บทที่ 8 บทเรียนก่อนแต่งงาน
“หลี่เย่! ข้าจะพูดตรงๆ? เจ้าเคยคิดบ้างมั้ยว่างานแต่งของเสียนเอ๋อครั้งนี้คืออะไร? เมียเอกไง! เมียเอก! งานอภิเษกสมรสที่พระราชทานโดยองค์ฮ่องเต้ในครั้งนี้คือการเลื่อนลำดับชั้นโดยตรง หรือพูดให้ถูกต้องก็คือเสียนเอ๋อ ของเราจะกลายเป็นพระชายาของเจ้าชาย และในอนาคตเมื่อเจ้าชายกลายเป็นราชาแห่งเมืองอันหยางเสียนเอ๋อของเราก็จะกลายเป็นพระอัครมเหสี!”
“และตราบใดที่เธอให้กำเนิดพระราชโอรส ตำแหน่งของเธอจะมั่นคงในทันที! เพราะเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งทายาทของวังอันหยาง ด้วยอารมณ์ของพระราชาและราชินีเมื่อทั้งคู่ได้อุ้มหลานชาย! พวกเขายังจะปฏิบัติต่อเสียนเอ๋อของเราอย่างเลวร้ายหรือไม่? ลองคิดดู!”
นางหยวนหลู่พูดเชิงวิเคราะห์ และทุกคนต่างนิ่งเงียบฟังราวกับกำลังคำบรรยายของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย!
หลังจากนั้นดวงตาของนางหยวนหลี่เย่ก็เป็นประกายขึ้นมาทันที!
ใช่เธอลืมไปได้ยังไง! ก่อนหน้าเคยมีข่าวลือแอบซุบซิบกันว่า ฉินอ๋องราชาแห่งเมืองอันหยางไม่สามารถมีบุตรได้อีกต่อไป! หากลูกสาวเธอสามารถมีโอรสให้กับเจ้าชายได้ ตำแหน่งพระชายาของเธอจะมั่นคงในทันที ต่อให้เจ้าชายฉินเสียวเทียนจะเจ้าชู้และมีนางสนมมากเพียงใด เมื่อถึงเวลา! ตำแหน่งพระอัครมเหสีที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังฝ่ายในก็จะอยู่ในมือของหลิวจู่เสียน!
ถึงแม้ว่าต่อไปในอนาคตเจ้าชายจะหมดรักต่อลูกสาวของเธอก็ตาม แต่อย่างน้อยชีวิตที่เหลือของหลิวจู่เสียนก็จะปลอดภัยและราบรื่น และสิ่งที่ผู้หญิงต้องการเป็นเพียงการยอมรับจากสามีและการแสดงความเคารพต่อศักดิ์ศรีของเธอไม่ใช่หรอกหรือ?
เมื่อนางหยวนหลู่ ดูสีหน้าของนางหยวนหลี่เย่น้องสาวฝาแฝด ก็รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่ เพราะไม่มีใครสามารถเข้าใจจิตใจของหยวนหลี่เย่ดีเท่ากับเธอ
ในขณะเดียวกันนางหยวนหลู่ก็แอบภาคภูมิใจในตัวเอง และคิดถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับทั้งทางตรงและทางอ้อม! เธอเคยดูถูกครอบครัวของน้องสาวโดยคิดว่าพวกเขาล้วนแต่มีคนไม่ได้เรื่องมีชีวิตแบบปานกลางนี่คือจุดจบของชีวิตของพวกเขา
แต่ใครจะคิดว่าคำสั่งของฮองเต้จะทำให้ตระกูลหลิวพลิกกลับ และประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยลูกสาวคนเล็กของตระกูลหลิวจะกลายเป็นชายาของเจ้าชาย และสะใภ้คนโปรดของฉินอ๋อง มิหนับซ้ำทุกคนต่างรู้ดีว่าเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนนั้นยังเป็นหลานคนโปรดของฮ่องเต้อีกด้วย!
ฉะนั้นในเวลานี้ไม่มีใครสนใจทั้งนั้นว่าตระกูลหลิวแต่เดิมจะมีความเป็นมาอย่างไร จะมีคุณสมบัติเหมาะสมหรือไม่ แต่ที่แน่นอนนั้นก็คือลูกสาวของหลิวเจิ้งหยางจะกลายเป็นพระชายาในอนาคตของเจ้าชาย!
จากสิ่งนี้จึงเห็นได้ว่าทุกคนที่ทราบข่าวต่างรีบเข้ามาสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อตระกูลหลิวไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงก็ตาม!
ดังนั้นเมื่อนางหยวนหลู่ได้ยินว่านางหยวนหลีเย่น้องสาวฝาแฝดป่วยหนัก นางจึงใช้โอกาสนี้รีบมาเยี่ยมพร้อมของขวัญตั้งใจจะขายบุญคุณให้ตระกูลหลิวและสร้างความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาเพื่อให้ตระกูลหลิวที่เจริญรุ่งเรืองได้ช่วยเหลือสามีและลูกชายของเธอในอนาคต!
ต้องบอกว่านางหยวนหลู่มีความคิดที่แยบยลมาก เธอแค่พูดถึงเรื่องดังกล่าว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่พูดในตอนนี้ แต่อีกไม่นานทุกคนในตระกูลหลิวก็คงจะคิดได้ ด้วยสถานะฝาแฝดของคุณนายแห่งตระกูลหลิว และคำพูดเพียงแค่ไม่กี่คำเธอจะได้รับความไว้วางใจอันดีทำไมไม่ทำล่ะ?
ในที่สุดความเศร้าโศกและความหดหู่ที่อยู่ในใจของนางหยวนหลี่เย่ก็คลายลง ด้วยคำพูดของนางหยวนหลู่พี่สาวฝาแฝด ฉะนั้นอาการป่วยของนางก็ค่อยๆดีขึ้นจากนั้นไม่กี่วันเธอก็ลุกจากเตียง และเดินไปรอบๆได้!
เมื่อเห็นว่าจิตใจและอาการของแม่เธอดีขึ้นหลิวจู่เสียนก็รู้สึกโล่งใจ! เธอไม่สนใจคำพูดที่เข้าใจผิดของป้าเธอและตัดสินใจปล่อยให้ครอบครัวของเธอเข้าใจผิดตราบเท่าที่ทุกคนสามารถมีความสุขมากขึ้น!
ดังนั้นเมื่อวันแต่งงานใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆก็มีเรื่องที่ต้องเตรียมมากขึ้นเรื่อยๆ และหลิวจู่เสียนที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวก็ค่อนข้างจะยุ่งวุ่นวายมากเช่นเดียวกัน!
ทุกคนในตระกูลหลิวรู้ดีว่าการแต่งงานของหลิวจู่เสียนในพระราชวังอันหยางและการเป็นชายาของเจ้าชายนั้นไม่ใช่ชีวิตที่สบายๆและสนุกสนาน! อย่าลืมว่ายังมีราชาฉินฮั่น และราชินีอยู่เหนือเจ้าชายและยังมีสมเด็จย่าที่คอยควบคุมพวกเขา แค่คิดก็ปวดหัวแทนแล้ว!
ถ้าพูดถึงประวัติของพระราชมารดาของฉินอ๋องหรือเสด็จย่า ใครก็ตามที่เคยประสบกับการเปลี่ยนแปลงใน 2 ราชวงศ์จะรู้ว่าท่านผู้หญิงแห่งเมืองอันยางเป็นผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง
เธอเริ่มต้นจากตำแหน่งนางสนมคนใหม่ ไปสู่ตำแหน่งนางสนมผู้สูงศักดิ์ในวังหลังของ อดีตฮองเต้ องค์ก่อนที่ผู้ล่วงลับไปแล้ว
และเนื่องจากนางสนมผู้สูงศักดิ์จากราชสำนักพระราชวังถูกลดตำแหน่งกลับไปเป็นนางสนมแต่นางก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆเลยจนกระทั่งฮองเต้องค์ปัจจุบันขึ้นครองราชย์เพียงแต่ถอดอำนาจของพระราชโอรสของราชาอันหยางหลังจากที่องค์ฮองเต้ องค์ปัจจุบันขึ้นครองราชบัลลังก์แล้ว
แต่ถึงกระนั้น! ฉินอ๋องที่เป็นพระราชโอรสของเธอก็ยังสามารถได้รับบรรดาศักดิ์เป็นถึงราชาแห่งเมืองอันหยาง สิ่งนี้สามารถสะท้อนให้เห็นได้ว่าเธอมีความสามารถมากเพียงใด!
และทุกคนในพระราชวังและกองทัพต่างรู้ดีว่าในอดีต สมเด็จย่าหรือท่านผู้หญิงแห่งเมืองอันหยางเคยเป็นยอดวีรสตรีแห่งยุทธจักรที่มีวรยุทธในระดับปรมาจารย์การต่อสู้!
ต่อให้ไม่สามารถชนะได้ก็ยากที่จะมีคนจับตัวเธอไว้ได้! ไม่ว่าจะสถานการณ์จะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม! ท่านผู้หญิงจึงขึ้นชื่อได้ว่าเป็นหนึ่งในวีรสตรีแห่งตำนานท่านหนึ่งเลยก็ว่าได้!
และหากจะกล่าวถึงพระราชินีหรือพระอัครมเหสีแห่งเมืองอันหยางองค์ปัจจุบัน การที่ฉินอ๋อง ราชาแห่งเมืองอันหยางมีมเหสีและนางสนมอยู่มากมายในวัง การที่เธอสามารถ มีราชโอรสให้แก่ราชาฉินและสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้โดยไม่ถูกวางแผนประทุษร้ายเช่นนี้ได้นั้น ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาอีกคนหนึ่งเช่นเดียวกัน!
ดังนั้นเมื่อลูกชาย และหลานชายเพียงคนเดียวของพวกเธอกำลังจะแต่งงาน ท่านผู้หญิงทั้งสองคนนี้จะต้องจริงจังอย่างแน่นอน!
มันคงจะเป็นเรื่องยาก และทำตัวลำบากมาก สำหรับผู้หญิงธรรมดาทั่วไปที่แต่งงานเข้าสู่ตระกูลฉินและอยู่ภายใต้สายตาของท่านผู้หญิงทั้งสองคนนี้!
มีคนเคยบอกว่าอดีตลูกสะใภ้ที่ถูกแม่สามีบีบคั้นเคี้ยวเข็นมาเช่นไร? เมื่อถึงคราวที่ตัวเองมีโอกาสได้เป็นแม่สามี! ก็จะนำความทุกข์ยากในอดีตที่เธอได้รับไปลงกับลูกสะใภ้ของตน!
ฉะนั้นในเวลานี้หลิวจู่เสียนจึงตั้งใจฟังการวิเคราะห์และความกังวลใจของบรรดาพี่สาวและพี่สะใภ้ของเธอ ด้วยใบหน้าที่ครุ่นคิด!
ในชีวิตที่แล้ว เธอเติบโตมาในครอบครัวที่มีพี่น้องหลายคน! เธอเป็นลูกสาวคนของที่บ้าน ฉะนั้นพ่อแม่ของเธอจึงไม่ค่อยได้ดูแลเธอ หน้าที่ในการเลี้ยงน้องจึงตกเป็นของพี่ชายและพี่สาว ฉะนั้นเส้นทางการเจริญเติบโตของแท้ทั้งหมดจึงถูกวางไว้อย่างเหมาะสมตามวุฒิภาวะของวัย ทำให้เธอเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี มั่นคง และเรียบง่ายไม่มีการวางวายหรือแผนการใดๆ
และในนี้เธอกลายเป็นลูกสาวคนที่ 3 แต่หากพูดกันตามตรงแล้วเธอนั้นเป็นน้องคนที่ 6 ของตระกูล เพราะเธอยังมีพี่สาวและพี่ชายอยู่อีกถึง 5 คน
ฉะนั้นในชีวิตนี้ของเธอที่บิดาของเธอหลิวเจิ้งหยาง มีภรรยาเพียงแค่คนเดียว ภายในบ้านจึงไม่ได้มีความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเหมือนเช่นในตระกูลอื่นๆ
ดังนั้นการใช้ชีวิตทั้งสองชาติของเธอ จึงไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องราวความขัดแย้งการต่อสู้กันเองภายในครอบครัวเลย!
เมื่อฟังความกังวลใจที่เป็นความลับและคำแนะนำต่างๆของพี่สาวและพี่สะใภ้ของเธอหลิวจู่เสียนก็รับฟังอย่างตั้งใจ เพราะหากไม่ได้ใช้ก็ถือได้ว่าฟังเอาไว้เพื่อประดับความรู้!
และจากฟังข้อมูลมาทั้งหมดพระราชินีและสมเด็จย่านั้นค่อนข้างจะมีความสามารถและอิทธิพลมาก! เธอชื่อว่าประสบการณ์อันน้อยนิดของเธอคงจะไม่สามารถเอาชนะคนทั้งคู่ได้!
ดังนั้นเธอจึงมีความตั้งใจว่าเธอจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพียงเท่านั้น หากเธอถูกรังแกโดยไม่มีเหตุผล เธอก็จะสู้กลับอย่างเต็มกำลังอย่างแน่นอน!
เธอเชื่อมั่นว่าหากตัวเธอเองมีความแข็งแกร่งมากพอ ไม่ว่ากลอุบายหรือแผนการใดๆ ก็ไร้ประโยชน์ต่อพลังที่เหนือกว่า!
และนอกเหนือจากทั้งหมดนี้ตัวเธอก็ไม่ได้มีความทะเยอทะยานใดๆ เธอไม่มีความคิดจะสร้างฐานอำนาจทางการเมืองของตัวเอง
เธอคิดเพียงแค่ว่าขอให้เธอสามารถมีที่อยู่อาศัยอันอบอุ่น มีอาหารครบสามมื้อ ได้เขียนหนังสือทำสิ่งที่ตัวเองรัก และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและมีความสุข เธอก็พึงพอใจมากแล้ว
และเธอเชื่อว่าเธอผู้เป็นชายาเอกของเจ้าชายไม่ว่ายังไงแม่สามีก็จะไม่ปฏิบัติต่อเธอไม่ดีอย่างแน่นอน!
ตราบใดที่แม่สามีของเธอไม่ใจร้ายและไม่ใช่คนใจยักษ์ใจมารมากเกินไป เธอก็เพียงแค่รู้จักเอาอกเอาใจ เข้าข้างและกอดต้นขาของแม่สามีเอาไว้! เธอเชื่อว่าเธอที่มีประสบการณ์ของสาวยุคใหม่สามารถทำให้แม่สามีและญาติของสามีหลงรักเธอได้อย่างแน่นอน!
ต่อให้เจ้าชายจะมีสนมมากเพียงใด หากไม่มาก้าวก่ายและยุ่งวุ่นวายกับเธอ เธอก็จะไม่เข้าไปสร้างปัญหาให้! แต่หากผู้หญิงเหล่านั้นไม่รู้จักวางตัวตน ไม่รู้ว่าใครเป็นใหญ่ หากเธออารมณ์เสียขึ้นมาจริงๆเธอก็สามารถตบตีให้ตายได้ ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวโดยไม่ต่างจากการบี้มดแมลง!
แม้แต่ตัวของเจ้าชายเอง! หากล้ำเส้นเธอมากเกินไป ก็คงจะต้องพบกับชะตากรรมอันเลวร้ายอย่างแน่นอน!
นับตั้งแต่วินาทีที่หลิวจู่เสียนรู้ถึงพระราชกฤษฎีกาอภิเษกสมรส เธอก็ไม่คิดหวังที่จะเป็นอิสระได้อีกต่อไป!
ความคิดและแผนดำเนินชีวิตของเธอจึงเปลี่ยนไป ในเมื่อต่อต้านไม่ได้ก็ควรจะปฏิบัติตาม แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นการปฏิบัติตามของเธอนั้นก็จะต้องเป็นเส้นทางเดินที่เธอคิดว่าเธอใช้ชีวิตโดยมีความสุขมากที่สุด!
เธอจึงตั้งใจจะปฏิบัติหน้าที่ของตัวเธอเองในฐานะภรรยาให้ดีที่สุด แต่ถ้ามีใครกล้าก้าวล่วงและรังแกเธอ ก็ต้องขออภัยไว้ด้วย! แม้ว่าจะเป็นเจ้าชายที่เป็นสามีเธอ เธอก็สามารถดีดเขาให้กระเด็นได้ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว!
หลิวจู่เสียนคิดอย่างชัดเจนและสามารถมองการแต่งงานครั้งนี้อย่างมีเหตุผลจากมุมมองของคนสมัยใหม่!
แต่คนในตระกูลของเธอทำอย่างนั้นไม่ได้ความคิดและความกังวลทั้งหมดของพวกเขาขึ้นอยู่กับภูมิหลังของยุคนี้!
ในขณะที่ให้ความรู้แก่เธอเกี่ยวกับเรื่องหลังการแต่งงาน! บรรดาพี่สาวและพี่สะใภ้ ก็แอบหวังว่าเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียน จะเปลี่ยนแปลงนิสัยหลังจากการแต่งงานและปฏิบัติต่อหลิวจู่เสียนให้ดีขึ้น! อย่างน้อยๆ หากเจ้าชายต้องการรับนางสนมเข้า
วัง ก็จะต้องรอจนกว่าเธอจะให้กำเนิดบุตรชายที่เป็นรัชทายาทสายตรงแล้วเสียก่อน!
…. ….
จบบท