ตอนที่แล้วบทที่ 12: ที่แท้ก็รำคาญฉันขนาดนี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 : จากรุ่นปู่กลายเป็นรุ่นหลาน

บทที่ 13: ใครจะดูแลยามแก่


ข้าวเที่ยงยังคงเป็นข้าวต้มมันเทศ! คนในบ้านเยอะ จะกินข้าวเปล่าทุกวันไม่ไหว แม้แต่ข้าวต้มยังต้องใส่มันเทศฝอยเยอะๆ

ที่ไม่ใช้มันเทศทั้งหัว เพราะซอยเป็นเส้นเก็บได้นานกว่า ตากแห้งกินได้เกือบครึ่งปี หุงกับข้าวใส่ข้าวน้อยลงได้ และรสชาติก็ไม่เลว หวานๆ ดี

แน่นอน หวานๆ นี่เป็นความรู้สึกของเย่ว์เหยาตง ทั้งบ้านกินข้าวมันเทศ/ข้าวมันเทศฝอยจนเบื่อแล้ว ไม่มีใครรู้สึกว่าหวานอีก แค่อิ่มท้องก็ดีแล้ว

เพราะยังไม่แยกครอบครัว คนเยอะ กับข้าวจึงต้องทำเยอะ ผักก็ปลูกเองหลังบ้าน อาหารทะเลก็ได้จากอวนที่ลากเมื่อวานบ่าย

ปลาเล็กๆ ทั้งกอง ขายไม่ได้เงิน เมื่อวานฆ่าทำปลาแห้งหมด เหลือแค่ตัวใหญ่หน่อยไว้ผัดน้ำแดง

ปูสามตา ท่าเรือไม่รับซื้อ กินมากแพ้ได้ คันทั้งตัว ไม่มีใครซื้อ แต่ก็จะทิ้งลงทะเลก็เสียดาย เยอะเกินกว่าที่บ้านจะกินหมด เก็บนานก็เน่า เมื่อวานกลับมาก็แบ่งให้ญาติมิตรเพื่อนบ้านไปบ้าง

ผู้ใหญ่กินสองสามตัว ไม่กินมากก็ไม่เป็นไร คนแก่เด็กอย่ากิน แยกไว้อีกสิบกว่าตัวเป็นปูม้า อันนี้เด็กกินได้

มีกุ้งเล็กๆ หนึ่งชาม หอยแครงที่ขุดเช้านี้หนึ่งชาม เอามายำ ต้มสุกแล้วใส่เครื่องปรุงพริกนิดหน่อย อร่อยและประหยัดน้ำมัน...

และหอยนางรมทอดที่ทุกคนในบ้านชอบ! เขาก็ชอบ นี่เขาเสียเวลาครึ่งค่อนวันแกะจากหินมา เรียกว่าตีหอยนางรม

พอนั่งลง ยังไม่ทันกินข้าวคำแรก เขาก็คีบหอยนางรมทอดก่อน ไม่คีบเดี๋ยวหมด พ่อแกะมาเหนื่อยๆ จะไม่ได้กินได้ยังไง นี่มันของบำรุงดีๆ

"โอ๊ยๆ อาสามคีบชิ้นเล็กๆ หน่อย เหลือให้หนูบ้าง"

"ยังกินไม่พอหรือไง? เห็นคีบแต่หอยนางรมทอดชามนี้ตลอด" เย่ว์เหยาตงคีบให้ตัวเองคำหนึ่ง ก็ไม่ลืมคีบใส่ชามภรรยาคำหนึ่ง เธอยังไม่ได้นั่งกิน พอนั่งจะไม่มีกับข้าวดีๆ เหลือแล้ว

หลินซิ่วชิงเห็นท่าทางที่ไม่เคยเป็นของเขา สายตาก็อ่อนโยนขึ้น แต่เธอก็ไม่กล้ากิน คีบหอยนางรมทอดให้ลูกชายคนโต ป้อนให้เขากิน

หอยนางรมแกะยาก เสียเวลาตั้งนานได้แค่ชามเดียว ไม่ใช่มีทุกวัน มื้อเที่ยงมื้อเย็น พรุ่งนี้ก็ไม่รู้จะมีอีกหรือเปล่า

"อาสามก็กินไม่น้อยนะ!"

เย่ว์เหยาตงชายตามองหลานชายเย่ว์เฉิงไห่ "หอยฉันแกะ ฉันกินไม่ได้หรือไง!"

"กินข้าวก็กิน พูดมากทำไม" แม่เคาะจาน พวกเขาถึงหุบปาก

วันนี้กับข้าวหรูหราผิดปกติ ไม่มีใครอยากคุย ทุกคนก้มหน้าก้มตากินกันใหญ่ ปกติมีแค่หอยหนึ่งสองชาม หรือปลากับผักสองสามอย่าง วันนี้มีทั้งปู กุ้ง ปลา หอย ครบหมด!

ถึงยังไงก็มีเรือแล้ว เมื่อวานยังได้เงินก้อนใหญ่ วันนี้กินดีหน่อยก็สมควร

พ่อเห็นทุกคนมาพร้อมหน้าแล้วจึงพูด "เมื่อกี้ไปคอมมูนขอที่ดินสร้างบ้าน คุยกันเรียบร้อยแล้ว อนุมัติให้สร้างที่ปากทางไปชายหาด ตรงนั้นพอดีมีที่ว่างอยู่ ปลูกพืชไม่ได้ เอามาสร้างบ้านพอดี"

หมู่บ้านพวกเขาติดทะเล ที่นาน้อย แบ่งที่นาอยู่ติดกับหมู่บ้านตงเฉียว

สองหมู่บ้านอยู่ใกล้กันมาก แต่หมู่บ้านตงเฉียวเล็กกว่า มีแค่ร้อยกว่าครัวเรือน และไม่ติดทะเล อยู่ริมถนน ทุกครั้งที่น้ำลงพวกเขาจึงมาหาของทะเลที่หมู่บ้านไป๋ซา

ชาวบ้านไป๋ซารู้จักชาวบ้านตงเฉียวดี แต่งงานข้ามหมู่บ้านกันเยอะ ย่าของเย่ว์เหยาตงก็เป็นคนหมู่บ้านตงเฉียว

พอพ่อพูดจบ เย่ว์เหยาตงไม่มีปฏิกิริยา ยังคงกินข้าวต่อ เพราะชาติก่อนก็ซื้อที่ตรงนี้ สร้างบ้านสามพี่น้องติดกัน จนเขาตาย ก็ยังอยู่ที่นั่น

เขาไม่สะทกสะท้านไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะเหมือนกัน กำลังจะมีบ้านเล็กๆ ของตัวเอง ทุกคนตื่นเต้น

พี่สะใภ้คนรองพูดอย่างดีใจ "ที่ตรงนั้นดีนะ ใกล้ชายหาด เดินตรงไปสุดทางก็ถึง!"

"จะสร้างสามหลังหรือพ่อ?" พี่สะใภ้คนโตขมวดคิ้ว กลับกังวล

ตามหลักแล้ว สองหลังก็พอ ลูกคนหนึ่งอยู่กับพ่อแม่ ดูแลยามแก่ แต่ใครไม่อยากได้บ้านใหม่อยู่เป็นครอบครัวเล็กๆ พี่สะใภ้คนโตก็เห็นแก่ตัว ถ้าสร้างแค่สองหลัง ที่ต้องอยู่บ้านเก่าต้องเป็นพวกเธอแน่

เย่ว์เหยาเผิงกลับไม่เข้าใจภรรยา "จะเอาสามหลังทำไม สองหลังก็พอ"

ผู้ชายหยาบกว่าหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น เย่ว์เหยาเผิงคิดว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่ พ่อแม่อยู่กับเขาก็ปกติ จะให้อยู่กับน้องสามที่ไม่เอาไหนได้หรือ?

เย่ว์เหยาตงเห็นปฏิกิริยาพี่สะใภ้ทั้งสอง เบ้ปากเย้ยหยัน พี่ชายทั้งสองคนดี แค่พี่สะใภ้ต่างคนต่างเห็นแก่ตัว ไม่มีใครใจกว้างเหมือนเมียเขา

ชาติก่อนเขากินข้าวเสร็จก็ออกไป ไม่กลับมากินเที่ยง ไม่รู้เรื่องราวเป็นยังไง กลับมาตอนเย็นถึงได้ยินว่าบ้านจะสร้างสามหลัง พี่น้องคนละหลัง คราวนี้ได้ดูชัดๆ เลย!

พี่สะใภ้คนโตได้ยินเย่ว์เหยาเผิงพูดแบบนั้น ก็ไม่กล้าพูดว่าสองหลังจะแบ่งยังไง ใครจะอยู่ดูแล พูดไปเขาต้องโมโห!

แต่เย่ว์เหยาฮวาเป็นคนซื่อ ยิ้มพูด "พ่อแม่ครับ พ่อแม่จะอยู่กับใคร พวกเราจะได้อยู่ดูแล...โอ๊ย หยิกทำไม..."

พี่สะใภ้คนรองจ้องเขา "ไม่พูดไม่มีใครว่าเป็นใบ้ บ้านยังไม่ทันสร้าง จะรีบแยกครอบครัวทำไม?"

พูดสวยหรู แต่คนในที่นี้ใครจะไม่รู้? จะมองไม่ออกหรือว่าเธอไม่อยากอยู่บ้านเก่ากับพ่อแม่สามี?

พ่อเห็นความคิดลูกสะใภ้ ก็ไม่คิดปิดบัง ถามตรงๆ "ใครจะอยู่ดูแลยามแก่?"

"พ่อ พ่อจะอยู่กับใคร ผมเป็นพี่ใหญ่ ตามหลักพ่อกับแม่ต้องอยู่กับพวกเรา"

น้องรองก็พยักหน้า "ใช่ พ่อ พ่อกับแม่อยากอยู่กับพวกเราก็ได้นะ"

พี่สะใภ้คนรองสีหน้าไม่ดี ฝืนยิ้มพูด "พ่อแม่เพิ่งห้าสิบต้นๆ จะให้ดูแลยามแก่แล้วหรือ?"

พี่สะใภ้คนโตก็รีบพูด "ใช่ค่ะ พ่อแม่ยังแข็งแรงดี อย่างน้อยยังทำงานได้อีกสิบกว่ายี่สิบปี จะดูแลยามแก่อะไรตอนนี้..."

"งั้นพวกเจ้าไม่มีใครเต็มใจใช่ไหม?" สีหน้าพ่อเริ่มบึ้งตึง

"ไม่ใช่อย่างนั้น จะเป็นไปได้ยังไง..."

ก่อนที่พี่สะใภ้ทั้งสองจะได้แก้ตัว เย่ว์เหยาตงก็ยกขาขึ้นพาดเก้าอี้ พูดอย่างไม่ใส่ใจ "พ่อครับ สองพี่สะใภ้ไม่อยาก เมียผมอยากนะ ผมก็อยาก ไม่เอาพวกเราอยู่กับพ่อแม่กับย่าดีกว่า?"

หลินซิ่วชิงก็สนับสนุนสามี พยักหน้าพูดอย่างจริงใจ "พ่อแม่มาอยู่กับพวกเราเถอะ!"

ย่าดีใจรับคำทันที "ดีเลย ตงเจ้ออยู่กับพวกเรา"

"ไปไกลๆ เถอะ อยู่กับมัน จะให้มันเลี้ยงข้า หรือข้าต้องเลี้ยงมัน?"

(จบบทที่ 13)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด