ตอนที่ 745 แฟนของฉันนี่..สมบัติล้ำค่าจริงๆ
“เสี่ยวเกา พละกำลังของนายไม่ค่อยไหวเลยนะ”
หลังจาก เกา เทียนข่าย ว่ายน้ำมาถึงเส้นชัยในสภาพหอบเหนื่อยจนแทบหมดแรง เย่เฉิน ก็พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
ในขณะที่ เย่เฉิน ว่ายถึงเส้นชัยไปก่อนหน้า เขายังดูไม่เหนื่อยเลยแม้แต่นิดเดียว หากต้องการ.. เขายังสามารถว่ายกลับไปกลับมาได้อีกหลายรอบโดยที่ยังคงมีพลังเหลือเฟือ
นี่คือข้อดีของร่างกายที่ถูกยกระดับสมรรถภาพมาแล้วหลายครั้งของ เย่เฉิน
แม้เขาจะไม่ได้รับทักษะว่ายน้ำระดับโลกจากเกม แต่ด้วยสมรรถภาพร่างกายที่เหนือชั้น บวกกับเทคนิคว่ายน้ำธรรมดา ก็ทำให้เขามีความเร็วที่ เกา เทียนข่าย ไม่มีทางเทียบได้
ถ้า เย่เฉิน ได้รับ [ทักษะว่ายน้ำระดับสูง] จริงๆ การเอาชนะ เกา เทียนข่าย คงไม่ต้องใช้พลังถึงหนึ่ง หรือสองส่วนของเขาด้วยซ้ำ
เสี่ยวเกา พละกำลังของนายไม่ค่อยไหวเลยนะ?!
คำพูดของ เย่เฉิน เหมือนลูกธนูที่ยิงเข้ากลางใจ เกา เทียนข่าย แทบสำลักเลือดออกมา ความมั่นใจของเขาพังทลายลงในเสี้ยววินาทีนั้น!!!
ก่อนหน้านี้ เขาแทบหมดแรงกับการว่ายน้ำจนสำลักน้ำไปหลายครั้ง แต่เมื่อมาถึงเส้นชัย เกา เทียนข่าย กลับต้องมาเจอคำพูดนี้อีก
สำหรับผู้ชายแล้ว คำพูดที่ว่า ‘นายไม่ค่อยไหว’ ถือเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต ยิ่งถูกพูดโดยผู้ชายที่ดูเหมือนจะมีทุกอย่างเหนือกว่าตัวเองแล้ว เกา เทียนข่าย ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนตอกย้ำความล้มเหลวของตัวเอง
และที่เจ็บใจที่สุดก็คือ ..การแข่งขันนี้เป็นเขาเองที่เสนอขึ้นมา นี่ก็เหมือนว่าเขาหาเรื่องใส่ตัวเองงั้นเหรอ?!
เกาเทียนข่ายพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ฝืนยิ้มแห้งๆ และพยักหน้าพูดไปว่า :
“พี่เย่เฉิน พละกำลังพี่สุดยอดมากครับ”
คำพูดนี้เปี่ยมไปด้วยความอิจฉาริษยา และความชื่นชม แม้จะไม่เต็มใจยอมรับก็ตาม
ในฐานะคนที่เคยเกือบได้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เกา เทียนข่าย รู้สึกว่าเขามีความแข็งแกร่งมาก เมื่อเทียบกับคนวัยเดียวกันเขามักจะถูกมองว่ามีพละกำลังเหนือกว่าคนอื่นเสมอ
แต่พอมาถึงการแข่งขันครั้งนี้ เพียงแค่เริ่มต้นได้ไม่นาน เขาก็ถูก เย่เฉิน แซงหน้าไปอย่างง่ายดาย มันช่างน่าอายสิ้นดี!
ทำไมพละกำลังของ เย่เฉิน ถึงดีขนาดนี้นะ…?
เกา เทียนข่าย อิจฉา เย่เฉิน จนแทบอยากได้พละกำลังแบบนั้นมาเป็นของตัวเอง
“พี่เขยเก่งมาก!”
ซู หลิงเอ๋อร์ เดินเข้ามาพร้อมกับ ซู หนิงซวง เธอพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
เมื่อครู่ที่ พี่เขยของเธอเอาชนะ เกา เทียนข่าย ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ ซู หลิงเอ๋อร์ ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
แม้แต่เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าพี่เขยของเธอจะมีฝีมือการว่ายน้ำที่เก่งกาจขนาดนี้
ตอนนี้เมื่อเห็นสีหน้าที่เจ็บปวด และสับสนในชีวิตของ เกา เทียนข่าย ซู หลิงเอ๋อร์ ก็อดที่จะดีใจไม่ได้
ส่วน ซู หนิงซวง เองก็มอง เย่เฉิน ด้วยความประหลาดใจเช่นกัน เธอรู้ว่า เย่เฉิน ว่ายน้ำเป็น แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะเก่งถึงขนาดนี้
‘แฟนของฉันนี่มันสมบัติล้ำค่าจริงๆ’ (เก่งรอบด้าน)
เธอรู้สึกว่าเธอสามารถค้นพบข้อดีใหม่ๆ จากตัว เย่เฉิน ได้เสมอ ซึ่งมันช่างดีเหลือเกิน
“เกา เทียนข่าย นายบอกว่าเคยเรียนว่ายน้ำมาแล้ว ทำไมถึงไม่ค่อยเก่งเลยล่ะ?”
ซู หลิงเอ๋อร์ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่
เมื่อได้ยินแบบนี้ เกา เทียนข่าย ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไปด้วยความอับอาย
ในขณะนั้นเอง เด็กหญิงตัวน้อยชาวต่างชาติ อายุประมาณ 11-12 ปี หน้าตาน่ารัก เดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางร้อนรน
เมื่อมาถึงเด็กหญิงพูดอะไรบางอย่างด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือ แต่ภาษาที่เธอพูดกลับไม่ใช่ภาษาอังกฤษ
แม้แต่ ซู หนิงซวง ที่เป็นคนเรียนเก่งก็ฟังไม่เข้าใจ...
ขณะที่ เย่เฉิน กำลังจะพูด แต่ เกา เทียนข่าย กลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน :
“เธอพูดภาษาฝรั่งเศสนะ!”
ภาษาฝรั่งเศส?
ซู หนิงซวง และซู หลิงเอ๋อร์ ชะงัก ทั้งสองไม่เข้าใจภาษานี้จริงๆ
“ให้ฉันช่วยเอง เมื่อสองปีก่อนฉันเริ่มเรียนภาษาฝรั่งเศสแล้ว ฉันช่วยเธอได้!”
เกา เทียนข่าย พูดอย่างมั่นใจ พร้อมกับทุบอกตัวเอง
เมื่อสองปีก่อน แม่ของเขาบังคับให้เรียนภาษาฝรั่งเศส แม้จะยังไม่ชำนาญ แต่การสนทนาเบื้องต้นก็ไม่น่ามีปัญหา
ถึงพละกำลังฉันจะแพ้ เย่เฉิน แต่เขายังสามารถเอาชนะ เย่เฉิน ได้ในด้านอื่น!
ภาษาเองถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งของเขา ที่สำคัญคือภาษาฝรั่งเศสเป็นทักษะที่ไม่ธรรมดาในหมู่คนทั่วไป
และการรู้ภาษาฝรั่งเศสในเด็กมัธยมปลายอย่างเขา ถือเป็นจุดเด่นที่น่าภูมิใจ โดยเฉพาะต่อหน้า ซู หนิงซวง และซู หลิงเอ๋อร์ ที่สวยสะดุดตา เกา เทียนข่าย จึงต้องการโชว์ความสามารถนี้ให้พวกเธอประทับใจ
เขากระแอมไอเคลียร์คอเล็กน้อยก่อนจะถามเด็กหญิงตัวน้อยด้วยภาษาฝรั่งเศสอย่างไม่ค่อยคล่องนัก เพื่อถามเด็กหญิงต่างชาติว่ามีปัญหาอะไร หรือต้องการความช่วยเหลือหรือไม่
แต่หลังจากที่พูดจบ เด็กหญิงชาวต่างชาติกลับทำหน้าสงสัยเหมือนไม่เข้าใจอย่างเห็นได้ชัด
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ฉันรู้สึกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เหมือนไม่เข้าใจเลยนะ”
ซู หนิงซวง และซู หลิงเอ๋อร์ พูดขึ้นพร้อมกัน
“เกา เทียนข่าย นายแน่ใจเหรอว่าที่พูดไปคือภาษาฝรั่งเศสที่ถูกต้อง?”
ซู หลิงเอ๋อร์ ถาม
“แน่นอนว่าถูกต้อง! ฉันพูดแต่ประโยคพื้นฐานที่สุด ไม่มีทางผิดแน่”
เกา เทียนข่าย ตอบด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ประโยคเหล่านี้เหมือนกับประโยคพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ทุกคนใช้กันทั่วไป เขาเรียนมาสองปี ไม่มีทางจะจำผิด
“บางทีเธออาจฟังไม่ชัด เดี๋ยวฉันลองพูดใหม่อีกครั้ง”
เขาพยายามถามเด็กหญิงอีกครั้งอย่างช้าๆ และชัดเจนขึ้น
เพียงแต่คราวนี้เด็กหญิงชาวต่างชาติส่ายหัวอย่างชัดเจน แสดงว่าเธอฟังไม่เข้าใจ
“เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย?”
เกา เทียนข่าย เริ่มสับสนหนักมากขึ้น
ในตอนนั้นเอง เย่เฉิน พลันพูดขึ้นมา
เมื่อเด็กหญิงได้ยินคำพูดของ เย่เฉิน เธอก็ตอบกลับมาทันทีด้วยสีหน้าดีใจ และท่าทีที่ประหลาดใจ
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ไม่กี่ประโยค เย่เฉิน ก็เข้าใจสถานการณ์ และปลอบเธอจนเธอสงบลง เด็กหญิงชาวต่างชาติยิ้มให้ เย่เฉิน เพื่อแสดงความขอบคุณ
เมื่อเห็นภาพนี้ เกา เทียนข่าย ถึงกับนิ่งอึ้ง ซู หลิงเอ๋อร์ และซู หนิงซวง เองก็ดูประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน
“คุณคุยกับเธอรู้เรื่องเหรอ? คุณพูดภาษาฝรั่งเศสได้ด้วยเหรอ?”
เกา เทียนข่าย ถามทันทีหลังจากที่ เย่เฉิน พูดจบอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมเธอถึงฟังฉันไม่เข้าใจล่ะ?”
“ที่นายพูดไปเป็นภาษาฝรั่งเศส เธอจะเข้าใจได้ยังไง? เพราะสิ่งที่เธอพูดไม่ใช่ภาษาฝรั่งเศส แต่เป็นภาษาอิตาลี”
เย่เฉิน อธิบาย
“ภาษาฝรั่งเศส กับภาษาอิตาลีมีความคล้ายคลึงกันมาก นายเลยฟังผิดไป”
“ว่าไงนะ? เธอพูดภาษาอิตาลี?!”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของ เย่เฉิน เกา เทียนข่าย ถึงกับไปต่อไม่ถูก และอับอายจนพูดอะไรไม่ออก..
ครั้งนี้เขาเสียหน้าหนักมาก!!!