ตอนที่ 24 – แผนอัปเกรดอาณาเขต
“ฉันควรแลกอะไรดีนะ… โอ้ ใช่ ฉันควรอัปเกรดบ้านของฉัน. อาณาเขตเลเวล 1 นั้นคับแคบเกินไป ฉันใส่ของที่ได้มาทั้งหมดลงในนี้ไม่ได้”
โคลินดึงข้อมูลเกี่ยวกับบ้านไม้ทรุดโทรมของเขาขึ้นมา.
[อาณาเขตเลเวล 1]: มันสามารถปิดกั้นหมอกสีเทา สามารถสังเคราะห์ไอเท็มง่ายๆ ได้ แต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายหรือเก็บไว้ในช่องเก็บของได้.
หลังจากคลิกที่ตัวเลือกอัปเกรด สายอัปเกรดสี่สายก็ปรากฏขึ้น:
[ป้อมปราการใต้ดิน] [เมืองลอยฟ้า] [รถศึกสงคราม] [อาณาเขตเลเวล 2]
คำอธิบายบอกเรื่องฟังก์ชันการใช้งานเท่านั้น ไม่มีวัสดุที่ต้องใช้เลย. หากวัสดุไม่เพียงพอ อัปเกรดก็จะแสดงให้เห็นว่าทำไม่ได้อย่างเดียว. ทว่า คำแนะนำช่วยให้โคลินได้รับข้อมูลวัสดุที่จำเป็นโดยไม่ต้องใช้แบบแปลน.
“ป้อมปราการใต้ดินเลเวล 1 ต้องใช้เหล็ก 3,000 ชิ้น ดินเหนียว 2,000 ชิ้น กรวด 1,000 ชิ้น หิน 2,000 ชิ้น ไม้ 1,000 ชิ้น หนามแห่งความทุกข์ 200 ชิ้น และแต้มหมอก 100 แต้ม… ฮึม…”
โคลินดูวัสดุที่ต้องการแล้วปิดแท็บไปอย่างเงียบๆ. วัสดุที่ต้องการนั้นสูงเกินไป ของที่เขามีตอนนี้ใช้ได้ไม่ถึงเสี้ยวด้วยซ้ำ.
จากนั้นเขาก็เปิดตัวเลือก [เมืองลอยฟ้า] ซึ่งดูเป็นมิตรมากกว่าป้อมปราการใต้ดิน
[คำใบ้: เมืองลอยฟ้าเลเวล 1: หินลอย 0/200, หนามแห่งความทุกข์ 4/10, ไม้ 54/300, แต้มหมอก 20/200]
โคลินยังไม่ได้เจอหินลอยด้วยซ้ำ เขาจึงส่ายหัวและละทิ้งตัวเลือกนี้.
จากนั้นเขาก็ดูตัวเลือกที่สาม [รถศึกสงคราม] ทันทีที่เขาเห็นหน้าที่ของมัน ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้น.
[รถศึกเลเวล 1: มันสามารถป้องกันหมอกสีเทา ต้านทานการโจมตีทางจิตที่ต่ำกว่าระดับลอร์ด สามารถขี่เพื่อเคลื่อนที่ได้ และติดตั้งปืนใหญ่ได้…]
[หมายเหตุ: การขับเคลื่อนรถศึกต้องใช้เชื้อเพลิง]
“ลองคิดดูสิกองทัพรถศึก ยักษ์เหล็กนับล้าน ปืนใหญ่ปูพรมหน้าดิน ฝ่าหมอกสีเทา พวกกลายพันธุ์พวกนี้จะไม่คณามือเลย!”
โคลินคิดอย่างตื่นเต้น จากนั้นเขาก็เห็นความต้องการวัสดุและปิดแท็บอีกครั้งอย่างเงียบๆ.
ทว่า ความสามารถในการใช้งานจริงของรถศึกทำให้โคลินจำวัสดุที่จำเป็นต้องใช้ไว้ แล้วเก็บรวบรวมมันช้าๆ.
ในที่สุดก็ถึงตัวเลือกสุดท้าย: [อาณาเขตเลเวล 2]
[ข้อมูลอาณาเขตเลเวล 2: อาณาเขตของผู้รอดชีวิตจะขยายจาก 4*4 เป็น 10*10 พร้อมพื้นที่เพิ่มเติม 5*5 หลา]
[คำใบ้: วัสดุที่จำเป็น: หิน 49/2000, หนามแห่งความทุกข์ 4/30, ไม้ 54/1000, ดินเหนียว 0/500, แต้มหมอก 20/50]
เมื่อเทียบกับแผนการอัปเกรดอื่นๆแล้ว อาณาเขตเลเวล 2 ดูสมเหตุสมผลกว่ามาก วัสดุดูเหมือนจะเยอะ แต่เนื่องจากเป็นวัสดุพื้นฐาน จึงไม่ยากที่จะหาจากภายนอกหมอกสีเทา เพียงแค่ต้องใช้เวลาในการรวบรวมและจัดเก็บในช่องเก็บของเท่านั้น.
โลกหมอกสีเทานั้น ขาดแคลนสองสิ่งหลักๆ คือ อาหารและน้ำ.
แน่นอนว่าโคลินไม่มีเจตนาที่จะเสียเวลา ก่อนที่ผู้คนจะพบแหล่งน้ำที่มั่นคง น้ำจะเป็นทรัพยากรที่เขาผูกขาด.
โคลินคำนวณวัตถุดิบที่เขาขาดหายไปและแบ่งน้ำของเขาออกเป็นหลายส่วน ส่วนละ 200 มล. แล้วนำไปลงขายในตลาดซื้อขาย.
[น้ำเกรด 3]
[คำอธิบายรายการ: น้ำที่มีกลิ่นหน่อยๆ แต่น่าจะดื่มได้]
[ประเภท: ของใช้]
[ปริมาณ: 200 มล.]
[ราคา: หิน200ชิ้น]
[หมายเหตุของผู้ขาย: สามารถเจรจาไอเท็มพิเศษอื่นๆ ได้ทางข้อความส่วนตัว]
“น้ำสองร้อยมิลลิลิตรแลกกับหินสองร้อยชิ้น หนึ่งมิลลิลิตรต่อหินหนึ่งชิ้น ขายราคานี้ยุติธรรมพอสมควรแล้ว ก็น้ำต้มด้วยไม้ล้ำค่าที่เชิงเขาโครว์นี่นะ…”
โคลินพึมพำกับตัวเอง.
ในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นสิ่งนี้ในช่องแชท ผู้คนก็เริ่มด่าทอ.
“หินสองร้อยชิ้นแลกน้ำสองร้อยมิลลิลิตรนี่นะ ทำไมมึงไม่ปล้นเราไปเลยล่ะ”
“คุณไร้ยางอายขนาดไหนกัน”
“พ่อค้าใจดำจริงๆ”
“ทุกคนอย่าซื้อน้ำของไอ้นี่นะ เราต้องยืนหยัดร่วมกันและต้องไม่สนับสนุนพ่อค้าใจดำพวกนี้!”
โคลินที่เปิดช่องแชทไว้เห็นข้อความเหล่านี้แต่ไม่สนใจ เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ที่เก็บของมาและหัวเราะคิกคัก.
“ถ้าไม่ใช่เพราะหินสองพันชิ้นที่มาถึงเกือบจะทันที ฉันคงเชื่อไปแล้วว่าพวกนายทุกคนสร้างพันธมิตรเพื่อต่อต้านฉัน นี่แสดงให้เห็นว่าของพวกนี้มีอยู่มากมายและแทบจะอยู่ทุกที่ เมื่อวานฉันจดจ่ออยู่กับสิ่งของที่มีมูลค่าสูงเกินไปจนไม่ทันได้สังเกต”
โคลินส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม แล้วสั่งให้ทาสสองคนของเขาที่ตื่นแล้ว โยนกองหิน 49 กองที่อยู่ข้างเตียงออกไปนอกประตู จากนั้นเขาก็ทำวิธีเดิมและได้ไม้ 1,000 ชิ้นและดินเหนียว 500 ชิ้นที่จำเป็นมาอย่างรวดเร็ว.
ในระหว่างนี้ ผู้ที่ตะโกนต่อต้านเขาเริ่มแตกแยกกันภายใน
“พวกขี้ปด เรียกแสงเพื่อต่อต้านพวกทำนาบนหลังคน ในขณะที่แอบซื้อของจากพวกมันนี่นะ…”
“ไม่จริงน่า? คุณคงไม่คิดว่าวัสดุพื้นฐานพวกนี้เป็นสมบัติหรอกใช่ไหม?”
“เอาจริงนะ ใครก็ตามที่แลกน้ำกับวัสดุทั่วไปแบบนี้ คงสมองเหลวพอตัวแหละ”
“ฮ่าๆ ฉันได้มาแล้วล่ะ! น้ำนี่รสชาติดีจริงๆ~”
“เห้ย เดี๋ยวนะ รอฉันก่อน ฉันมีเหมืองอยู่ใกล้ๆ ฉันจะไปขุดแล้วเอาด้วย…”
“มีน้ำมากมายขนาดนี้ คุณคงจะพบแหล่งน้ำและไม่ขาดแคลนมันแล้วแน่. คุณควรแบ่งปันมันแบบไม่ต้องมีราคาดิ. คุณไม่รู้สึกผิดบ้างหรอ” …
เมื่อเห็นผู้คนเปลี่ยนจาก “ความสามัคคี” ไปสู่ความแตกแยก โคลินก็รู้สึกขบขันและตั้งใจขายน้ำหนึ่งชุดทุกๆ สิบวินาที เพื่อให้หลายๆ คนเข้าร่วมในคณะตัวตลกนี้.
ถ้าอยากได้น้ำ พวกที่ต่อต้านคงไม่มีเวลามาบ่นแน่ โดยเฉพาะพวกที่ยอมควักเนื้อจ่าย.
ในไม่ช้า โคลินก็รวบรวมวัสดุพื้นฐานทั้งหมดที่เขาต้องการได้ ซึ่งทั้งหมดใช้น้ำแค่สามลิตร.
“นี่สินะ คือพลังของการผูกขาด…” โคลินประหลาดใจ เขาอาจใช้เวลาถึงพรุ่งนี้ในการรวบรวมวัสดุเหล่านี้ แต่ด้วยการค้าที่เป็นธรรมกับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ทำให้ใช้เวลาน้อยกว่าสิบนาที การผูกขาดนี่….. ชั่วร้ายอย่างแท้จริง!
“ตอนนี้ สิ่งที่ท้าทายกว่าคือ ‘หนามแห่งความทุกข์’ และ ‘แต้มหมอก’…”
สิ่งของสองอย่างนี้รวบรวมได้ยากกว่ามากและไม่สามารถแลกเปลี่ยนหนึ่งมิลลิลิตรต่อหนึ่งชิ้นได้.
ทว่า ในขณะที่โคลินกำลังคิดหาวิธีแลกเปลี่ยน เขาก็ได้รับข้อความส่วนตัว.
“เฮ้ เพื่อน ฉันพอมี ‘หนามแห่งความทุกข์’ อยู่บ้าง มันเป็นของดีที่ได้มาจากมอนสเตอร์. ฉันแลกกับน้ำได้ไหม ถ้าคุณยินดี ฉันจะบอกคุณว่ามันมีประโยชน์อะไร…”
มีอยู่บ้าง? คนคนนี้คงโชคดีมาก โคลินคิดพลางลูบคาง เขาไม่สนใจข้อความส่วนหลัง เพราะเขารู้ดีว่าหนามมีประโยชน์อย่างไร หมอนี่อาจจะรู้แค่ว่าหนามสามารถผสมกับดินเหนียวหรือขวานได้.
ทว่า คนๆ นี้พูดถูกเรื่องหนึ่ง: หนามเป็นของมีค่าจริงๆ