บทที่ 1100: บากี้ผู้โชคดี อาคาอินุผู้วุ่นวาย และคุซันผู้ประหลาดใจ
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 1100: บากี้ผู้โชคดี อาคาอินุผู้วุ่นวาย และคุซันผู้ประหลาดใจ
"อย่าตกใจ! เรื่องแบบนี้ฉันเคยเจอมาสองครั้งแล้ว! ตอนนั้นแชงค์ยังต้องให้ฉันช่วยถึงจะรอดพ้นจากวิกฤตมาได้!"
เวลาผ่านไป บากี้ก็เริ่มปล่อยตัวปล่อยใจ พูดจาเพ้อเจ้อออกมาเรื่อย
เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง เขาจึงต้องมีตัวเปรียบเทียบ คนอื่นถ้าพูดเล่นแรง ๆ อาจจะโดนตามมาเล่นงานถึงที่ บากี้เลยไม่กล้าพูดอะไรมาก แต่แชงค์ไม่เป็นไร บากี้รู้ดีว่าแชงค์ไม่ทำร้ายเขา
การยกยอตัวเองโดยการดูถูกแชงค์กลายเป็นเรื่องที่บากี้ทำบ่อย ๆ ช่วงนี้
มิสเตอร์ 3 ไม่เชื่อเรื่องนี้หรอก แต่ตอนนี้เขาไม่มีแรงจะเถียง บากี้ลอยมาที่นี่ได้ด้วยพลังของตัวเอง แต่เขาน่ะไม่ใช่ แม้จะมีลูกน้องอุ้มเขามา แต่มิสเตอร์ 3 ก็แช่น้ำจนตัวเปื่อยไปหมดแล้ว
กว่าจะขึ้นฝั่งได้ เขายังตั้งตัวไม่ติดเลย
"หา? ทำไมฉันจำได้ว่าพวกแกสองคนโดนฉันหลอกจนหัวหมุน ถ้าฉันไม่เล่นจนพอใจ พวกแกคงไม่มีทางรู้ความจริงหรอก ทำไมมาถึงแกแล้วเรื่องมันกลับตาลปัตรแบบนี้ล่ะ?"
ร่างของโอลกะปรากฏขึ้นท่ามกลางฝูงชน แขนพาดลงบนไหล่ของบากี้อย่างเป็นมิตร
"!"
หน้าผากของบากี้เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นในทันที เสียงของโอลกะฝังลึกอยู่ในจิตใจของเขา แม้ว่าเขาจะเผชิญกับความล้มเหลวมากมายในชีวิต แต่คนที่ทำให้เขากับแชงค์ต้องพ่ายแพ้พร้อมกัน มีเพียงโอลกะคนเดียวเท่านั้น
"นั่น นั่นคือ ภัยพิบัติ!"
"เจ้าหน้าที่แห่งกลุ่มร้อยอสูร มีค่าหัวถึง 1,520 ล้านเบรี คนแบบนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของกัปตันบากี้!"
"สมกับเป็นกัปตันบากี้จริง ๆ ถึงขนาดถูกบุคคลสำคัญแบบนี้จดจำเอาไว้ได้!"
ลูกน้องของบากี้กลายเป็นพวกคลั่งบากี้ไปหมดแล้ว สำหรับพวกเขา สิ่งที่บากี้ทำล้วนถูกต้อง แม้ว่าจะไม่ถูก พวกเขาก็สามารถหาเหตุผลมาสนับสนุนได้
"พูดอะไรกัน กัปตันบากี้ตอนนี้เป็นถึงเทพโจรสลัดแล้วนะ ตั้งแต่หนวดขาวตายไป ตำแหน่งจักรพรรดิก็ว่างลง กัปตันบากี้ต้องทำให้โลกกลับมามีสี่จักรพรรดิอีกครั้งแน่ ๆ ! มีแต่โจรสลัดอย่างไคโดเท่านั้นแหละที่คู่ควรกับกัปตันบากี้!"
"นี่ ฉันถามหน่อย แกไปหาลูกน้องพวกนี้มาจากไหนเนี่ย? พวกนี้สมองไม่ดี หรือว่าจงใจอยากให้แกตายกันแน่"
นี่เป็นครั้งแรกที่โอลกะเจอเหตุการณ์แบบนี้ จริง ๆ แล้วเธอแค่อยากมาเล่นกับบากี้ ตามหลักการที่ว่าต้องให้ทั่วถึง หลอกแชงค์ไปแล้ว บากี้ก็ต้องโดนด้วย
ตอนนี้โดนคนพวกนี้กวนจนโอลกะเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม
"เอ่อ นี่..."
"ช่างเถอะ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่หน้าที่ฉัน ฉันแค่อยากจะบอกแกนะ ว่าก่อนสงครามมารีนฟอร์ด ฉันเคยหลอกไอ้หนุ่มผมแดงนั่นไปทีนึง เพื่อความเท่าเทียม ฉันเลยตัดสินใจให้แกได้สัมผัสประสบการณ์นี้บ้าง"
"ช่วงเวลาต่อจากนี้ พวกนี้จะถือว่าแกเป็นศัตรูตัวฉกาจ ขอให้โชคดีนะ"
"เดี๋ยวก่อน! ฉันน่าจะไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับเธอใช่มั้ย?!"
"แกพูดอะไรน่ะ? วันแรกที่แกกับไอ้เด็กผมแดงนั่นเจอฉัน พวกแกยังคิดจะแย่งของในมือฉันเลยนะ แค่เล่น ๆ นี่ก็ใจดีมากแล้ว ขอให้โชคดีนะ ท่านบากี้ผู้ยิ่งใหญ่~"
สิ้นเสียง โอลกะก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา ก่อนที่บากี้จะทันได้ตั้งตัว เขาก็ถูกลูกน้องรุมล้อมจากด้านหลัง
บากี้พยายามจะหนีโดยสัญชาตญาณ แต่พอลอยออกไปได้ไม่ไกล ร่างกายก็ลอยคว้างไปมาอย่างไร้ทิศทาง เท้าของเขายังถูกเหล่าลูกน้องจับเอาไว้
"ช่วยด้วย!"
เสียงร้องโหยหวนของบากี้ดังก้องไปทั่ว เรือจิ้งจอกรัตติกาลหายลับไปกับเส้นขอบฟ้า
ข่าวร้ายคือ บากี้สู้ลูกน้องตัวเองไม่ได้ แถมร่างกายที่แยกส่วนยังโดนรุมกระทืบจากทุกทิศทุกทาง
ข่าวดีคือ เรือของโอลกะเร็วมาก ไม่นานหลังจากออกจากไป ลูกน้องของบากี้ก็หลุดพ้นจากภาพลวงตา
แต่ในเวลานี้ พวกเขากลับจมดิ่งสู่โลกแห่งความซาบซึ้งใจ
"กัปตันบากี้! ท่านยอมโดนพวกเราเล่นงานโดยไม่ตอบโต้ เพียงเพื่อจะไม่ทำร้ายพวกเรา!"
"ใช่แล้ว เพื่อไม่ให้พวกเราต้องฆ่าฟันกันเอง กัปตันบากี้เสียสละมากเกินไป ฮือๆ ๆ ผมจะขออุทิศชีวิตให้ท่านตลอดไปครับ!"
แม้จะใบหน้าบวมปูด แต่บากี้กลับได้รับการยกย่องจากทุกคน โอลกะที่จากไปแล้วก็ไม่คิดว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้
ไม่ใช่แค่โอลกะ แม้แต่มิสเตอร์ 3 และลูกน้องเก่าของบากี้ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมพวกเขาถึงคลั่งไคล้ได้ถึงขนาดนี้
"ว่าแต่เมื่อกี้ต่อยกันมันส์ดีแฮะ"
มิสเตอร์ 3 มองหมัดของตัวเอง เขาเองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของภาพลวงตา พอเห็นหน้าตาที่ยโสโอหังของบากี้ ความรู้สึกผิดในใจของมิสเตอร์ 3 ก็หายวับไปกับตา
"อืม ๆ "
ไม่ใช่แค่นั้น ลูกน้องเก่าของบากี้ยังพยักหน้าเห็นด้วยกับมิสเตอร์ 3 อีก
ในขณะเดียวกัน ณ ทะเลแห่งใดแห่งหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก ตาเหยี่ยวได้รับโทรศัพท์อีกสาย
"โรโรโนอา พอได้แล้ว"
"หา? ทำไมล่ะ ถึงที่หมายแล้วเหรอ?"
"ไม่หรอก ที่นั่นจบไปแล้ว กลับขึ้นเรือกันเถอะ ฉันไม่อยากให้แกพาไปที่ทะเลอะไรก็ไม่รู้หรอก"
ถึงแม้ตาเหยี่ยวจะจับตาดูโซโลตลอด แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งโชคชะตาที่โซโลหลงทิศหลงทางจนถูกกระแสน้ำพัดพาไปได้
ตาเหยี่ยวก็ไม่อยากพายเรือเอง เพื่ออนาคต เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนวิธี
โอลกะกำลังเดินทางกลับ อาคาอินุที่จัดการเวิร์ลได้แล้ว ก็นำกองเรือกลับมายังมารีนฟอร์ด แต่เขากลับไม่ได้รับคำชม กลับถูกห้าผู้เฒ่าเรียกไปสอบสวนแทน
ในฐานะจอมพลเรือ แต่กลับนำกำลังออกไปปฏิบัติการโดยไม่แจ้งรัฐบาลโลก นี่เป็นการกระทำที่เกินขอบเขตโดยไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้เองอาคาอินุก็พบว่า ตำแหน่งจอมพลไม่ได้สะดวกสบายอย่างที่คิด มันไม่เพียงแต่ไม่ทำให้การปฏิบัติภารกิจราบรื่นขึ้น กลับกลายเป็นการเพิ่มพันธนาการให้ตัวเองอีกสองชั้น
เมื่อเทียบกับอาคาอินุ คุซันที่ลาออกจากกองทัพเรือแล้ว ดูสบายใจกว่าเยอะ
"ขอบคุณมากนะ คุณคุซัน ช่วยได้เยอะเลย"
"เรื่องเล็กน้อยน่า ไปส่งของเถอะ คราวหน้าจำไว้ว่าต้องเสริมโครงรถให้แข็งแรงด้วยล่ะ"
หลังจากเข้าร่วมกลุ่มร้อยอสูร คุซันไม่ได้รับมอบหมายงาน กลับกลายเป็นคนว่างงาน วัน ๆ เอาแต่ช่วยเหลือผู้คนในวาโนะคุนิ
สาเหตุหลักเป็นเพราะไคโดออกเดินทางไปข้างนอกอีกครั้ง อาร์เซอุสยังไม่สนใจคุซันเท่าไหร่ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถออกคำสั่งคุซันได้ เพราะยังไงเขาก็เป็นคนที่ยามาโตะพามา ถึงจะออกคำสั่งก็ต้องให้ยามาโตะไปบอกอีกที
จะเชื่อใจได้หรือไม่ได้ก็ช่างเถอะ เป้าหมายของยามาโตะคือให้คุซันเป็นโล่กำบัง ไคโดไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่ แน่นอนว่าจะไม่ให้เขาออกไปทำงานข้างนอก
ดังนั้นคุซันจึงใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ
เมื่อครู่นี้เขาเจอคนที่เพลาล้อรถม้าหัก เพื่อให้เขาสามารถส่งสินค้าได้ทันเวลา จึงใช้สร้างน้ำแข็งมาเสริมโครงรถให้ชั่วคราว
"อูฐ? อูฐ แกไปไหนน่ะ กลับบ้านได้แล้ว!"
หลังจากใช้ชีวิตเรียบง่ายมาทั้งวัน คุซันตั้งใจจะพาอูฐไปลองกินน้ำแข็งไสที่อัลเคมี่กับมาวิปทำ
แต่พอลองหันกลับไปดู เขากลับพบว่าอูฐวิ่งไปที่ไร่ใกล้ ๆ แถมยังช่วยยักษ์คนหนึ่งซ่อมเครื่องมือ และใบหน้าของยักษ์คนนั้น ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็รู้สึกคุ้นเคย
"เซา...เซาโล?!"
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_