ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป2 - เอาชีวิตรอด!

1 - ขุดสุสานบรรพชนของพ่อตา?


1 - ขุดสุสานบรรพชนของพ่อตา?

"ปล่อยข้าออกไปเร็ว!"

ในคุกหลวงอันมืดและชื้น จูจวินทุบราวเหล็กด้วยกำปั้นทั้งสองอย่างโกรธแค้นและตะโกนเสียงดัง "ข้าคืออู่อ๋อง ปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้!"

ทันทีที่พูดจบ ผู้คุมคนหนึ่งเดินเข้ามาและซัดหมัดใส่หน้าจูจวินอย่างแรง "เจ้าขโมยหลุมศพบรรพชน! เจ้านี่มันบ้าบิ่นนัก กล้าอ้างตัวเป็นเชื้อพระวงศ์! ต่อให้เจ้ามีร้อยชีวิตก็ไม่พอให้ประหาร!"

"ข้าไม่ใช่โจรขโมยหลุมศพ! ข้าคืออู่อ๋อง จูจวินจริงๆ!"

จูจวินพิงราวเหล็กหมดคำจะพูด สายตามองไปยังสตรีร่างสูงเพรียว หน้าตางดงามแต่เย็นชา ซึ่งยืนอยู่ข้างผู้คุม

จากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม สตรีผู้นี้ชื่อ สวีเมี่ยวจิ่น เป็นบุตรีคนโตของสวีจิ้นต๋า วีรบุรุษผู้ก่อตั้งแผ่นดิน

และยังเป็นคู่หมั้นที่เพิ่งหมั้นหมายเมื่อเดือนที่แล้วของเจ้าของร่างเดิม

เจ้าของร่างเดิมนี้เป็นองค์ชายหกแห่งราชวงศ์ต้าเย่ ชื่อเดียวกับเขาในชาติก่อน

แต่ในความทรงจำของเขา ราชวงศ์ที่มีแซ่จูมีเพียงราชวงศ์หมิงเท่านั้น ไม่ใช่ต้าเย่

และฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ต้าเย่ในความทรงจำควรจะเป็นสุยหยางตี้

แต่ฮ่องเต้ต้าเย่ในโลกนี้ กลับมีพระนามว่า จูหยวนจาง ซึ่งซึ่งออกเสียงเหมือนจูหยวนจางปฐมฮ่องเต้ของราชวงศ์หมิง แต่ตัวอักษรเขียนต่างกัน

โลกนี้ไม่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียว ทิศเหนือมีพวกตาต้าจ้องเขมือบแผ่นดิน ตะวันตกมีราชวงศ์ต้าโจว และใต้มีเฉินฮั่น สามอาณาจักรแบ่งแยกแผ่นดินจีนออกเป็นสามส่วน

ราชวงศ์ต้าเย่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่กี่ปีเท่านั้น

ในชาติก่อนเขาเป็นนักศึกษาปริญญาเอกสาขาโบราณคดีในมหาวิทยาลัยชื่อดังของแผ่นดินจีน แต่เพราะอดหลับอดนอนเขียนวิทยานิพนธ์จนหัวใจล้มเหลวกระทันหัน เขาจึงมาเกิดใหม่ที่นี่

ในตอนแรกเขาคิดว่านี่คือความโปรดปรานจากสวรรค์

แต่ทันทีที่ลืมตาขึ้น ก็พบว่าตัวเองถูกฝังอยู่ในสุสานบรรพชนของพ่อตา

ในพื้นที่คับแคบเกือบจะทำให้เขาสำลักจนตาย

ถ้าสวีเมี่ยวจิ่นไม่พาคนมาช่วยทันเวลา เขาอาจตายเป็นครั้งที่สอง

ถูกฝังตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตใหม่ก็พอทำใจได้

แต่ที่ทำให้จูจวินแทบคลั่งคือเจ้าของร่างเดิมเป็นคนบ้าสติไม่ดี

สามวันบ้าครั้งเล็ก ห้าวันบ้าครั้งใหญ่

นิสัยหุนหันพลันแล่น สมองทึบ ชอบหาเรื่องต่อยตีจนติดนิสัย และไม่เข้าใจผู้หญิงแม้แต่น้อย

เป็นตัวปัญหาอันดับหนึ่งของเมืองอิงเทียน(หนานจิง)

ใครเห็นก็พากันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

และแล้วก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าทำไมเจ้าของร่างเดิมถึงไปขุดสุสานของพ่อตา ก็ถูกดึงออกมาราวกับถอนหัวไชเท้า

แล้วถูกสวีเมี่ยวจิ่นลากเข้าคุกหลวงของเมืองอิงเทียน

ยังไม่พอ ยังถูกซ้อมจนหัวปูดหน้าบวม

หญิงสาวตรงหน้าที่แม้ดูอ่อนแอ แต่สามารถยกเขาขึ้นด้วยมือเดียว

เพื่อนนักโทษที่ถูกขังมานานพากันสับสนเมื่อได้ยินคำพูดของจูจวิน และเริ่มตะโกนล้อเลียน

"เขาเป็นอู่อ๋อง ถ้าอย่างนั้นข้าก็เป็นไท่จื่อ ถ้าพวกเจ้าไม่ปล่อยข้าออกไป ข้าจะให้พ่อข้ามาตัดหัวพวกเจ้า!"

"ข้าคือลูกพี่ลูกน้องของจูหยวนจาง เป็นเชื้อพระวงศ์ รีบปล่อยข้าออกเดี๋ยวนี้!"

จูจวินถึงกับพูดไม่ออก

"ภรรยา ปล่อยข้าออกไปเถอะได้ไหม?" จูจวินมองสวีเมี่ยวจิ่นอย่างร้อนใจ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง "พวกเรามีอะไรกลับบ้านค่อยพูดกันเถอะ!"

ใบหน้าสวยงามแต่เย็นชาของสวีเมี่ยวจิ่นมีแววเขินอายและโกรธ "เจ้าเรียกใครว่าภรรยา? เจ้ามันคนบ้า โจรขโมยสุสาน ข้าไม่ใช่ครอบครัวเดียวกับเจ้า!"

จูจวินยิ้มแห้งๆ เจ้าของร่างเดิมไม่เอาไหน แถมยังบ้าเป็นพักๆ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฮ่องเต้ถึงทรงยกบุตรีของวีรบุรุษผู้ก่อตั้งแผ่นดินให้แต่งงานกับตัวเขา

หญิงสาวคนนี้งดงามก็จริง แต่ก็แข็งกร้าวจนเกินจะรับไหว

"พระชายา ไอ้คนต่ำช้าคนนี้มันกล้าบ้าบิ่นเกินไป ข้าจะซ้อมมันอีกให้พูดไม่ออกเลยดีไหม?" ผู้คุมพูดเอาใจสวีเมี่ยวจิ่น

แม้เห็นจูจวินในสภาพจมูกเขียวหน้าช้ำ เปรอะเปื้อนโคลน สวีเมี่ยวจิ่นก็อดใจอ่อนไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงวีรกรรมในอดีตของเขา นางก็ใจแข็งขึ้นอีกครั้ง

"หากต้องแต่งงานกับคนบ้าคนนี้ ชีวิตข้าคงพังทลายหมดสิ้น"

แม้ว่าจูจวินจะเป็นบุตรชายคนที่สามของฮ่องเต้ แต่บุรุษในอุดมคติของนางจะต้องเป็นหนุ่มผู้สง่างาม หรือแม่ทัพผู้กล้าหาญ

ต่อให้ด้อยกว่านั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนปกติ ไม่ใช่คนบ้าที่บ้าคลั่งทุกวัน

ยิ่งไปกว่านั้น จะต้องไม่ใช่ผู้ที่ชาวบ้านต่างรังเกียจอย่างหัวหน้าปัญหาแปดประการแห่งเมืองอิงเทียน

"ไม่ต้องแล้ว ข้าแจ้งท่านพ่อเรียบร้อย เจ้าถอยไปได้ ข้าจะสอบสวนโจรขโมยหลุมศพคนนี้เอง!" สวีเมี่ยวจิ่นกล่าวด้วยความแน่วแน่ นางตั้งใจใช้โอกาสนี้ยุติการแต่งงานที่พระราชาทรงจัดการให้

เพราะพระองค์ไม่มีทางเพิกเฉยเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ หากข่าวแพร่ออกไป จะกลายเป็นความอับอายของราชวงศ์

และนางจะได้ใช้โอกาสนี้ถอนตัวจากการแต่งงาน

"ขอรับ หากพระชายามีคำสั่ง เรียกข้าสักคำก็พอ!"

เมื่อผู้คุมถอยออกไป จูจวินคิดว่านางเริ่มใจอ่อนแล้ว "ภรรยา เจ้าก็ทั้งตีทั้งด่า ทั้งลงโทษข้า ข้าก็สำนึกผิดแล้ว ได้โปรดอย่าทำให้เรื่องนี้ลุกลามใหญ่โตเลย

หากเรื่องนี้ถึงพระกรรณพระบิดา ข้าคงจบสิ้นแน่

ไม่ใช่แค่เกียรติยศของตระกูลข้าที่จะถูกทำลาย แต่ยังรวมถึงหน้าตาของตระกูลสวีของเจ้าด้วย!"

ในความทรงจำ ฮ่องเต้ต้าเย่ทรงเป็นผู้เคร่งครัดอย่างยิ่ง

หากพระองค์ทรงทราบว่าเขากระทำการอุกอาจเช่นนี้ คงไม่ปล่อยเขาไปแน่

ดังนั้นเขาจึงต้องอดกลั้นและพูดจากับหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้ด้วยความอ่อนน้อม แม้กระทั่ง... ทำท่าทางออดอ้อน

สวีเมี่ยวจิ่นถึงกับขนลุก "ข้าบอกแล้ว อย่าเรียกข้าว่าภรรยาอีก หากเจ้าพูดอีก ข้าจะฉีกปากเจ้าออก!"

"ภรรยาสุดที่รัก ได้โปรดปล่อยข้าเถอะ เรากลับบ้านไปคุยกันดีไหม?"

"น่าขยะแขยง น่าขยะแขยงเกินไป!"

สวีเมี่ยวจิ่นหมดความอดทน คว้าคอเสื้อจูจวินด้วยมือเดียว ยกกำปั้นขึ้นหมายจะซัดเขา

แต่เมื่อเห็นใบหน้าของจูจวินที่เต็มไปด้วยรอยพกช้ำ เลือดกำเดาไหลจากจมูก หน้าผากบวมเป่ง ภาพนั้นช่างน่าสมเพชและตลกเกินไป

เมื่อเห็นนางยกหมัดขึ้น จูจวินถึงกับสะดุ้งรีบหลับตาแน่น "ตีเลย หากการตีข้าจะช่วยให้บรรพชนของตระกูลสวีสงบลง เจ้าก็ตีให้ข้าตายเสียเลย

จากนั้นข้าจะไปขอขมาใต้สุสานเอง

ถ้าท่านบรรพชนให้อภัยข้า ข้าจะเข้าฝันเจ้าทุกคืน ให้เราได้เป็นคู่รักกันในฝัน!"

สวีเมี่ยวจิ่นถึงกับขนลุกเย็นไปทั้งแผ่นหลัง "ใครอยากจะฝันเห็นเจ้ามาเป็นคู่รักกันอีก หากเจ้าพูดจาไร้สาระแบบนี้อีก ข้าจะตีเจ้าจนตาย!"

จูจวินกัดฟัน "การตีคือความรัก การด่าคือความเอ็นดู หากเจ้าตีข้า เจ็บที่ตัวข้า แต่ปวดที่ใจเจ้า!"

สวีเมี่ยวจิ่นถึงกับขนลุกจนทนไม่ไหว ปล่อยมือจากคอเสื้อเขา ตาจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง "เจ้าหยุดฝันกลางวันเสียเถอะ ข้าสวีเมี่ยวจิ่น ต่อให้ต้องแขวนคอหรือดื่มยาพิษ ข้าก็ไม่มีวันแต่งงานกับเจ้า!"

คำพูดของนางยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงแหลมดังขึ้นจากหน้าประตู "ฝ่าบาทเสด็จ!"

ทันทีที่ได้ยินคำนี้ ทุกคนในคุกเมืองอิงเทียนต่างคุกเข่าลงกับพื้น

"ทรงพระเจริญหมื่นปี!"

"ถอยไป!"

จูหยวนจางเดินมาด้วยท่าทางองอาจน่าเกรงขาม ดวงตาเย็นชาของพระองค์เพียงกวาดมองก็ทำให้คนทั้งหลายหนาวสะท้าน

ตามเสด็จอยู่ด้านหลังคือสวีจิ้นต๋า เจ้าของบรรดาศักดิ์ระดับกว๋อกง ซึ่งสีหน้าดูไม่สู้ดีนัก

สุสานของตระกูลตนถูกลูกเขยบ้าขุดทำลาย มีหรือเขาจะอารมณ์ดี

สวีเมี่ยวจิ่นรีบคำนับทันทีที่เห็นจูหยวนจาง "หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท!"

"ลุกขึ้นเถิด!"

จูหยวนจางโบกมือ ดวงตาจับจ้องไปที่จูจวินซึ่งถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง

พระองค์ค่อยๆ ชักกระบี่ประจำพระองค์ออกมา ตรัสด้วยเสียงอันดุดัน "เจ้าคนชั่ว เตรียมตัวตายเสียเถอะ!"

……….

1 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด