ตอนที่ 22 ภาพรวมของเมืองชิวสุ่ย
ตอนที่ 22 ภาพรวมของเมืองชิวสุ่ย
ในเวลานี้เซียวชิงเอ๋อก็พบโอกาสที่จะพูด "ท่านยาย โทรศัพท์มือถือเป็นเหมือนปากกาบันทึกเสียง ท่านสามารถดูได้นับครั้งไม่ถ้วนเจ้าค่ะ”
หยุนไท่เฟยกรู้สึกโล่งอกทันที ถ้าเล่นได้เพียงครั้งเดียวจริงๆ นางเอาแต่มุ่งความสนใจไปที่ความงามของหญิงสาวและไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งสำคัญ นางคงรู้สึกเสียใจมากสำหรับการทำงานหนักของซือซือ
คราวนี้ฉีโม่ฮั่นให้ความสนใจมากกว่าหยุนไท่เฟย เขาสังเกตเห็นใบหน้าที่มีรอยย่นของเซียวมู่จินและแขนที่สั่นเทาขณะถือโทรศัพท์มือถือของเขา
“มู่จิน เจ้าวางมันลงบนโต๊ะไม่ได้หรือ?”
เซียวมู่จินพยักหน้า “ขอรับท่านลุง”
ฉีโม่ฮั่นหยิบโทรศัพท์จากมือของเขา แล้ววางพิงถ้วยชาเปล่าบนโต๊ะ ก่อนจะดึงหยุนไท่เฟยมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน
“ชิงเอ๋อ ตอนนี้เจ้ามาสอนลุงถึงวิธีใช้สิ่งนี้เถอะ”
เมื่อเห็นว่านางมีที่ให้แสดงความสามารถ เซียวชิงเอ๋อก็ปีนขึ้นไปบนตักของฉีโม่ฮั่นด้วยความดีใจทันที
เด็กหญิงตัวเล็กๆ เริ่มอธิบายด้วยด้วยความคล่องแคล้ว "พี่สาวบอกว่าสิ่งนี้เรียกว่าโทรศัพท์มือถือ นี่คือฟังก์ชั่นบันทึกวิดีโอ หลังจากคลิกที่ปุ่มนี้ ท่านก็สามารถบันทึกตัวเองลงในโทรศัพท์มือถือได้แล้ว และที่นี่...เพียงคลิกที่มัน...ฟังก์ชั่นกล้อง…”
เซียวชิงเอ๋อตั้งใจเรียนรู้กับซือซืออย่างจริงจังในครั้งนี้และจดจำเกือบทุกอย่างที่ซือซืออธิบาย
ในขณะนี้นางกลายเป็นอาจารย์ตัวน้อยอธิบายให้ฉีโม่ฮั่นฟังอย่างละเอียดถึงวิธีถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอด้วยโทรศัพท์มือถือ
ฉีโม่ฮั่นเป็นคนฉลาด จากคำอธิบายของเซียวชิงเอ๋อ เขาได้เข้าใจฟังก์ชั่นการทำงานเหล่านี้ของโทรศัพท์มือถืออย่างสมบูรณ์
เมื่อเขากับมารดาได้ดูวิดีโอในตอนแรก จิตใจของพวกเขาล่องลอยไปโดยไม่รู้ตัว และไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ซือซืออธิบายเลย
ในขณะนี้เขาไม่สนใจที่จะบันทึกและถ่ายภาพ แต่เล่นวิดีโอที่ซือซือบันทึกไว้อีกครั้ง คราวนี้ทั้งฉีโม่ฮั่นและหยุนไท่เฟยไม่วอกแวกแม้แต่น้อย เมื่อพวกเขาเห็นซือซืออธิบายชื่อและวิธีการปรุงอาหารแต่ละอย่าง พวกเขาจะหยิบของที่คล้ายกันออกจากตะกร้าสินค้าแล้วเปรียบเทียบกัน อาจกล่าวได้ว่ามารดาและบุตรชายกำลังเรียนรู้อย่างจริงจังเลยทีเดียว
โดยเฉพาะหยุนไท่เฟยผู้สนใจทำอาหารอยู่แล้ว ตอนนี้นางเห็นส่วนผสมมากมายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน นางก็รู้สึกอยากเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารอย่างทนไม่ไหว
และนั่นคือสิ่งที่นางทำ
เนื่องจากซือซือพูดในวิดีโอว่าสิ่งที่เก็บยากที่สุดคือปลาและเนื้อสัตว์ หยุนไท่เฟยจึงนำส่วนผสมทั้งหมดเหล่านี้ไปที่ครัวเล็ก
สาวใช้ที่รออยู่ที่ประตูต้องตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นไท่เฟยออกมาพร้อมกับวัตถุดิบอาหารมากมายในอ้อมแขนของนาง สาวใช้รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยทันที
เจ้านายและคนรับใช้รวบรวมวัตถุดิบเข้าด้วยกันในครัวเล็ก สาวใช้ยืนอยู่ข้างๆ คิดในใจว่า วรยุทธของอ๋องหรงต้องพัฒนาไปมากแน่ๆ เขานำวัตถุดิบอาหารเข้ามาในห้องของนายน้อยและคุณหนูมากมายเช่นนี้ แต่พวกนางที่เฝ้าประตูอยู่กลับไม่ได้สังเกตเลย
หยุนไท่เฟยไม่รู้ว่าสาวใช้ของนางคิดอะไรอยู่ สิ่งที่นางต้องทำตอนนี้คือทำตามคำแนะนำของแม่นางซือซือ นำส่วนผสมและวัตถุดิบเหล่านี้ปรุงเป็นอาหารอร่อยๆ
ในปัจจุบันน้ำในจวนอ๋องมีให้ใช้อย่างสะดวกมาก ปลายท่อด้านหนึ่งยังคงไหลไปทางปากบ่อและสามารถใช้ได้มากเท่าที่ต้องการ
ไม่เพียงเท่านั้นหยุนไท่เฟยยังสั่งให้คนรับใช้ไปตักน้ำเพื่อทำความสะอาดเสื้อผ้าสกปรกทั้งหมดที่นาง ฉีโม่ฮั่น และเด็กน้อยทั้งสองกองรวมกันเป็นเวลานาน
เรียกได้ว่าตอนนี้การใช้น้ำไม่เป็นเรื่องยากสำหรับหยุนไท่เฟยอีกต่อไปแล้ว เพราะแม่นางซือซือบอกว่าน้ำนี้สามารถใช้ได้ตลอดเวลา
หยุนไท่เฟยสั่งให้สาวใช้ของนางไปตักน้ำและล้างวัตถุดิบทั้งหมด ขณะที่นางเริ่มปรุงอาหารตามคำแนะนำของซือซือ
ฉีโม่ฮั่นก็ไม่ได้ว่างเช่นกัน เขาสนใจโทรศัพท์มือถือที่ซือซือนำมาให้อย่างมากและได้ถ่ายรูปห้องของเด็กน้อยสองคนไว้หลายรูปแล้ว
ฉีโม่ฮั่นรู้สึกว่ายังไม่เพียงพอและออกไปพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ หลังจากออกไปข้างนอกเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม เขาก็ถ่ายรูปและวิดีโอได้เป็นจำนวนมากในโทรศัพท์
ในเวลานี้อาหารของหยุนไท่เฟยก็พร้อมแล้ว นางสั่งให้สาวใช้ยกเข้าไปในห้องของเด็กน้อยสองคนทีละจาน
ฉีโม่ฮั่นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปจานอาหารบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ล้างมือแล้วนั่งลงที่โต๊ะเพื่อรอรับประทานอาหาร
หยุนไท่เฟยรู้ว่าเด็กๆ กระตือรือร้นที่จะกิน แต่นางมีสิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ นางนำชามจานพิเศษที่เตรียมมาไว้บนโต๊ะ และเติมอาหารแต่ละจานที่นางปรุงจนเต็ม
“เจ้าสองคน นำอาหารเหล่านี้ไปให้แม่นางซือซือ ให้นางลองชิมอาหารของยาย”
เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองคนกำลังจะไปส่งอาหารให้ซือซือ ฉีโม่ฮั่นจึงเปิดฟังก์ชั่นวิดีโอในโทรศัพท์มือถือ และเริ่มพูดไม่กี่คำเกี่ยวกับอาหารบนโต๊ะ
[ข้าขอบคุณแม่นางซือซือมากที่ส่งวัตถุดิบอร่อยๆ มาให้ข้า ข้าเพิ่งออกไปถ่ายรูปเมืองชิวสุ่ยเพื่อให้ท่านดู]
หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็ยื่นโทรศัพท์ให้เด็กน้อยทั้งสองคน และให้พวกเขานำไปให้ซือซือพร้อมกับอาหารอร่อยๆ
ครั้งนี้ส่งของไปให้ซือซือแล้วแต่เจ้าตัวเล็กทั้งสองไม่ได้อยู่บ้านเธอนานนัก เพราะต้องรีบกลับมาชิมอาหารที่ท่านยายเพิ่งทำเสร็จจึงกล่าวลาซือซือและจากไป
เมื่อมองดูอาหารในจาน ซือซืออดไม่ได้ที่จะชื่นชมความเอาใจใส่ของหยุนไท่เฟย นางอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นอยู่แล้ว แต่นางก็ไม่ลืมที่จะให้เด็กน้อยสองคนนำอาหารมาให้เธอด้วย
ซือซือหยิบตะเกียบของเธอขึ้นมา และหลังจากคีบอาหารไปสองสามคำ เธอก็พบว่าอาหารที่หยุนไท่เฟยปรุงนั้นมีรสชาติเหมือนกับแม่ของเธอ
หัวตาของซือซือกลับมาชื้นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้ตัวเอง เธอพยายามควบคุมน้ำตาและใช้รูปถ่ายในโทรศัพท์เพื่อหันเหความสนใจของเธอ
เธอเปิดโทรศัพท์แล้วตรงไปที่อัลบั้มรูปซึ่งมีรูปภาพและวิดีโอมากมาย ซือซือมองดูแต่ละรูปอย่างระมัดระวัง
ฉีโม่ฮั่นถ่ายภาพห้องของเด็กน้อยสองคนเป็นรูปแรก เฟอร์นิเจอร์ภายในดูเหมือนกับในละครโทรทัศน์ทุกประการ
จากนั้นเขาก็ใช้กล้องถ่ายสถานที่ต่างๆ ภาพถ่ายสภาพแวดล้อมทั่วไปของเมืองชิวสุ่ยจากที่สูง มองเห็นได้ชัดเจนในภาพถ่ายว่าดินแห้งมากจนมีหลุมขนาดใหญ่นับไม่ถ้วน ต้นไม้เหี่ยวเฉาไปหมด ไม่เห็นคนเดินบนถนนแม้แต่คนเดียว
หากไม่ได้เห็นภาพนี้ด้วยตาของตัวเอง ซือซือคงไม่คิดว่าภัยแล้งในเมืองชิวสุ่ยจะร้ายแรงขนาดนี้
เธอยังคงดูรูปถัดไป ร่างผอมแห้งของชายชราคนหนึ่งกำลังพิงต้นไม้อยู่ ข้างๆ เขามีชายหนุ่มร่างผอมแต่งตัวเป็นทหารยามกำลังถือถังและเทน้ำลงในชามของชายชรา นอกจากนี้ยังมีเด็กๆ นั่งงุนงงอยู่หน้าบ้านพร้อมชามข้าวแตกในมือ
ทันใดนั้นก็มีวิดีโอเกี่ยวกับภูเขาแห้งแล้ง หากซือซือไม่รู้ว่าฉีโม่ฮั่นใช้โทรศัพท์ในการถ่าย วิดีโอดังกล่าว เธอคงคิดว่าเขาใช้โดรนช็อตสมัยใหม่ที่มีมุมมองที่กว้างมากในการถ่ายแน่ๆ
ต้นไม้บนภูเขาส่วนใหญ่ตายไปแล้ว และมีหินมากมายบนพื้น เมื่อมองแวบแรกก็ดูไม่ต่างจากภูเขาหินเปลือย
เมื่อลงมาจากภูเขา ฉีโม่ฮั่นก็ไปยังถนนที่ครั้งหนึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองชิวสุ่ย ประตูร้านค้าทั้งหมดปิดลง และแม้แต่ป้ายของร้านค้าบางแห่งก็ร่วงหล่นลงมา มันเงียบจนแทบไม่มีคนเดินถนนเลย
ในที่สุดซือซือก็เปิดส่วนที่ฉีโม่ฮั่นทิ้งข้อความไว้ เธอไม่ได้สนใจคำพูดดีๆ แบบนั้นมากนัก เธอวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ แล้วลงมือกินต่อ