ตอนที่ 746 จริงๆ แล้วก็ไม่เยอะ แค่สิบภาษา
ภาษาฝรั่งเศส กับภาษาอิตาลีมีความคล้ายคลึงกัน ซึ่ง เกา เทียนข่าย ก็เคยได้ยินมาก่อน แต่ด้วยความอยากอวดเก่ง และโชว์สกิลภาษาฝรั่งเศสต่อหน้า ซู หลิงเอ๋อร์
เขาจึงไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่เด็กหญิงชาวต่างชาติพูดให้ดี สุดท้ายก็ทำให้ตัวเองหน้าแตก
เกา เทียนข่าย ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอาย
“คุณพูดภาษาฝรั่งเศสได้เหรอ?”
เกา เทียนข่าย ถาม เย่เฉิน อย่างสงสัย เพราะภาษาอิตาลีนั้นหายากกว่าภาษาฝรั่งเศส ถ้า เย่เฉิน พูดภาษาอิตาลีได้ งั้นภาษาฝรั่งเศสก็คงพูดได้ด้วย?
“พูดได้สิ”
เย่เฉิน พยักหน้า ก่อนจะพูดคำทักทายภาษาฝรั่งเศสด้วยสำเนียงที่เป๊ะมาก
เมื่อได้ยิน เกา เทียนข่าย ก็เบิกตากว้างทันที ระดับสำเนียงภาษาฝรั่งเศสของ เย่เฉิน เหมือนจะเก่งกว่าครูสอนภาษาฝรั่งเศสของเขาเสียอีก
นี่…..
“ถ้าคุณพูดทั้งฝรั่งเศส กับอิตาลีได้ งั้นคุณคงพูดได้อีกหลายภาษาเลยสินะ?”
เกา เทียนข่าย คาดเดา
“จริงๆ แล้วก็ไม่เยอะหรอก แค่สิบภาษา”
เย่เฉิน ส่ายหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งอะไรนัก ภาษาในโลกมีตั้งมากมาย เขาแค่พูดได้สิบภาษาที่คนนิยมใช้กันเท่านั้น
การเชี่ยวชาญสิบภาษานี้ เย่เฉิน ได้มาจากเกมตอนอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้
“แค่..แค่..สิบภาษา?”
เกา เทียนข่าย ถึงกับพูดตะกุกตะกัก
ตอนนี้เขาแทบอยากจะตบหน้าตัวเองให้ตื่นสักที ถามอะไรออกไปเนี่ย!
นี่มันเหมือนหาเรื่องมาให้ตัวเองโดนดูถูกชัดๆ?!
“นี่เรียกว่าไม่เยอะเหรอ?!!”
การพูดได้สิบภาษาเป็นเรื่องที่โคตรเก่งแล้ว!
หลายคนเรียนแค่สองสามภาษา ยังถูกคนรอบข้างยกย่องให้เป็นอัจฉริยะแล้ว
แต่ เย่เฉิน ที่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย กลับพูดได้ตั้งสิบภาษา นี่มันเหลือเชื่อเกินไป!
พอนึกถึงตอนที่ตัวเองอวดว่าพูดภาษาฝรั่งเศสได้นิดหน่อย เกา เทียนข่าย รู้สึกอับอายแทบอยากมุดดินหนีไปให้พ้นหน้า
“เอ่อ...ฉันมีธุระอื่นต้องทำ ดังนั้นฉันไปก่อนนะ”
เกา เทียนข่าย ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อ ดังนั้นเขาจึงรีบเดินหนีไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวังในทันที
สำหรับเด็กหญิงชาวต่างชาติ เธอหลงทางเพราะคนในฉางหลง รีสอร์ทเยอะเกินไป ทำให้พลัดหลงกับพ่อแม่ของเธอ
โชคดีที่เธอมาเจอ เย่เฉิน เขาจึงช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่สวนสนุก และประกาศตามหาพ่อแม่ของเธอ
หลังจากรอประมาณสิบนาที พ่อแม่ของเด็กหญิงชาวต่างชาติก็มาถึง และพวกเขาแสดงความขอบคุณ เย่เฉิน เป็นอย่างมาก
หลังจากนั้น เย่เฉิน, ซู หนิงซวง และซู หลิงเอ๋อร์ ก็ออกเดินเล่นในฉางหลง รีสอร์ทกันต่ออีกหนึ่งวันเต็มๆ
หลังจากเล่นสนุกกันมาทั้งวัน ซู หลิงเอ๋อร์ และซู หนิงซวง ก็ไปเดินช้อปปิ้งกัน ขณะที่ เย่เฉิน เองมีนัดกับ ไช่ เฟยลี่ ดังนั้นเขาจึงขับรถไปที่บ้านของตระกูลไช่
คราวนี้ เย่เฉิน ไม่ได้ไปที่บ้านตระกูลไช่ แต่เป็นบ้านพักส่วนตัวของพ่อของ ไช่ เฟยลี่ ซึ่งใช้สำหรับรับรองแขกเป็นการส่วนตัว
“พ่อครับ นี่คือ พี่เฉิน ที่ผมพูดถึงครับ เย่เฉิน”
ไช่ เฟยลี่ แนะนำ พี่เฉิน ของเขาให้พ่อของเขารู้จัก
“สวัสดีครับ คุณเย่”
หลังจากรู้ถึงสถานะของ เย่เฉิน แล้ว ไช่ ซิงหยวน พ่อของ ไช่ เฟยลี่ ก็ให้การต้อนรับ เย่เฉิน อย่างอบอุ่น
ในฐานะคนรุ่นสองของตระกูลใหญ่ ไช่ ซิงหยวน กลับไม่มีท่าทีถือตัวเลย ดูเหมือนเป็นชายวัยกลางคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง
ระหว่างทานอาหาร ไช่ ซิงหยวน พยายามพูดคุยเพื่อแอบทดสอบ เย่เฉิน ว่าเขามีความสามารถ และความสัมพันธ์กว้างขวางแค่ไหน
ตอนนี้ ไช่ ซิงหยวน รู้เพียงว่า เย่เฉิน เป็นเจ้าของ Prada Group และ Bugatti เท่านั้น นอกเหนือจากนี้เขายังไม่มีข้อมูล
เดิมที ไช่ ซิงหยวน คิดจะสืบประวัติ เย่เฉิน แต่สุดท้ายก็ล้มเลิก เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัว และเกิดความไม่พอใจ การสืบแบบนั้นอาจทำลายความสัมพันธ์ที่ตั้งใจจะสร้างให้เกิดความเสียหายขึ้นได้โดยง่าย
ในระหว่างมื้ออาหาร เย่เฉิน ได้รับสายจาก ประธานเหลียง ประธานบริษัท เพนกวิน มิวสิก เอนเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป...
เย่เฉิน ลุกขึ้นยืนออกจากโต๊ะอาหาร แล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อรับสายโทรศัพท์
“คุณเย่ ตอนนี้คุณยังอยู่ที่มาเก๊าหรือเปล่าครับ?”
หลังจากสายเชื่อมต่อแล้ว ประธานเหลียง ก็ถาม เย่เฉิน ทันที
“ไม่อยู่แล้วครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
เย่เฉิน ส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับ
“เรื่องเป็นแบบนี้ครับ คุณเย่ อีกประมาณสามวัน คุณหม่า อยากจะเดินทางไปมาเก๊า และเขาอยากถือโอกาสนี้เชิญ คุณเย่ ทานอาหารเย็นด้วยกันครับ”
ประธานเหลียง อธิบาย
นักธุรกิจหนุ่มลึกลับในประเทศที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามาซื้อหุ้นบางส่วนของบริษัท เพนกวิน มิวสิก เอนเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป แน่นอนว่า คุณหม่า เจ้าของบริษัท Penguin Group ย่อมต้องอยากรู้จัก เย่เฉิน มาก
เนื่องจากเขามีแผนจะเดินทางไปมาเก๊าเพื่อทำธุรกิจ และได้ยินมาว่า เย่เฉิน อยู่ที่มาเก๊า ดังนั้น คุณหม่า จึงอยากนัดเจอ และทานอาหารด้วยกัน
ประธานเหลียงจึงโทรมาเพื่อสอบถาม
“คุณหม่า จะนัดเจอผมในอีกสามวัน?”
เย่เฉิน แปลกใจเล็กน้อยหลังฟังคำอธิบายนี้
สำหรับมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลอย่าง คุณหม่า เจ้าของบริษัท Penguin Group เย่เฉิน เองก็รู้สึกสนใจ ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็น คุณหม่า ผ่านสื่อออนไลน์เท่านั้น การได้พบเจอตัวจริงๆ ในชีวิตจริงก็ดูน่าสนใจไม่น้อย
แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ เย่เฉิน มีแผนจะกลับไปหลินไห่ในอีกสามวัน ทั้งนี้เขายังได้ตกลงกับพ่อแม่ รวมถึง ซู หนิงซวง ไว้แล้ว พ่อแม่ก็ตั้งหน้าตั้งตารอให้เขากลับ
ส่วน ซู หนิงซวง ก็เริ่มเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับเช่นกัน..
ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาเดินทางไปมาเก๊าในอีกสามวัน
“ตอนนี้ผมอยู่ที่เย่ว์เฉิง และอีกสามวันผมเองมีติดธุระครับ”
เย่เฉิน ปฏิเสธคำเชิญอย่างสุภาพ และคิดว่าคงต้องรอโอกาสหน้าไว้โอกาสหน้าเขาค่อยไปพบ คุณหม่า ก็ได้
วันเกิดปีนี้มีแค่ครั้งเดียว แต่โอกาสพบ คุณหม่า นั้นคงไม่ได้มีเพียงครั้งเดียวในปีๆ หนึ่ง
“งั้นก็น่าเสียดายครับ เพราะหลังจากเสร็จงานที่มาเก๊า คุณหม่า จะเดินทางไปต่างประเทศต่อ”
ประธานเหลียง แสดงความเสียดาย เพราะในฐานะเจ้าของบริษัท Penguin Group คุณหม่า มีงานยุ่งมากตลอดทั้งปีจนไม่ค่อยมีเวลาเช่นกัน
เช่นนั้นคราวหน้าคงต้องหาโอกาสนัดใหม่อีกครั้ง
หลังจากพูดคุยกับ ประธานเหลียง เสร็จ เย่เฉิน กลับไปที่โต๊ะอาหาร
“ดึกขนาดนี้แล้ว มีเรื่องอะไรเหรอครับ พี่เฉิน?”
เมื่อเห็น เย่เฉิน เดินกลับมา ไช่ เฟยลี่ จึงถามด้วยความสงสัย หรืออาจจะเกี่ยวกับเรื่องของสโมสร?
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ คุณหม่า ชวนไปทานอาหารเย็นเท่านั้น”
เย่เฉิน กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
คุณหม่า ชวนทานอาหารเย็น?
คุณหม่า?
“พี่เฉิน คุณหม่า ที่พี่เพิ่งพูดถึงไปนี่ใช่ คุณหม่า จาก Penguin Group หรือว่าเป็น.. คุณหม่า จาก Alibaba หรือเปล่าครับ?”
ไช่ เฟยลี่ ถามด้วยความคาดเดาอย่างกล้าหาญ
แต่หลังถามออกไป เขาก็รู้สึกเสียใจทันที
เนื่องจากทั้งสอง คุณหม่า นั้นเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลอย่างแท้จริง จะมาชวนชายหนุ่มรุ่นเยาว์อย่าง พี่เฉิน ไปทานอาหารด้วยกันได้อย่างไร?
การถามแบบนี้อาจทำให้ พี่เฉิน รู้สึกอึดอัด หรือไม่สบายใจก็ได้?
ข้างๆ ไช่ ซิงหยวน ยังคงกินอาหารด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม แต่ในใจเขากลับดูถูกคำพูดของลูกชายอย่างมาก
ลูกชายของเขาคิดอะไรอยู่?
การถูกพวกเขาชวน มันต้องมีเกียรติมากขนาดไหน!
เขาพลันคิดกับตัวเองในใจ
“ใช่.. เป็น คุณหม่า จาก Penguin Group”
เย่เฉิน ตอบพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ….