บทที่ 252 เรื่องประหลาดในเมือง ตอนที่ 19
บทที่ 252 เรื่องประหลาดในเมือง ตอนที่ 19
กู่เถียนเถียนเดินมาที่ริมถนนพร้อมกับเวินซวี เตรียมจะเรียกรถเพื่อออกไป ทันใดนั้น รถคันหนึ่งแล่นผ่านไป ขณะที่หน้าต่างด้านหลังของรถเปิดอยู่ เธอสังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้หน้าต่าง เขาดูหล่อทีเดียว
เหมือนอีกฝ่ายรู้สึกได้ถึงสายตาของเธอ ชายหนุ่มในรถจึงมองกลับมา สายตาของทั้งคู่สบกันในชั่วพริบตา
กู่เถียนเถียนเพียงแค่มองเขาแวบหนึ่ง ก่อนก้มหน้ากลับไปดูโทรศัพท์ในมือ เธอยังมีเรื่องที่ต้องแจ้งกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ อีก
รถคันนั้นขับไปจนถึงหน้าสถานีตำรวจ เมื่อคนในรถลงจากรถ เวินซวีก็โบกเรียกรถสำเร็จพอดี
ชายหนุ่มที่สบตากับกู่เถียนเถียนมองตามรถที่เธอขึ้นไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“เวินกวง คุณกำลังมองอะไรอยู่?” ชายอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ กำลังจะพูดถึงหัวหน้าสถานีตำรวจให้เขาฟัง แต่กลับเห็นว่าเพื่อนร่วมงานของตัวเองมองไปยังถนนฝั่งตรงข้าม
หลินเวินกวงหันกลับมา “ไม่มีอะไร คนเมื่อกี้มาจากสถานีตำรวจเหรอ?”
หัวหน้าสถานีพยักหน้า เขาเองก็สังเกตเห็นตอนที่ทั้งสองคนนั้นขึ้นรถ “ใช่ พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของผู้เสียชีวิตสองคนที่ฆ่าตัวตาย พวกเขาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน ก็เลยต้องมาให้ปากคำ”
หลินเวินกวงพยักหน้า “เข้าใจแล้ว งั้นเราเข้าไปคุยกันเถอะ”
หลินเวินกวงและเพื่อนร่วมงานถูกส่งมาจากหน่วยพิเศษเมืองหลวง หลังจากได้ดูวิดีโอกล้องวงจรปิด ฝ่ายเมืองหลวงสงสัยว่าการตายของสองคนนี้อาจไม่ใช่การฆ่าตัวตายธรรมดา
...
กู่เถียนเถียนขึ้นรถแล้วพูดถึงเรื่องที่สบตากับชายหนุ่มเมื่อครู่กับเวินซวี
“ตอนอยู่หน้าสถานีตำรวจ ฉันเห็นพี่ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง เขาลงรถที่หน้าสถานีด้วย แหม สมัยนี้ตำรวจยังต้องหล่อเลยเหรอ?”
เวินซวีเองก็สังเกตเห็นชายในรถคันนั้น และสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่แตกต่าง
“นั่นไม่ใช่ตำรวจธรรมดา เธอไม่ได้สังเกตรถที่พวกเขานั่งเหรอ”
ถึงจะอยู่ในโลกที่แตกต่าง แต่รายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
กู่เถียนเถียนเท้าคางคิด “รถคันนั้น ฉันไม่รู้จักยี่ห้อ แต่ดูจากภายนอกแล้วน่าจะแพงอยู่”
แม้เธอจะไม่ได้รู้เรื่องรถมากนัก แต่ก็พอจะมองออก เพราะฐานะของเธอเองก็ไม่ธรรมดา
เวินซวีเสริม “ถ้าดูจากตรงนี้ พวกเขาน่าจะไม่ใช่คนของสถานีตำรวจ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมาจากหน่วยงานอื่น แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น เธอบอกเสิ่นชงหรานพวกเขาไปหรือยัง?”
กู่เถียนเถียนพยักหน้า “บอกแล้ว แต่คืนนี้พวกคุณจะเอาไงต่อ?”
เวินซวีไขว้แขน “เมื่อคืนฉันช่วยเธอไปแล้ว วันนี้ก็ต้องเป็นเธอบ้าง”
กู่เถียนเถียนทำหน้ามุ่ย แม้เธอจะเคยโชว์ฝีมือวาดยันต์ลอยกลางอากาศไปครั้งหนึ่ง แต่พอทำเสร็จเธอก็แทบยืนไม่ไหว มันใช้พลังงานมหาศาล และยันต์นั้นแทบไม่ได้ผลกับผีตัวนั้นเลย มันทำให้เธอรู้สึกหมดกำลังใจ
ทางด้านเสิ่นชงหรานที่รู้ว่าทั้งสองคนออกจากสถานีตำรวจอย่างปลอดภัยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากพวกเขาถูกกักตัวไว้ที่สถานี เรื่องคงยุ่งยากกว่านี้
แต่เธอยังคงไม่สามารถเข้าใจถึงวิธีที่สองในการไขปริศนา
ในตอนนี้ ข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก นอกจากกระแสเรียกร้องให้คนใส่ใจเรื่องสุขภาพจิตแล้ว ยังมีประเด็นเกี่ยวกับความลึกลับในการฆ่าตัวตายเหล่านี้
เรื่องนี้ทำให้เสิ่นชงหรานไม่สามารถเข้าไปถามเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับวิญญาณได้อย่างแนบเนียน
หลังจากมื้อกลางวัน เธอก็ฟุบหลับลงกับโต๊ะด้วยความง่วง
...
เสิ่นชงหรานไม่คิดว่าตัวเองจะฝันถึงเรื่องแบบนี้ในช่วงงีบหลับ ตอนนี้เธอพบว่าตัวเองยืนอยู่บนถนนชุนซี รอบตัวมีเพียงแสงไฟจากเสาไฟถนน
อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ เหมือนกับว่าตอนนี้เธอมองเห็นเหตุการณ์ผ่านสายตาของใครบางคน บริเวณนั้นคือถนนชุนซี แต่มีความแตกต่าง เช่น ไม่มีป้ายรถเมล์ประจำทาง และต้นไม้สองข้างทางก็ดูไม่สูงเท่าปัจจุบัน
เธอเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง ร่างนี้จึงหันกลับไปถามว่า “จะไปด้วยกันไหม?”
สิ่งที่ทำให้เสิ่นชงหรานประหลาดใจก็คือ เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ดูแล้วอายุน่าจะสิบกว่าปี และเป็นวิญญาณที่ตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วงกลางลำตัวของเขาถูกบดขยี้จนแทบขาดออกจากกัน
หลังจากร่างนี้ถามคำถามเสร็จ มันไม่ได้หันหลังกลับ แต่ก้มลงมองพื้นถนนแทน จนกระทั่งในสายตาปรากฏรองเท้าคู่หนึ่งที่เปื้อนเลือด
ผีร้ายที่สวมรองเท้าเปื้อนเลือดเดินข้ามผ่านไปข้างหน้า และร่างนี้ก็หันตามแล้วเดินตามไปด้านหลัง
“เสี่ยวเสิ่น ตื่นเถอะ…”
เสิ่นชงหรานยังไม่ทันได้ฝันถึงเหตุการณ์หลังจากนั้น ก็ถูกปลุกขึ้นมากลางคัน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมายังรู้สึกมึนงง
คนที่ปลุกเธอคือเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่ายเห็นว่าเธอยังดูเหมือนไม่ได้นอนเต็มที่ จึงยกมือซ้ายชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือแล้วพูดเบา ๆ ว่า “ถึงเวลาเริ่มงานแล้วนะ”
เพื่อนร่วมงานพูดด้วยความหวังดี เสิ่นชงหรานพยักหน้าตอบ “ขอบคุณค่ะ เมื่อคืนฉันนอนดึกเกินไปหน่อย”
อีกฝ่ายโบกมือ “ไม่เป็นไร แต่ถึงยังหนุ่มยังสาวก็อย่านอนดึกบ่อยล่ะ”
ไม่นานหัวหน้างานก็ออกมาจากห้องทำงาน “ขอรบกวนเวลาสองนาที วันนี้พวกคุณต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อจัดการงานให้เสร็จ ช่วงค่ำที่พวกคุณทานข้าวกัน ผมจะออกค่าอาหารให้ และเดี๋ยวครั้งหน้า จะเลี้ยงข้าวร้านดี ๆ ใกล้ ๆ นี้ ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากนะครับ!”
แล้วหัวหน้าก็เรียกหัวหน้าทีมของพวกเธอ “เสี่ยวเฉิน ไปซื้อเครื่องดื่มมาให้ทุกคนหน่อย”
ดูเหมือนวันนี้พวกเธอจะต้องทำงานจนดึก
เสิ่นชงหรานเปิดคอมพิวเตอร์แล้วใช้เวลาที่มีน้อยนิดทบทวนความฝันเมื่อครู่ มันชัดเจนว่าเป็นคำใบ้เกี่ยวกับวิธีที่สองในการผ่านเรื่องเล่าลี้ลับ
แต่เสียดายที่เธอฝันถึงตอนอยู่ที่ทำงาน หากมันเกิดขึ้นเมื่อคืน เธอคงยอมไปทำงานสายในวันนี้เพื่อฝันต่อ
เธอเปิดกลุ่มสนทนา แล้วเล่าสิ่งที่เธอฝันถึงให้เพื่อนร่วมทีมฟัง
กู่เถียนเถียน: เยี่ยมไปเลย แต่ดูจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน น่าจะเป็นการให้ผีเดินนำหน้าเราไป น่าเสียดายที่ยังไม่รู้ว่าหลังจากนั้นต้องทำยังไง
เวินซวี: เดี๋ยวฉันลองก่อน ถ้าผ่านได้จะบอกพวกเธอ ถ้าไม่ได้ก็คงต้องจัดการผีให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน
กู่เถียนเถียน: โหดจริง ๆ
เสิ่นชงหราน: เราไม่รู้เลยว่าต้องมองผีเดินไปข้างหน้า หรือเดินตามไปด้วยกัน แล้วต้องเดินด้วยความเร็วแค่ไหน ยังไม่มีอะไรชัดเจนเลย
เฟิงอี้เฉิน: ไม่ต้องรีบ เราค่อย ๆ ลองไป ตอนนี้ยังมีเวลาให้ลองอยู่
เสิ่นชงหราน: โอเค ระวังตัวกันคืนนี้นะ วันนี้ดูเหมือนฉันจะเลิกงานช้าหน่อย
เฟิงอี้เฉิน: ฉันก็ต้องทำงานล่วงเวลาเหมือนกัน ถ้าใครออกมาก่อนก็รอกันที่ชั้นหนึ่งแล้วกัน
เสิ่นชงหราน: เข้าใจแล้ว
หลังจากคุยกับเพื่อนร่วมทีมเสร็จ เสิ่นชงหรานก็กลับไปทำงาน เทียบกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่ยุ่งจนแทบไม่ได้เงยหน้า งานของเธอยังถือว่าโอเคอยู่ แต่เนื่องจากหลายอย่างต้องผ่านมือเธอทำให้ต้องอยู่ล่วงเวลาด้วย
ตอนเย็น หัวหน้างานลงไปซื้ออาหารมาให้พวกเธอทานแก้ขัด
เสิ่นชงหรานยังพอมีเวลาว่าง ในระหว่างที่ทานอาหาร เธอเปิดดูโพสต์ในเว็บไซต์ออนไลน์
หลังทานเสร็จ เธอก็กลับมาทำงานต่อ ใช้เวลาอีกประมาณสองชั่วโมงจนงานเธอเกือบเสร็จ เหลือแค่รอให้คนอื่นทำส่วนของพวกเขาเสร็จ
ในขณะนั้น เธอยังไม่ได้ปิดเว็บบอร์ดที่เปิดอ่านก่อนหน้า เมื่อกดรีเฟรช เธอพบว่าโพสต์ยอดนิยมใหม่ปรากฏขึ้นมา ดูจากเวลาโพสต์ น่าจะถูกสร้างขึ้นราวหนึ่งทุ่ม
หัวข้อโพสต์: "ไลฟ์สด: คืนนี้จะลองทำตามเรื่องเล่าลี้ลับในเน็ต!"
หัวข้อนี้ดึงดูดความสนใจของเธอมาก เมื่อคลิกเข้าไป ความเห็นแรก ๆ กว่า 10 ข้อเป็นเพียงคำพูดแสดงความสนใจแบบล้อเล่น
เธออ่านโพสต์ของเจ้าของกระทู้ ตอนแรกคิดว่าคงเป็นเพียงการเล่นคำโฆษณา แต่เนื้อหาในนั้นกลับทำให้เธอยิ่งอ่านยิ่งกังวล เพราะเจ้าของโพสต์อยู่ที่ถนนชุนซี
โพสต์เจ้าของกระทู้: "ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวนักศึกษาคนหนึ่งฆ่าตัวตายบนถนนใหญ่ และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเหตุฆ่าตัวตายอีกหลายครั้ง ผมเลยรู้สึกสงสัยว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ หลังจากอ่านโพสต์ที่เพื่อนของผู้ตายคนแรกโพสต์ไว้ ผมพบว่าประสบการณ์ที่เขาเจอคล้ายกับเรื่องเล่าลี้ลับที่ผมรู้จักมาก เรื่องนั้นคือ ขณะที่เดินอยู่บนถนน คุณจะได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง แต่เมื่อหันกลับไปจะไม่เห็นใคร โชคดีที่เจ้าของโพสต์นั้นเป็นเพื่อนของเพื่อนผม ผมจึงไปหาเขาเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น..."
..........