจที่สุด ยิ่งทำให้ใครต่อใครต่างตกตะลึงในศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของว่าที่ประมุขน้อยแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวน

ไม่นานนัก นิกายใหญ่ตระกูลทรงอำนาจ รวมถึงราชวงศ์ต่าง ๆ ทั่วดินแดน ก็เริ่มได้รับข่าวนี้ สำนักกระบี่สวรรค์ซึ่งอยู่ใกล้เมืองเทียนฟู่ที่สุด ย่อมทราบข่าวก่อนใคร

ภายในห้องโถงใหญ่ของสำนักกระบี่สวรรค์ บรรดาอาวุโสต่างพากันพูดคุยถึงเรื่องนี้ด้วยความตื่นเต้น

"เหลือเชื่อจริง ๆ! สองรากวิญญาณสวรรค์ชั้นยอด แถมยังเป็นสายฟ้ากับไฟอีกด้วย!"

"ยิ่งไปกว่านั้น หากแดนเทียนหยวนสนับสนุนเขาด้วยวิชาขั้นสูงสุดในอนาคต เขาอาจเป็นผู้ที่มีโอกาสสูงสุดที่จะบรรลุเป็นมหาจักรพรรดิคนต่อไป!"

"อนาคตของเขาช่างห่างไกลเกินกว่าที่พวกเราจะจินตนาการถึงได้!"

ในขณะเดียวกัน อาวุโสใหญ่เอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ "ว่าแต่ ท่านเจ้าสำนัก เรื่องของเย่ชิงเฉิงเล่า?"

คำถามนั้นทำให้สายตาของทุกคนหันไปจับจ้องยังเจ้าสำนักหลินเหวินเทียน ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์สูงสุด

"หากองค์ชายท่านนั้นไม่ต้องการใช้นาง นางย่อมสามารถกลับมาได้ พวกเจ้าคิดจะก้าวล้ำเกินไปหรืออย่างไร?"

หลินเหวินเทียนตวัดสายตาคมกริบมองกวาดทั่วทั้งห้องโถง เตือนพวกเขาให้ระวังคำพูดคำจา มิให้พูดสิ่งที่อาจก่อปัญหาภายหลัง

แม้สำนักกระบี่สวรรค์จะเป็นสำนักทรงอำนาจในสายตาผู้อื่น แต่หลินเหวินเทียนรู้ดีว่าหากเฉินมู่ต้องการเพียงคำเดียว สำนักนี้ก็อาจถูกลบหายไปจากแผ่นดินได้

เรื่องราวเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว มีสำนักหนึ่งที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อแดนเทียนหยวน และกล้าท้าทายอำนาจอย่างเปิดเผย

ผลที่ตามมาคือ ในวันถัดไป สำนักนั้นถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง ไม่เหลืออะไรนอกจากรอยฝ่ามือขนาดมหึมาอยู่บนผืนดิน

ตั้งแต่นั้นมา อำนาจของแดนเทียนหยวนก็ยิ่งมั่นคง และทรงอิทธิพลขึ้นเรื่อย ๆ

ขณะเดียวกัน

ทั่วทั้งดินแดนต้าซาง

"ต่อจากนี้ ศิษย์ของสำนักเฮยเลย หากพบบุตรศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวน ต้องแสดงความเคารพราวกับพบบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง ใครกล้าลบหลู่ ลงโทษสถานเดียว!"

– จ้าวเทียนเหิง เจ้าสำนักสายฟ้าดำ

"ข้าพร้อมถวายตัวรับใช้ บุตรศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวน ด้วยความภักดีอย่างถึงที่สุด!"

– อวิ๋นจือฝาน เจ้าสำนักลวี่เสินมี่

"ผู้ใดในสำนักอวี้นวี่ที่ได้รับการยอมรับจากบุตรศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวน  จะได้รับตำแหน่งศิษย์เอก พร้อมรางวัลเป็นคฤหาสน์เซียนชั้นเลิศ และทรัพยากรมากมาย!"

– ไท่ซู่หลาน เจ้าสำนักอวี่นวี่

เหล่าคำประกาศเหล่านี้ต่างหลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าเฉินมู่จะไม่ได้ยินทั้งหมด แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างความประทับใจให้ศิษย์ในสำนักรู้ว่า "บุตรศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวน ผู้นี้ เราไม่อาจลบหลู่ได้!"

ณ จวนชิงอวิ๋น

"นายน้อย เรื่องที่ท่านตื่นรากวิญญาณสวรรค์ชั้นยอด สายฟ้าและไฟ ตอนนี้ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ในยุทธภพแล้ว ข่าวนี้แพร่กระจายไปทุกแห่งหนอย่างรวดเร็ว!" เย่ชิงเฉิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

เฉินมู่รับหนังสือพิมพ์ยุทธภพที่เย่ชิงเฉิงส่งมา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ "ต้องเป็นพี่หญิงข้าแน่ ๆ ที่สั่งให้พวกนั้นกระจายข่าว"

"แต่ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยจะได้ไม่มีใครกล้าดูถูกข้าอีก วิ่งมาเยาะเย้ยให้รำคาญใจ"

เฉินมู่เหลือบดูเพียงแวบเดียว ก่อนโยนหนังสือพิมพ์ลงข้างตัวอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะรู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับเขาเลย...

【ระบบกำลังพยายามอัปเกรด...】

【ระบบพยายามอัปเกรดครั้งที่ 33 ล้มเหลว!】

【ระบบพยายามอัปเกรดครั้งที่ 35 ดึงข้อมูลสำเร็จ! กำลังอัปเกรด...】

【อัปเกรดสำเร็จ! โมดูลแดนอันไร้เทียมทานเชื่อมต่อสำเร็จ! ฟังก์ชันใหม่ปลดล็อกแล้ว แดนอันไร้เทียมทาน!】

แดนอันไร้เทียมทาน? เฉินมู่เริ่มสงสัยขึ้นเล็กน้อย ระบบรีบอธิบายทันที

【แดนอันไร้เทียมทาน คือพื้นที่ที่ภายในขอบเขตตำหนักชิงอวิ๋น เจ้าสำนักจะไร้ผู้ใดเทียบได้!】

【แม้แต่ตอนนี้ หากเจ้าสำนักต้องปะทะกับยอดจักรพรรดิ ก็ยังสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย!】

‘ฟังดูดี แต่ขอบเขตไม่เล็กไปหน่อยหรือ?’ เฉินมู่บ่นในใจ แม้ว่าเขาจะชอบอยู่นิ่งๆ แต่บางครั้งก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตาอยู่เหมือนกัน

ระบบไม่รอช้า ตอบสนองในทันที

【ระบบกำลังพยายามอัปเกรด...】

【ระบบพยายามอัปเกรดครั้งที่ 12 ดึงข้อมูลสำเร็จ! กำลังอัปเกรด...】

【โมดูลแดนอันไร้เทียมทาน อัปเกรดสำเร็จ!】

หลังจากการอัปเกรด แดนอันไร้เทียมทานขยายขอบเขตครอบคลุมถึงทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวน เฉินมู่รู้สึกพึงพอใจพอประมาณ ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติม ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนกว้างขวางพอให้เขาได้เคลื่อนไหวบ้างในบางครั้ง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ที่สำคัญที่สุด เขาต้องการความสงบสุข หากมีใครไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงมารบกวน ก็คงต้องใช้พลังนี้จัดการเพื่อรักษาชีวิตอันแสนเรียบง่ายของเขา

‘ระบบ ทำได้ดี’ เฉินมู่คิดว่าการชมเชยเล็กน้อยคงไม่เสียหาย เพื่อไม่ให้ระบบเสียความรู้สึกหรืออารมณ์เสียจนเกิดปัญหา เพราะถ้าระบบเสียหาย ไม่ใช่ระบบที่จะลำบาก แต่เป็นเขาเองที่จะโดนลูกหลง

【กำลังลงชื่อเข้าใช้...】

【ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ! ยินดีด้วย โฮสต์ได้รับศิลาวิญญาณชั้นยอดจำนวนมาก!】

【ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ! ยินดีด้วย โฮสต์ได้รับอายุขัยเพิ่มอีก!】

【ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ! ยินดีด้วย โฮสต์ได้รับโอสถโลหิตมังกรชั้นเก้าจำนวนหนึ่งเม็ด!】

ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ระบบดูเหมือนจะมีความสุขมาก ศิลาวิญญาณและโอสถไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นนัก แต่การเพิ่มอายุขัยทีเดียวถึงสิบล้านปี ทำให้เฉินมู่รู้สึกเหมือนได้ชีวิตอมตะมาไว้ในมือ

‘สิบล้านปี? ชีวิตยาวนานขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อเลย!’ เฉินมู่คิดขณะหลับตาพริ้มอยู่ในแสงแดดอุ่น พร้อมกับรับการนวดจากเย่ชิงเฉิง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้นกะทันหัน รบกวนความสงบสุขของเขา เฉินมู่เพียงยกมือขึ้นอย่างเกียจคร้าน

“ไม่ต้องไปเปิดประตู ทำต่อไป”

“ค่ะ” เย่ชิงเฉิงตอบรับและละทิ้งความคิดที่จะไปเปิดประตู

“เข้ามา” เฉินมู่พูดเบาๆ ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาคำนับพร้อมแสดงป้ายเอวที่บ่งบอกสถานะของตน เขาเป็นศิษย์จากสำนักชั้นในของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวน

“ศิษย์หยางเฉียวเฟิง ขอคารวะบุตรศักดิ์สิทธิ์”

ขณะคำนับ สายตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองเย่ชิงเฉิงอีกครั้งด้วยความชื่นชม ไม่อยากเชื่อเลยว่าสตรีผู้เป็นถึงนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักกระบี่สวรรค์ กลับมาเป็นสาวใช้ในตำหนักของเจ้าสำนัก

“ท่านมาหาข้าด้วยเรื่องใด?” เฉินมู่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“เรียนเจ้าสำนัก ภูเขาเทียนโจวเพิ่งปรากฏดินแดนลับแห่งหนึ่ง เชื่อว่าอาจมีมรดกสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการฝึกตนของท่านได้ ดังนั้น ผู้อาวุโสจางจึงส่งศิษย์มาสอบถามว่าท่านประสงค์จะเดินทางไปยังดินแดนลับหรือไม่”

“ไม่สนใจ” เฉินมู่โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ต้องลำบากเดินทางไกล ข้าไม่เสียเวลาไปกับเรื่องพรรค์นั้นหรอก”

【ระบบกำลังพยายามอัปเกรด...】

‘หืม??’