ตอนที่ 238 + 239 ตีมูลค่าความเสียหาย (ฟรี)
ตอนที่ 238 + 239 ตีมูลค่าความเสียหาย
“ฉันไม่เป็นไร พี่เหวินอัน ถ้าพี่ไม่อยากไปก็ช่างเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อน”
หลิวอี้อี้ยิ้มราวกับว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แล้วเดินออกห่างจากห้องของเจิ้งเหวินอันไป
เจิ้งเหวินอันมองตามหลิวอี้อี้ที่ค่อยๆเดินออกไป แม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเธอหยุดก่อปัญหาแล้ว เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และไม่ได้คิดมากไปกว่านี้
เมื่อหลิวอี้อี้กลับไปยังห้องที่เธออาศัยอยู่กับเจียงเจิ้นเจิน เธอก็เห็นเจียงเจิ้นเจินนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น และนอนหลับอย่างสบายๆ ทำให้อารมณ์ที่เก็บงำเอาไว้ระเบิดออกมา
"เฮอะ บางคนแค่รู้วิธีหลอกผู้ชาย แต่ไม่คิดจะส่องกระจกเพื่อดูหนังหน้าตัวเองเลย!"
หลังจากวิพากษ์วิจารณ์เจียงเจิ้นเจินแล้ว หลิวอี้อี้ก็กลับไปที่ห้องนอนของตัวเองแล้วกระแทกประตูดังปัง
เจียงเจิ้นเจินถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงปิดประตู และลุกขึ้นนั่งในทันที
“หลิวอี้อี้ เธอจะเลิกบ้าได้หรือยัง!”
ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจเหลือเกินที่เลือกแชร์ห้องพักร่วมกับอีกฝ่าย แม้ว่าโลกจะเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ยังทำตัวเหมือนเจ้าหญิงอยู่ได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าเจิ้งเหวินอันอดทนกับนิสัยของผู้หญิงเช่นนี้มาเป็นเวลาหลายปีได้ยังไง
หลิวอี้อี้อยู่ในห้อง และไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเจียงเจิ้นเจิน เมื่อเห็นแบบนั้น เธอก็ทำได้แค่กลับไปนอนต่อบนโซฟาด้วยความโกรธ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
ในเวลานี้ มีคนมาเคาะประตูห้องของพวกเธอ
หน้าจอเสมือนจริงของเจียงเจิ้นเจินกะพริบ มีคนส่งข้อความถึงเธอจากรายชื่อเพื่อน
เมื่อมองลงไป ดวงตาของเจียงเจิ้นเจินสว่างขึ้น เธอรีบยืนขึ้น และเดินไปเปิดประตู
ถ้าฉู่เจียงเยว่อยู่ที่นี่ด้วย เขาจะพบว่าคนที่เคาะประตูคือ นักเรียนหญิงที่พวกเขาช่วยเอาไว้ในตอนนั้น เธอคือจู้หลานหลาน
“เธอมาได้สักทีนะ หากมีข่าวอะไรก็รีบบอกฉันมา”
นี่เป็นหนึ่งในคนไม่กี่คนที่เจียงเจิ้นเจินพบในหมู่แขกจำนวนมากที่เป็นศัตรูกับฉู่เจียงเยว่
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาต่างเป็นเด็กสาวที่มีอายุใกล้เคียงกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะพูดคุยกันได้อย่างถูกคอ
“ฉันเพิ่งได้ยินมาว่าฉู่เจียงเยว่จะออกไปพร้อมกับทีมของคุณเสิ่นในวันพรุ่งนี้”
หลังจากเธอไปกินข้าวที่ร้านอาหาร และกำลังจะกลับ เธอก็บังเอิญจึงได้ยินการสนทนาระหว่างฉู่เจียงเยว่และเสิ่นจื้อกุย ขณะเดินผ่าน
ตอนที่เธอถูกช่วยเหลือ จู้หลานหลานจับจ้องในตัวเสิ่นจื้อกุย แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงความสนใจในตัวเธอเลย
ต่อมา ในโรงแรมเจียงหลิน ทุกครั้งที่เธอเห็นเสิ่นจื้อกุย และฉู่เจียงเยว่เดินอยู่ด้วยกัน และสีหน้าของเขาดูอ่อนลง เธอก็ยิ่งไม่พอใจในตัวฉู่เจียงเยว่มากยิ่งขึ้น
พวกเธอต่างอายุเท่ากัน แต่ทำไมฉู่เจียงเยว่ถึงถูกปฏิบัติราวกับเจ้าหญิง แต่ตัวเธอกลับถูกมองข้าม
ในที่สุด เจียงเจิ้นเจินก็มาหา และเมื่อยืนยันได้ว่าพวกเธอทั้งสองต่างเป็นศัตรูกับฉู่เจียงเยว่ พวกเธอก็ร่วมมือกัน
อย่างไรก็ตาม พวกเธอเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้ปลุกพลัง เป็นเพียงคนที่ไม่สำคัญในโรงแรมเจียงหลิน จึงไม่สามารถเผชิญหน้ากับฉู่เจียงเยว่อย่างเปิดเผยได้ และทำได้เพียงวางแผนตลบหลังเท่านั้น
แต่หากความไม่พอใจถูกเก็บงำไปนานเกินไป ก็ต้องมองหาโอกาสที่จะปลดปล่อย
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจู้หลานหลานจึงมาหาเจียงเจิ้นเจินด้วยตัวเอง และต้องการร่วมมือกันเพื่อสอนบทเรียนให้กับฉู่เจียงเยว่
“ดี งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่ทางเข้าโรงแรมก่อนเวลาเดิม 10 นาที”
เจียงเจิ้นเจินไม่ได้บอกจู้หลานหลานถึงแผนการของเธอ แต่เพียงบอกให้รู้ว่าต้องไปรอที่ไหน และเมื่อไหร่
จู้หลานหลานไม่ได้สนใจมากนัก หลังจากได้ยินคำตอบจากเจียงเจิ้นเจิน เธอก็พยักหน้า
“ได้ พรุ่งนี้ฉันจะไปถึงที่นั่นตรงเวลา”
จู้หลานหลานไม่รู้เลยว่าเจียงเจิ้นเจินจะใช้เธอเป็นอาวุธ
หลังจากที่จู้หลานหลานจากไป เจียงเจิ้นเจินก็มองตามร่างที่ค่อยๆ หายลับตาไปด้วยรอยยิ้มแปลๆ บนใบหน้า
เยว่เยว่ เธอพร้อมที่จะรับของขวัญที่ฉันเตรียมไว้ให้แล้วหรือยัง?
“เธอคิดจะทำอะไร?”
แม้ว่าเจ้าหญิงจะผ่านความยากลำบากมามากมาย แต่หลิวอี้อี้ก็ยังไม่ฉลาดเท่าเจียงเจิ้นเจิน
หากแผนการครั้งนี้เสียตัวหมากอย่างจู้หลานหลานไป เธออาจจะต้องร่วมมือกับหลิวอี้อี้ต่อ ดังนั้น เจียงเจิ้นเจินจึงไม่ได้ตั้งใจที่จะผิดใจกับหลิวอี้อี้จนแตกหักจนไปข้างหนึ่ง
“ไม่มีอะไร เราแค่พูดคุยกันประสาเพื่อนกันนิดหน่อย เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
เมื่อไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย เจียงเจิ้นเจินก็หยุดเสแสร้ง และแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา
หลิวอี้อี้เห็นจนเคยชินแล้ว ผู้หญิงที่ชอบตีสองหน้าคนนี้ ช่างน่ารังเกียจจริงๆ
“ห้ามเอาเพื่อนของเธอเข้ามาห้องนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน เราอยู่ด้วยกัน หากเธอต้องการพาใครเข้าห้อง ก็ต้องมาขออนุญาตจากฉันก่อน!”
ตอนนั้น หลิวอี้อี้อยู่ในห้องนอนของตัวเองจึงไม่รู้ว่าจู้หลานหลานไม่ได้เดินเข้ามาในห้องเลย
เจียงเจิ้นเจินไม่ใช่คนที่จะยอมใคร เธอจะยอมให้คนอื่นมาวางกฎเกณฑ์ต่อหน้าได้ยังไง
“นี่ไม่ใช่ห้องของเธอคนเดียวซะหน่อย เราต่างเป็นเจ้าของด้วยกันทั้งคู่ เพื่อนของเธอจะเข้าออกที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้”
“ต่อให้เธอพาใครเข้าห้องด้วย ฉันก็ไม่คิดจะว่าอะไร ดังนั้น อย่ามาวางกฎเกณฑ์ให้ฉันทำตามๆ ใจชอบ”
“นอกจากนี้เพื่อนของฉันไม่ได้เข้ามาในห้องเลยสักก้าว เราแค่คุยกันอยู่หน้าประตูเท่านั้น ถ้าเธอไม่รู้อะไรก็อยากพูดเลยจะดีกว่า”
หากไม่ใช่เพราะเธอไม่สามารถเช่าห้องพักด้วยตัวคนเดียวได้ เธอก็คงจะย้ายออกไป และอาศัยอยู่ตามลำพังไปนานแล้ว
ห้องพักในโรงแรมเจียงหลินมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่คำนึงว่าคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะอยู่รอดได้หรือไม่
ทั้งสองโต้เถียง และการทะเลาะก็เริ่มบานปลาย ในไม่ช้าก็ถึงขั้นดึงผม และตบตีกันด้วยความรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ ทั้งคู่ก็ระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ทำลายสิ่งของต่างๆ ในห้อง
หากฉู่เจียงเยว่อยู่ที่นี่ เธอก็จะรู้ว่าทำไมทั้งสองถึงได้ทำแบบนี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองทะเลาะกัน
หากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางโรงแรมจัดเตรียมให้ในห้องพักถูกทำลาย พวกเธอจะต้องจ่ายค่าชดเชย
ระบบจะทำการตีมูลค่าความค่าเสียหายอย่างรวดเร็ว และหักเงินในบัญชี
แล้วหากยอดเงินในบัญชีไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าชดเชยล่ะ จะเป็นยังไงต่อ?
ระบบจะยอมรับความสูญเสียนี้อย่างเงียบๆ เหรอ แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ ระบบจะส่งข้อความหาทั้งสองเพื่อเรียกร้องให้เอาเงินมาจ่ายโดยเร็วที่สุด
หากไม่มีเงินมาจ่ายจริงๆ พวกเธอจะต้องทำงานเพื่อชดเชยความเสียหายให้กับทางโรงแรม ส่วนใหญ่เป็นงานทำความสะอาด
นี่ทำให้เกิดเป็นกระบวนที่ชัดเจน หากมีการทำสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักเสียหาย โดยเริ่มจากการตีมูลค่าความเสียหาย หักเงิน และบังคับจ่ายด้วยแรงงาน
หากได้รับมอบหมายให้ทำความสะอาด
ทั้งคู่จะต้องทำงานทำความสะอาดในสถานที่ๆ กำหนดให้เสร็จทุกวัน เป็นระยะเวลาหนึ่ง
จิ้งจอกน้อยจะยกเลิกฟังก์ชั่นทำความสะอาดอัตโนมัติในสถานที่นั้นๆ เมื่อมีคนมารับหน้าที่แทน
ตราบใดที่อยู่ในช่วงเวลาทำงาน เมื่อพื้นที่ๆ พวกเธอรับผิดชอบสกปรกแม้เพียงเล็กน้อย พวกเธอก็จะหยิบเครื่องมือทำความสะอาดขึ้นมา และเริ่มทำงาน
ไม่ว่าทั้งสองคนจะเต็มใจหรือไม่ งานก็ต้องทำให้เสร็จในเวลา ไม่เช่นนั้นเงินที่เป็นหนี้กับ โรงแรมเจียงหลินจะถูกคิดดอกเบี้ย