บทที่ 122 สุสานลับชั้นที่ 3
บทที่ 122 สุสานลับชั้นที่ 3
ร้านประมูล
เย่กู่ซิงยังคงรอยาต้านพิษชุดใหม่แต่เขาคิดว่าคนขายยาน่าจะเอาน้ำยาในสต๊อกออกมาขายจนหมดแล้ว ตอนนี้จึงน่าจะอยู่ในกระบวนการผลิตน้ำยาชุดใหม่อย่างแน่นอน ทุกคนเลยไม่ยอมจากไปไหนเพราะกลัวว่าจะพลาดน้ำยาชุดใหม่ที่น่าจะมีจำนวนลดน้อยลงมากกว่าเดิม ระหว่างรอทุกคนจึงพูดคุยกันเพื่อแก้เบื่อ
“ลู่หยางเลเวล 13 แล้ว” ฉวยอู๋อี้อุทานอย่างตกใจ
เย่กู่ซิงรีบเปิดตารางจัดอันดับเลเวลขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะได้เห็นลู่หยางที่มีเลเวลเพิ่มขึ้นเป็น 13 แล้วจริง ๆ เขาจึงเตะเข่าใส่เครื่องประมูลไปด้วยความหงุดหงิด
“ฉันจะต้องฆ่ามันให้ได้!” เย่กู่ซิงพูดด้วยใบหน้าอันบิดเบี้ยว
“ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าเขาไปเก็บเลเวลที่ไหน ถ้าพวกเรามีสถานที่ที่เก็บเลเวลที่รวดเร็วแบบนั้นบ้างก็คงจะดี” ชิงเฟิงกล่าว
คนอื่นอาจจะไม่รู้แต่ชิงเฟิงรู้ดีว่าลู่หยางไม่ได้เก็บเลเวลคนเดียว แต่นำเฮงเจียหรือเสี่ยวเหลียงไปด้วย การที่ลู่หยางมีเลเวล 13 ขณะที่เสี่ยวเหลียงเลเวล 12 มันก็หมายความว่าสองคนนี้มีเลเวลสูงกว่าผู้เล่นชั้นยอดในกิลด์ขนาดใหญ่ไปไกลมาก
อย่างไรก็ตามชิงเฟิงก็ไม่รู้ว่าลู่หยางยังมีลูกน้องอย่างพวกซุนหยูอีกหกคนที่มีเลเวลถึง 11 และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงพี่น้องตระกูลฮั่นที่ไม่ได้แสดงตัวตนออกมาด้วยซ้ำ
“พวกนายสนิทกับลู่หยางไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมฉือมู่ถึงไม่ชวนเขาเข้ากิลด์?” ฉวยอู๋อี้ถามอย่างอยากรู้
ชิงเฟิงทำได้เพียงแต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญาโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม
—
สุสานลับ
ร่างของลู่หยางยังคงลุกไหม้ใต้แท่นสูงจนกลายเป็นทะเลเพลิง โดยมีซอมบี้จำนวนนับไม่ถ้วนล้มตายอยู่ด้านล่างทำให้แถบค่าประสบการณ์ของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากซอมบี้ส่วนใหญ่ถูกสังหาร ลู่หยางก็พูดขึ้นมาว่า
“พวกนายไปเก็บของเถอะ เดี๋ยวฉันจะจัดการซอมบี้ส่วนที่เหลือเอง”
พวกเสี่ยวเหลียงรอคำนี้มาตั้งนานแล้ว ทุกคนจึงกระโดดลงไปจากแท่นอย่างดีใจ
พวกซอมบี้ถือว่ามีโอกาสดรอปหนังสือสกิลลงมามากพอสมควร ขณะเดียวกันพวกเสี่ยวเหลียงก็ยังมีสกิลพื้นฐานไม่ครบ พวกเขาจึงหวังจะได้รับสกิลเหล่านั้นมาจากฝูงซอมบี้
ไม่นานพวกเสี่ยวเหลียงก็วิ่งกลับมาโดยแต่ละคนมีของติดไม้ติดมือมาไม่น้อย หลังจากทำการตรวจสอบพวกเขาก็ได้รู้ว่าคราวนี้มีหนังสือสกิลดรอปลงมาทั้งสิ้นหกเล่ม ซึ่งมันก็รวมถึงสกิลชาโดว์แอสซอสท์ของโจร บลิซซาร์ดของนักเวทน้ำแข็งและแฮมเมอร์ออฟลอยเอิลตี้ของพาลาดิน
“สกิลไหนเรียนได้พวกนายเรียนไปเลย ส่วนสกิลไหนเรียนไม่ได้เอามาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะเอาพวกมันไปขายในร้านประมูลให้” ลู่หยางกล่าว
พวกเสี่ยวเหลียงต่างก็พยักหน้ารับพร้อม ๆ กัน
“พี่ลู่หยาง ตรงนี้มีถุงมือระดับทองแดงกับเกราะโซ่ดรอปมาด้วย” ฮั่นอิ่งกล่าว
“เอาไปให้ฮั่นอวี่ใส่ก่อนเลย” ชายหนุ่มกล่าวหลังจากที่ได้เห็นว่ามันมีอุปกรณ์ระดับหินดรอปลงมาทั้งสิ้น 4 ชิ้นและอุปกรณ์ระดับทองแดงดรอปมาทั้งสิ้นอีกสามชิ้น ลู่หยางจึงให้คนที่สวมใส่อุปกรณ์เหล่านี้ได้สวมใส่พวกมันก่อนเป็นอันดับแรก
“ฮั่นเฟยกับฮั่นอวี่ไปล่อมอนสเตอร์มา คราวนี้ให้ไปล่อพวกมันมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้” ลู่หยางกล่าว
“ได้ครับ” สองฝาแฝดพยักหน้ารับก่อนที่พวกเขาจะกระโดดออกไปล่อมอนสเตอร์
หลังเดินผ่านลานโล่งใต้แท่นสูงด้านหน้าก็เป็นทางเดินยาวที่แยกออกไปเป็น 6 เส้นทาง โดยแต่ละทางเดินมีซอมบี้รวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
ฮั่นเฟยเดินไปยังทางเดินทางซ้ายสุด ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนจากมีดเป็นมีดขว้างพร้อมกับทำการปามีดออกไปใส่ซอมบี้ที่อยู่ในระยะ 10 เมตรอย่างแรง
การขว้างมีดครั้งนี้อยู่ภายใต้โหมดอิสระทำให้มีดพุ่งออกไปในแนวโค้งตกลงบนตัวซอมบี้ที่อยู่ห่างออกไป 45 เมตร ในเวลาเดียวกันเด็กหนุ่มก็ได้เปิดสกิลสปริ้นท์เพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ขึ้นอีก 50% ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปหาฝูงซอมบี้
ซอมบี้ที่อยู่บริเวณแถวหน้ามองเห็นฮั่นเฟยได้ในทันที มันจึงรีบวิ่งไล่ตามด้วยใบหน้าที่ซีดขาวและเมื่อมันได้มีซอมบี้ 10 กว่าตัววิ่งกรูเข้ามาพร้อม ๆ กัน มันก็กลายเป็นภาพที่ดูน่ากลัวมาก
ฮั่นเฟยไม่ได้รู้สึกกลัวซอมบี้เหล่านี้เลย เขายังคงวิ่งล่อซอมบี้ต่อไปพร้อมกับทำการขว้างมีดออกไปล่อซอมบี้ในระยะไกลเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งซอมบี้วิ่งเข้ามาในระยะ 1 เมตรเขาจึงหยุดมือพร้อมกับหันหลังวิ่งหนี
ระหว่างนั้นฮั่นอวี่ก็กำลังล่อซอมบี้อีกฝูงออกมาด้วยเช่นกัน ทั้งสองฝาแฝดจึงได้มาเจอกันตรงบริเวณทางแยกพอดี โดยในตอนนี้ผลของสกิลสปริ้นท์ของฮั่นเฟยหมดลงแล้วแต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรอยู่เช่นเดิม ท้ายที่สุดด้วยผลของสกิลนิมเบิลออร่าของฮั่นอวี่ มันก็ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาเพิ่มขึ้น 30% ทั้งสองจึงวิ่งกลับไปยังแท่นสูงพร้อมกัน
ลู่หยางยืนมองจากแท่นสูงพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ท้ายที่สุดทั้งสองคนก็ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี เพียงแค่การลงมือครั้งแรกสองฝาแฝดก็หลอกล่อซอมบี้ออกมาได้ประมาณ 100 ตัว
“ดีมาก” เสี่ยวเหลียงตะโกน
หลังฮั่นเฟยกับฮั่นอวี่วิ่งขึ้นบันได เสี่ยวเหลียงก็เบี่ยงตัวให้ทั้งสองวิ่งเข้าไปยังด้านใน จากนั้นเขาก็วางโล่เพื่อกีดขวางเส้นทางอีกครั้ง
ซอมบี้กว่า 100 ตัววิ่งเข้าใส่แท่นสูงในทันที แต่เนื่องจากบันไดกว้างมากพอให้คนเดินขึ้นไปได้เพียงแค่สองคน ซอมบี้ส่วนใหญ่จึงไล่ตามขึ้นไปไม่ได้ พวกมันจึงทำได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่ด้านล่าง
ลู่หยางเริ่มใช้สกิลไฟร์วอลล์ลงบนพื้นตั้งแต่ในตอนที่สองฝาแฝดพาซอมบี้วิ่งกลับมาแล้ว ตอนนี้ฝูงซอมบี้จึงเดินวนอยู่ในทะเลเพลิงและด้วยพลังโจมตีที่สูงมาก มันจึงทำให้ซอมบี้ที่มีพลังชีวิตเพียงแค่ 2,000 กว่าหน่วยอยู่ในกองไฟได้เพียงแค่ประมาณ 5 วินาที
“เก็บเลเวลแบบนี้มันง่ายจริง ๆ” ฮั่นอิ่งกล่าว
“มันเป็นเพราะพลังโจมตีของลูกพี่แรงมาก หากเป็นคนอื่นก็คงจะทำแบบนี้ไม่ได้หรอก” เสี่ยวเหลียงกล่าว
ลู่หยางเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า
“พวกเรามาเล่นเกมกันหน่อยไหม? หลังจากซอมบี้ตายในกองไฟรอบแรกฮั่นเฟยกับฮั่นอวี่ให้รีบออกไปวิ่งล่อศัตรู ส่วนฮั่นอิ่งกับเสี่ยวเหลียงก็รีบวิ่งเข้าไปเก็บของ นี่คือการทดสอบทีมเวิร์คของทุกคนและมันก็ยังเป็นการทดสอบการเคลื่อนไหวของพวกนายด้วย”
ซอมบี้จะฟื้นคืนชีพหลังจากการเสียชีวิตในครั้งแรกทำให้ไม่ว่าจะเป็นการเก็บของหรือการวิ่งออกไปล่อศัตรูก็จำเป็นจะต้องวิ่งผ่านฝูงซอมบี้ด้วยกันทั้งนั้น หากใครพลาดถูกซอมบี้ที่พึ่งฟื้นคืนชีพโจมตี นอกเหนือจากนักรบสายป้องกันอย่างเสี่ยวเหลียงแล้วคนอื่น ๆ ก็คงจะรับการโจมตีได้ไม่ถึงสองครั้ง
“ลูกพี่ ผมกลัวว่าผมจะหลบไม่ทัน” เสี่ยวเหลียงกล่าวอย่างหวาดกลัว
“ถึงจะหลบไม่ทันก็ต้องฝึก หากมันถึงช่วงเวลาสำคัญเดี๋ยวฉันจะช่วยรักษาให้เอง” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับโบกแหวนรักษาภายในมือ
“สู้ ๆ พวกเราค่อย ๆ ฝึกไปด้วยกัน” ฮั่นอิ่งกล่าวพร้อมกับตบไหล่เสี่ยวเหลียง
สีหน้าของเด็กหนุ่มกลายเป็นสีแดงในทันที และถ้าแม้แต่ผู้หญิงอย่างฮั่นอิ่งยังกล้าแล้วเขาจะแสดงทีท่าขี้ขลาดออกมาได้ยังไง
“ผมจะพยายามไม่ทำให้ลูกพี่ต้องอับอาย” เสี่ยวเหลียงรวบรวมความกล้าก่อนที่จะกระโดดลงไปจากแท่นสูง ซึ่งในตอนนี้พวกซอมบี้ก็กำลังฟื้นคืนชีพอย่างต่อเนื่อง เมื่อร่างของเด็กหนุ่มกระโดดลงไป ซอมบี้ที่ฟื้นคืนชีพก็เริ่มไล่ตามเขาในทันที
เมื่อซอมบี้ยื่นมือออกมาโจมตี สิ่งแรกที่เสี่ยวเหลียงคิดคือการใช้โล่ แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้มันคือการฝึกฝน เขาจึงปรับเปลี่ยนมาใช้ร่างกายเพื่อทำการหลบหลีกแทน