ตอนที่ 739 การหายตัวไป
บุคคลสำคัญคนนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้มีอิทธิพลแห่งเมืองเย่ว์เฉิง นั่นคือ ‘อวี๋ ซื่อเจิ้น’
อวี๋ ซื่อเจิ้น มีลูกน้องอยู่หลายร้อยคน ผู้ที่ดูแลความเรียบร้อยในสถานบันเทิงหลายแห่งในเย่ว์เฉิง ล้วนเป็นคนของเขา
ในเย่ว์เฉิง อวี๋ ซื่อเจิ้น ขึ้นชื่อเรื่องการกระทำอันโหดเหี้ยม แค่ได้ยินชื่อของเขาก็ทำให้ใครหลายคนต้องหวาดกลัว
ทั้งนี้..คนที่เคยคิดต่อต้านเขา ไม่มีใครจบลงด้วยดีเลยสักคน
ความสัมพันธ์ระหว่าง อวี๋ ซื่อเจิ้น กับตระกูลเซี่ยง นั้นพิเศษมาก อวี๋ ซื่อเจิ้น ถือเป็นบุคคลที่ตระกูลเซี่ยงเลี้ยงดูมาอย่างลับๆ และนับว่าเป็นคนของหัวหน้าตระกูล
โดยปกติ อวี๋ ซื่อเจิ้น มีหน้าที่จัดการเรื่องสกปรกที่ตระกูลเซี่ยงไม่สามารถเปิดเผยตัวได้ เช่น การจัดการคนที่เป็นศัตรูกับทางตระกูล
วันนี้ อวี๋ ซื่อเจิ้น ถูกเรียกตัวมาโดยภรรยาของหัวหน้าตระกูลเซี่ยง
หัวหน้าตระกูลออกไปทำธุระต่างเมืองเนื่องจากธุรกิจของครอบครัว
“คุณนาย”
อวี๋ ซื่อเจิ้น เดินเข้ามาพร้อมลูกน้องสองคน ก่อนจะทักทายด้วยความเคารพ
ถึงแม้ อวี๋ ซื่อเจิ้น จะไม่สูง และไม่ได้ดูแข็งแรงมากนัก แต่ใบหน้าของเขามีรอยแผลเป็นยาวเด่นชัด ทำให้ดูเป็นคนที่ไม่ธรรมดา และน่าเกรงขาม
“ไป ไปจัดการจับตัว เย่เฉิน มาให้ฉันเดี๋ยวนี้!!!”
ภรรยาของหัวหน้าตระกูลชี้นิ้วสั่งด้วยความคลุ้มคลั่ง เนื่องจากพี่ชายแท้ๆ ของเธอถูกทำร้ายจนขาหัก ทำให้เธอเสียใจจนแทบทนไม่ไหว
เธออยากเอาคืนมันอย่างสาสม
แม้ อวี๋ ซื่อเจิ้น จะคิดว่าการบุกไปแบบนี้เป็นการกระทำที่หุนหันพลันแล่น อาจเกิดความผิดพลาดได้ง่าย แต่เมื่อเป็นคำสั่ง เขา..ก็ไม่กล้าขัดขืน จึงเตรียมตัวออกไป
เขาวางแผนจะพาคนไปนับร้อย ใช้กลยุทธ์คนล้นหลาม ต่อให้คู่ต่อสู้เก่งแค่ไหน แต่เจอคนมากขนาดนี้ก็ต้องพ่ายแพ้แน่นอน..
“หยุดก่อน!!!”
ทันใดนั้น เสียงจากด้านนอกก็ดังขึ้นหยุด อวี๋ ซื่อเจิ้น ไว้
เมื่อเห็นว่ามีคนขัดคำสั่งของตัวเอง ภรรยาหัวหน้าตระกูลกำลังจะระเบิดอารมณ์ แต่เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา เธอกลับหยุดชะงักทันที
คนที่เดินเข้ามาคือชายหนุ่มวัยประมาณ 26-27 ปี ใส่แว่น เขาคือ ‘เซี่ยง อี้ชวน’ ลูกชายคนที่สองของหัวหน้าตระกูลเซี่ยง!
ต่างจาก เซี่ยง รุ่ยผิง ผู้ที่เป็นลูกคนเล็กผู้ไม่เอาไหน เซี่ยง อี้ชวน เป็นคนเรียนเก่ง และมีความสามารถรอบด้าน และยังเป็นตัวเก็งที่มีโอกาสขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลคนต่อไป
เซี่ยง อี้ชวน คิดว่าทั้งลุง และน้องชายถูก เย่เฉิน จัดการจนหมดรูป ชายคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา หากยังดื้อรั้นไปหาเรื่องอีก เกรงว่าอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดี
“พี่ครับ พี่ต้องช่วยผมเอาคืน…”
เมื่อเห็นพี่ชายมา เซี่ยง รุ่ยผิง รีบเข้ามาขอความช่วยเหลือ
เพียะ!
แต่ก่อนที่ เซี่ยง รุ่ยผิง จะทันพูดจบ เขาก็ถูก เซี่ยง อี้ชวน ตบหน้าไปอย่างเต็มแรง
“แกมันตัวไร้ประโยชน์ นอกจากสร้างปัญหาให้ตระกูลแล้ว แกทำอะไรได้อีก?”
เซี่ยง อี้ชวน ตำหนิด้วยเสียงเย็น เขาไม่เคยพอใจกับพฤติกรรมของน้องชายคนนี้มาตลอด
เซี่ยง อี้ชวน เป็นคนที่ถูกหัวหน้าตระกูลเซี่ยงพ่อของเขาฝึกฝนมาอย่างดี และทำทุกอย่างอย่างมีวิสัยทัศน์ในฐานะว่าที่ผู้นำตระกูลในอนาคต
“หรือให้ฉันโทรหาพ่อแกดี?”
ภรรยาหัวหน้าตระกูลถามขึ้น เพราะจนถึงตอนนี้หัวหน้าตระกูลยังไม่รู้เรื่องนี้เลย
“แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องรบกวนพ่อหรอกครับ”
เซี่ยง อี้ชวน ส่ายหน้า
เด็กหนุ่มแค่คนเดียว คู่ควรให้พ่อเขามาเสียเวลาสนใจได้อย่างไร!
“อี้ชวน น้องชายแกแล้วก็ลุงแกเป็นแบบนี้ แกจะนั่งนิ่งดูดายได้เหรอ?”
ภรรยาหัวหน้าตระกูลกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“แม่ครับ เรื่องนี้ปล่อยให้ผมจัดการเอง ผมจะให้คำตอบที่แม่พอใจแน่นอน”
เซี่ยง อี้ชวน พยักหน้า แม้ว่าน้องชายกับลุงคนนี้จะสร้างปัญหาแค่ไหน แต่อย่างไรพวกเขาก็เป็นคนของตระกูลเซี่ยง คนภายนอกห้ามแตะต้องเด็ดขาด!
นี่คือศักดิ์ศรี และหน้าตาของตระกูลใหญ่!!!
ถ้าไม่จัดการ เย่เฉิน ตระกูลเซี่ยง จะอยู่ต่อไปอย่างไรในเย่ว์เฉิง!
หลังจากพูดจบ เซี่ยง อี้ชวน ก็พา อวี๋ ซื่อเจิ้น ออกไป
ต่างจาก เซี่ยง รุ่ยผิง ที่ทำตัวโอหัง และไร้สติ เซี่ยง อี้ชวน กลับเป็นคนที่ยิ้มแฝงเล่ห์เหลี่ยม ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ภายใต้ท่าทีที่สงบเสงี่ยม วางแผนกลยุทธ์ และแทงข้างหลังคนอื่นมากกว่า
อีกด้านหนึ่ง ภายใต้คำสั่งของ เย่เฉิน หลิน เป่ยซั่ว ได้แอบกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท หยิงหลง ซีเคียวริตี้ กรุ๊ป ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา
เช้าวันนี้ ผู้จัดการใหญ่ได้เรียกบอดี้การ์ดที่ไม่ได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่มารวมตัวกัน หลิน เป่ยซั่ว เป็นคนคัดเลือกคนด้วยตัวเอง
ตอนนี้ในเมืองเย่ว์เฉิงมีบอดี้การ์ดเพียง 20 กว่าคน ซึ่งถือว่าน้อยไป
ครั้งนี้ต้องเลือกคนจำนวนมากขึ้นเพื่อเดินทางไปเย่ว์เฉิง เพื่อเตรียมการรับมือกับตระกูลเซี่ยงในอนาคต
แม้ว่า เย่เฉิน จะไม่มั่นใจว่าจะได้ใช้งานหรือไม่ แต่การเตรียมความพร้อมไว้ก่อนย่อมดีกว่าเสมอ...
หลังจากกลับจากสนามบินมาที่คฤหาสน์ เมื่อเข้ามาข้างใน ซู หลิงเอ๋อร์ ก็เห็น ซู หนิงซวง ที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนโซฟา
“พี่สาว!”
ซู หลิงเอ๋อร์ รีบวิ่งเข้าไป และสวมกอดพี่สาวของเธอจนแน่น
แต่หลังจากกอดเสร็จ ซู หลิงเอ๋อร์ ก็พลันก้มลงพร้อมสายตาที่แฝงความอิจฉาเล็กน้อย
เมื่อกอดพี่สาวเมื่อครู่ เธอรู้สึกได้ถึงบางอย่าง..
รูปร่างของพี่สาวเธอ..ช่างดีเหลือเกิน
“พี่สาว คราวหน้าเวลาพี่เขยไม่อยู่ เรามาคุยเรื่องส่วนตัวกันหน่อยนะ”
ซู หลิงเอ๋อร์ พูดขึ้น เพราะอยากขอคำแนะนำจากพี่สาว เธอไม่ค่อยพอใจกับพัฒนาการของตัวเองเลย...
“ก็ได้…”
ซู หนิงซวง ตอบอย่างงุนงง แม้ไม่รู้ว่า ซู หลิงเอ๋อร์ อยากคุยเรื่องอะไร แต่เธอก็ยอมรับคำขอ
เย่เฉิน จัดห้องให้ ซู หลิงเอ๋อร์ หลังจากที่เธอเก็บสัมภาระเสร็จ เธอก็เดินมาที่ห้องนั่งเล่น
จริงๆ แล้วตั้งแต่ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ซู หลิงเอ๋อร์ ก็อยากมาหาพี่เขย และพี่สาว แต่คุณแม่ไม่ยอม จนกระทั่งเธอทำการบ้านปิดเทอมเสร็จทั้งหมด คุณแม่ถึงยอมให้เธอมา
“พี่สาว พี่เขย พวกพี่เตรียมจะไปเที่ยวที่ไหนกันเหรอ?”
ซู หลิงเอ๋อร์ ถามด้วยความตื่นเต้น
“สัปดาห์หน้า พี่ กับเย่เฉิน เตรียมไปบ้านของเขาที่หลินไห่”
“หา?”
ซู หลิงเอ๋อร์ ตกใจ
“กลับไปหลินไห่ทำไม?”
“สัปดาห์หน้าเป็นวันเกิดของ เย่เฉิน”
ซู หนิงซวง ตอบ
“อะไรนะ! สัปดาห์หน้าคือวันเกิดพี่เขยเหรอ?!”
ซู หลิงเอ๋อร์ ตกใจ แล้วเธอก็เริ่มครุ่นคิด
วันเกิดพี่เขยทั้งที เธอต้องทำอะไรสักอย่าง ควรหาของขวัญวันเกิดที่สำคัญ และมีคุณค่าเพื่อมอบเซอร์ไพรส์ให้พี่เขย
แต่จะให้อะไรดีล่ะ?
วันเกิดของพี่เขยเกิดขึ้นกะทันหัน แถมเวลาเตรียมตัวก็น้อยมาก สมองเล็กๆ ของ ซู หลิงเอ๋อร์ คิดไม่ออกเลยว่าจะหาของขวัญอะไรดี
ตอนบ่าย ขณะที่ เย่เฉิน อยู่บ้าน เขาได้รับโทรศัพท์จากรองหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดของบริษัท หยิงหลง ซีเคียวริตี้ กรุ๊ป
เนื่องจาก หลิน เป่ยซั่ว ออกไป ตอนนี้ทีมจึงอยู่ภายใต้การดูแลของรองหัวหน้า
“บอส เกิดเรื่องแล้วครับ”
รองหัวหน้าทีมพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้น ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูด”
“บอส บอดี้การ์ดคนหนึ่งในทีมของเราหายตัวไปอย่างลึกลับครับ เราหากันตั้งนานก็ไม่เจอ”
เช้าวันนี้ บอดี้การ์ดคนหนึ่งออกไปซื้อของ แต่กลับหายตัวไปอย่างลึกลับ
รองหัวหน้าทีม และบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ล้วนผ่านสถานการณ์อันตรายมามากมาย การที่เพื่อนร่วมทีมหายไปอย่างลึกลับ ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมาทันที
#แจ้งผู้อ่านล่วงหน้านะครับ หากผู้แปลไม่ได้ลงงานหมายถึง น้ำท่วมตอนนี้ใกล้แล้วครับ เลยต้องระวัง(มันมาจะถึงบ้านแล้ว)