บทที่ 21 : ข้า! วิเวียน! แม่มด!
เสียงกรีดร้องอย่างใจสลายของโรเอลดังสนั่นในป่า ซึ่งแสบหูเป็นอย่างยิ่ง
อย่าคิดว่า ‘ใจสลาย’ ในที่นี้เป็นการใช้คำเกินจริง แต่เป็นการที่นักเวทย์จากลัทธิเทพไฟคนนี้ถูกทำให้ 'ใจสลาย' อย่างแท้จริง
เมื่อมองจากรูปลักษณ์ของโรเอล เขาต่างจากเหล่าผู้ติดตามของเขาที่ถูกเปลวเพลิงสีดำกลืนกินไปโดยสิ้นเชิง เขาไม่มีร่องรอยของการถูกไฟไหม้เลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าเขายังปกติดี
แต่ทำไมโรเอลถึงกรีดร้องราวกับหมูที่ถูกเชือด กลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวด?
เหตุผลก็คือ ในครั้งนี้เปลวไฟสีดำของเหลียวจื่อซวนมันเริ่มลุกไหม้จากด้านในร่างของเขา
หมาป่าเพลิงทมิฬสามารถเผาทุกสิ่งทุกอย่างได้ ไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่ยังรวมถึงพลังเวทด้วย สิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับนักเวทก็คือแหล่งพลังเวทของตัวเอง แต่ตอนนี้มันถูกเผาไหม้จากภายในร่างของโรเอลอย่างเงียบๆ จนไม่มีอะไรเหลือเลย
พูดง่ายๆ ก็คือ โรเอลถูกทำให้หมดสิ้นเส้นทางในการเป็นนักเวท และถูกทำให้ไม่สามารถใช้เวทได้อีกต่อไป
ส่วนสิ่งที่ทำให้โรเอลรู้สึกสิ้นหวังมากยิ่งขึ้น ก็คือหินเวทในอ้อมแขนของเขาถูกเผาไปพร้อมๆกัน
มันคือหินเวทใช้ในการสื่อสารและถ่ายทอดภาพให้กับท่านบิชอป
หมายความว่าเขาจะไม่มีโอกาสส่งข้อความไปยังท่านยูจีเนียเพื่อขอความช่วยเหลือได้เลย
"ใคร! ใครกัน!"
"ออกมา!"
โรเอลบ้าไปแล้ว เขาบ้าจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ดวงตาของเขาแดดก่ำและส่งเสียงคำรามแหบแห้ง
เขานอนราบอยู่บนพื้นเหมือนหนอน ภายในร่างกายของเขาหมดสภาพจนเหลือเพียงก้อนเนื้อแห้งๆ ที่จะพังทลายหากสัมผัส สิ่งเดียวที่เขาสามารถขยับได้คือ ปากที่เหลียวจื่อซวนจงใจทิ้งไว้
ถ้าจะพูดแบบง่ายๆ ก็คือ โรเอลตอนนี้ตายไปแล้ว เพียงแต่ยังพูดได้อยู่
และนี่คือสิ่งที่เหลียวจื่อซวนต้องการ
เจ้าหมาป่าดำตัวเล็กเดินออกมาจากความมืดอย่างสง่างาม
ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของโรเอลที่ตะโกนออกมาราวกับไม่รู้จักจบสิ้น หมาป่าตัวเล็กดึงเสื้อคลุมของโรเอลขึ้นมาแล้วลากมันกลับไปพร้อมกับเขาเหมือนกับว่าเป็นการล่าเหยื่อ
ใช่แล้ว ในใจของเหลียวจื่อซวน โรเอลต้องตาย
แต่ก่อนที่โรเอลจะตาย เหลียวจื่อซวนไม่อยากที่จะเสียเครื่องมือที่ดีนี้ไป
เพราะ...
ใครก็ตามที่อยู่ในสภาพหมดหนทางจะระเบิดความคิดชั่วร้ายออกมาโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูที่ทำลายชีวิตของเขา
เหลียวจื่อซวนเชื่อว่าด้วยระดับของโรเอล เขาจะต้องพูดคำพูดที่ชั่วร้ายและโสมมพอสมควร
คำพูดที่ชั่วร้ายพอ... ที่วิวียนไม่อาจทนได้
คำพูดที่สกปรก... ที่ทำให้สาวน้อยที่โตมาจนอาจจะไม่เคยฆ่าสัตว์แม้แต่หมูสักตัว ต้องเผชิญหน้ากับความคิดในการฆ่า...
ในป่าที่กว้างใหญ่และเงียบสงบนี้ ปราศจากเสียงของแมลง หรือนก และสัตว์อื่นๆ
มีเพียงเจ้าหมาป่าตัวเล็กที่คาบโรเอลไว้ในปากและเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ
แสงแดดในยามบ่ายส่องผ่านใบไม้ร่วงลงมาบนร่างของหมาป่าตัวเล็ก
มันเป็นร่างของลูกหมาป่า แต่ใต้แสงแดดเงาที่สะท้อนในเงาของต้นไม้กลับมีขนาดใหญ่และมืดไปหมด เหมือนกับทำให้ทั้งป่ารู้สึกมืดลงไปเล็กน้อย
วันนี้...
หวังว่ามันจะเป็นวันที่คุ้มค่าแก่การจดจำ... ใช่ไหม?
...
...
"เสี่ยวเฮย..." หลังจากระบายความรู้สึกออกมา เด็กหญิงตัวน้อยที่ขับไล่ชายชุดเทาออกไปก่อนที่เธอจะได้พักหายใจ ก็ตระหนักได้ว่าลูกหมาป่าตัวน้อยของเธอได้หายไปแล้ว
วิวียนมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเจ้าหมาป่าตัวเล็กเลย
แต่สาวน้อยก็ไม่ได้รีบร้อน เพราะวิเวียนรู้ถึงความสามารถของเสี่ยวเฮย กลุ่มคนที่สวมชุดคลุมสีเทาเหล่านั้นไม่สามารถเอาชนะเสี่ยวเฮยได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่ใช้การสื่อสารทางจิต วิเวียนก็สามารถเดาได้บ้างว่าเสี่ยวเฮยทำอะไรอยู่
ดังนั้นสาวน้อยจึงนำสองผู้เล่นไปยืนรอที่เดิม หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงขยับจากพุ่มไม้ในทิศทางที่ชายชุดคลุมสีเทาหนีไป
"เสี่ยวเฮย!"
"เสี่ยว...ทำไมเจ้าถึงพาเขากลับมาได้ล่ะ?" วิเวียนพูดด้วยความตกใจ ก่อนจะขมวดคิ้วและมองไปที่โรเอลที่ถูกเหลียวจื่อซวนลากมา
ส่วนเหลียวจื่อซวนนั้นไม่ได้พูดอะไรมาก แต่หลังจากที่เขาโยนโรเอลลงมาตรงหน้าวิเวียน เขาก็เอนตัวนอนขี้เกียจอยู่ที่เท้าของสาวน้อย ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาเลย
หลังจากที่วิเวียนจ้องมองเสี่ยวเฮยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงช่วยโรเอลที่หัวหันลงกับพื้นให้ตั้งตัวขึ้น
แต่ใครจะรู้ว่า พอเด็กสาวยกโรเอลขึ้นมาแล้ว โรเอลก็เริ่มด่าออกมาทันที
“ข้ารู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นเจ้า!”
"ทำไมไม่ปล่อยพวกเราไปเสีย! เจ้าสารเลว! อย่าคิดว่าการรู้เวทมนตร์บ้างจะทำให้เธอเก่งกาจ! ถ้าท่านยูจีเนียอยู่ที่นี่ เธอก็แค่คนไม่มีค่าคนหนึ่ง!!"
วิเวียนเดิมทีอยากจะสงบใจแล้วพูดคุยอย่างสงบ แต่ว่าหลังจากที่โรเอลด่าทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ และความโกรธก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
"ข้าถามเจ้า! พวกเราไม่มีเรื่องบาดหมางกัน ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ทำไม...ทำไมต้องโจมตีพวกเราด้วย!" วิเวียนถามคำถามที่เธอค้างคาใจมาตลอด
จนถึงตอนนี้ วิเวียนก็ยังไม่รู้เลยว่า ทำไมกลุ่มคนที่สวมชุดคลุมสีเทาถึงต้องการฆ่าเธอ
“ฮึ่ม ทำไมถึงโจมตีพวกแก แกมันโง่เขลาและโลภมาก พยายามจะเข้าไปในป่าลึกเพื่อก่อกวนแผนการของท่านบิชอป พวกสารเลว!”
“พวกเราไม่ได้อยากรบกวน เรา... เราแค่อยากไปที่ถ้ำของมอนสเตอร์ในป่าเพื่อเก็บสมุนไพรที่จะรักษาน้องชายของข้า”
วิเวียนยังคงพยายามหาเหตุผลกับโรเอลในทางที่สมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตาม หัวหน้ากลุ่มลัทธิเทพไฟยังแสดงความดูถูกต่อฐานะที่ต่ำต้อยของพวกเขา และพูดเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส
“รักษาหรือ? พวกคนชั้นต่ำอย่างพวกแกที่มาจากหมู่บ้านชนบท ยังสมควรที่จะใช้หญ้าอเมทิสต์งั้นหรือ? สมุนไพรพวกนี้มีไว้สำหรับผู้มีอำนาจและขุนนางในเมืองเท่านั้น แล้วจะให้สัตว์เลี้ยงอย่างพวกแกเอามันไปทิ้งได้ยังไง?”
“แล้ว... ข้าต้องปล่อยให้น้องชายของข้าตายไปงั้นเหรอ?” การศึกษาที่วิเวียนได้รับมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ชาวบ้านหลายคนมีความรู้สึกลึกซึ้งเกี่ยวกับชนชั้น
พวกเขาเกิดมาโดยคิดในใจว่าตนเป็นคนชนบท มาจากหมู่บ้าน และด้อยกว่าคนในเมืองใหญ่
วิเวียนกำมือแน่น ร่างกายของหญิงสาวสั่นเทา และโซ่ตรวนแห่ง “ชนชั้น” “ชาติกำเนิด” และ “ความด้อยกว่า” ได้รับการคลายออกอย่างเงียบๆ ด้วยความโกรธ
“ใช่ ปล่อยให้มันตายไปเถอะ เดิมทีหมู่บ้านของแกต้องฆ่าน้องชายของแกเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าบอกเจ้าได้ว่ามันสายเกินไปแล้ว แค่เพราะเจ้ากล้าสู้กลับพวกเรา หมู่บ้านของเจ้าทั้งหมดจะต้องถูกลากเข้ามาด้วย! ลัทธิเทพไฟของเราจะทำลายหมู่บ้านของเจ้าในไม่ช้า ไม่ต้องพูดถึงน้องชายของเจ้า ทั้งหมู่บ้านจะถูกฝังไปพร้อมกับเจ้า!”
ในฐานะที่เป็นคนมีประสบการณ์ โรเอลก็รู้ได้ในทันทีว่าหญิงสาวตรงหน้าเขานั้น ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเธอจะแปลกและน่ากลัว แต่จิตใจของเธอยังคงเป็นเด็กอยู่
คนแบบนี้ ยิ่งคุณมีอำนาจมากและยิ่งผลที่ตามมาร้ายแรงเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น และท้ายที่สุดก็จะร้องไห้ ร้องไห้ และคุกเข่าลงเพื่อขอความเมตตาจากคุณ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว และร่างกายของเขาก็ถูกเผาไหม้จนหมดสิ้น ดังนั้นโรเอลจึงแก้แค้นและโรยเกลือลงบนบาดแผลของหญิงสาวต่อไป พร้อมกับเพลิดเพลินกับการดูสีหน้าเจ็บปวดและเสียใจของวิเวียน
“พ่อแม่ของแกจะถูกเผาทั้งเป็นบนเสาไฟต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน! แล้วน้องชายของแก ฮ่าๆ แกไม่ใช่เป็นห่วงน้องชายของแกเหรอ? เราจะตัดแขนขาของมันแล้วทุบตีมัน ลากเข้าไปในเมืองแล้วให้ทุกคนในเมืองฮัวเตี้ยนเห็น นี่คือน้องชายของปีศาจ! มันเป็นน้องชายของแม่มด!”
“อะไร ทำไมถึงมองข้าแบบนั้น มาสิ ฆ่าข้า บอกให้พ่อแม่ของแกรู้ว่าแกมันเป็นฆาตกร และบอกให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้ด้วยว่า มือแกเปื้อนเลือดของลัทธิเทพไฟ ให้น้องชายของแกรู้สิว่าพี่สาวของเขาฆ่าคน!”
วิเวียนเงียบไป
ดูเหมือนเด็กสาวจะยกศีรษะขึ้นไม่ได้ เธอจึงก้มศีรษะลง และผมที่แก้มของเธอก็ทำให้ใบหน้าของเด็กสาวดูไม่ชัดเจน ทำให้มองเห็นใบหน้าของเธอได้ยาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า กลัวแล้ว? ไม่กล้าฆ่าข้า แกรู้แค่ผลที่ตามมาจากการฆ่าข้าตอนนี้ แต่บอกได้เลยว่าสายเกินไปแล้ว! ถ้าแกฆ่าข้า แกจะเป็นแม่มด! แกจะถูกอาณาจักรเปลวเพลิงตามล่าตลอดชีวิต แต่ถ้าแกไม่ฆ่าข้า ข้าจะฆ่าทั้งหมู่บ้านของแก! ดังนั้น เลือกเอาว่าจะยอมเป็นแม่มดที่มีอความผิดร้ายแรง หรือปล่อยให้พ่อแม่และน้องชายของแกถูกฝังไปพร้อมกับข้า!”
“ทำไมแกไม่พูดล่ะ ไม่ค่อยจะ…”
ขณะที่เหลียวจื่อซวนถอนหายใจในใจ สงสัยว่าเขาคงจะรีบร้อนเกินไป เสียงของโรเอลก็หยุดลงกะทันหัน ราวกับว่าเขาถูกบีบคอ
โอ้ มันไม่เหมือนกับว่า มันถูกบีบอยู่จริงๆ
ไม่รู้ว่าวิเวียนเงยหน้าขึ้นเมื่อใด บนใบหน้าของเด็กหญิงไม่มีความลังเล ไม่มีความทุกข์ใจ และไม่มีความเสียใจเมื่อทำร้ายผู้อื่น
เธอระดมพลังเวทย์มนตร์ของเธอสร้างมือที่มองไม่เห็นและคว้าคอของโรเอล
ดวงตาสีเข้มของเด็กหญิงตัวน้อยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เลย ราวกับว่าเธอเป็นคนละคนกับวิเวียนเมื่อก่อน
แล้ว.
“แกมันน่ารำคาญ” หญิงสาวยกมือซ้ายขึ้นและบีบเข้าด้านใน
ปุจิ!
มันเหมือนกับลูกโป่งขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยถุงน้ำ และของเหลวสีแดงเลือดที่ถูกบีบก็กระจายไปทั่ว ทำให้ใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวกลายเป็นสีแดงสด
"ถ้าหากมันเป็นแค่ทางเดียวที่ทำให้พวกเรา... คนชั้นต่ำแบบพวกเรา สามารถมีชีวิตรอดได้..."
"ข้า วิเวียน ยอมเป็นแม่มด!"