บทที่ 9 การแต่งงาน!
บทที่ 9 การแต่งงาน!
หลิวจู่เสียนถูกเรียกเข้ามาพูดคุยโดยหยวนหลี่เย่มารดาของเธอ หลังจากพี่สาวและพี่สะใภ้สอนเสร็จแล้ว!
เมื่อเทียบกับพี่สะใภ้ทั้งสามคนแล้ว สิ่งที่หยวนหลี่เย่เล่าให้เธอฟังมีรายละเอียดและมีประโยชน์กว่ามาก!
หลังจากพูดจบหยวนหลี่เย่มีท่าทางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า
“เสียนเอ๋อ! มาเลือกดูเด็กสาวรับใช้ที่ลูกจะพาติดตามไปพร้อมกับเจ้า ในวันที่แต่งเข้าวัง!”
ทันทีที่มารดาของเธอเอ่ยปาก หลิวจู่เสียนก็รู้ว่าหมายถึงอะไร! โดยปกติแล้วคนในยุคนี้ถ้ามีสถานะร่ำรวยหรือเป็นขุนนาง ต่างก็ต้องมีอนุภรรยาบ้างไม่มากก็น้อย! มีเพียงหลิวเจิ้งหยางบิดาของเธอเท่านั้นที่มีภรรยาเพียงคนเดียว
การประพฤติตัวเช่นนี้ จึงเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่บุตรชายของตระกูลหลิวทุกคน ฉะนั้นเหล่าพี่ชายของเธอจึงมีภรรยาเพียงแค่คนเดียวตามแบบอย่างของบิดา
โดยปกติแล้วผู้หญิงที่แต่งงานกันในยุคสมัยนี้ ถ้าตั้งครรภ์ก็จะแยกนอนกับสามีเกือบปี ซึ่งนับรวมก็คือเวลาตั้งครรภ์และหลังจากคลอดลูกช่วงเดือนแรกๆ ในระหว่างช่วงเวลานั้นหากสามีมีความต้องการร่วมหลับนอนด้วย แต่ภรรยาไม่สามารถปฏิบัติต่อสามีได้ ก็จำเป็นจะต้องรับอนุภรรยาเข้ามาปฏิบัติรับใช้สามีในระหว่างที่ตัวเองตั้งครรภ์และดูแลบุตร
ฉะนั้นเพื่อขจัดปัญหาและความไม่สบายใจ ภรรยาส่วนมากมักจะเลือกสาวใช้ของตนเอง ที่มาพร้อมกับตนเมื่อตอนแต่งงาน ที่เรียกว่าคนรับใช้สินสอด ที่อยู่รอบตัวมาทำหน้าที่แทน เพราะสาวใช้เหล่านี้นั้นไม่สามารถเลื่อนระดับชั้นขึ้นมามีสถานะเพียงเท่าตนหรือสามารถเป็นนางสนมและภรรยาน้อยได้ (หากเป็นประเทศไทยเราในยุคโบราณจะเรียกว่าเมียทาส!)
หยวนหลี่เย่รู้สึกค่อนข้างลำบากใจมากๆ เพราะโดยปกติแล้วคนบ้านตระกูลหลิวนั้นจะมีภรรยาเดียว แต่เนื่องจากการมีอนุภรรยาเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไปในยุคนี้ และโดยเฉพาะเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียน มีชื่อเสียงทางด้านเจ้าชู้และชายที่มักมากด้วยตัณหา เธอจึงจำเป็นจะต้องจัดเตรียมสาวรับใช้เผื่อเอาไว้ ด้วยความระมัดระวัง
ฉะนั้นสาวรับใช้ที่ติดตามลูกสาวของเธอไปจะต้องเป็นคนที่เชื่อฟัง ซื่อสัตย์ และภักดีต่อหลิวจู่เสียน จะได้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในภายหลัง!
“ท่านแม่ ลูกจะนำโม่จู ลู่ยี่ หลั่นจือและหงจิง เป็นผู้ติดตามไป!”
นางหยวนหลี่เย่ขมวดคิ้ว สาวใช้ทั้ง 4 คนนี้!เป็นสาวใช้ส่วนตัวของหลิวจู่เสียน และอยู่ใกล้ชิดกับลูกสาวของเธอมานานตั้งแต่เด็ก สาวใช้ทั้งหมด สามารถไว้วางใจได้อย่างแน่นอน! แต่ที่เธอเป็นกังวลนั่นก็เพราะว่าเธอกลัวว่าสายตาของเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนจะสูงเกินไป เพราะถึงแม้สาวใช้ทั้ง 4 คนจะค่อนข้างดูดีก็ตาม แต่ด้วยความที่เจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนได้พบเจอกับความงามที่สวยโดดเด่นมาทุกรูปแบบ สาวใช้ทั้ง 4 คนย่อมไม่อยู่ในสายตาของเจ้าชายอย่างแน่นอน!
เธอจึงกลัวและเป็นกังวลว่า พระราชินีและสมเด็จย่าจะเป็นผู้จัดหาหญิงสาวมาแทนที่ในช่วงเวลาที่ลูกสาวของเธอนั้นตั้งครรภ์!
เมื่อเห็นท่าทางที่ยังเป็นกังวลใจของมารดา หลิวจู่เสียนจึงพูดยืนยันว่า
“ท่านแม่! ข้าคุ้นเคยกับพวกนางแล้ว! แค่พวกนางก็เพียงพอ!”
หลิวจู่เสียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างอึดอัดใจ! เพียงแค่คิดว่าสาวใช้ที่เปรียบเสมือนพี่น้องของตัวเอง ต้องถูกสามีของเธอลากขึ้นเตียง เธอก็รู้สึกทำใจให้ยอมรับได้ยาก!
ด้วยความคิดของคนสมัยใหม่ เธอยอมให้สามีของเธอรับคนอื่นที่เป็นคนแปลกหน้า เข้ามาเป็นอนุภรรยาดีกว่า ยอมให้สามีของตัวเองมีอะไรกับคนใกล้ตัว!
โดยเฉพาะหากว่ามีเรื่องขัดแย้งและขุ่นเคืองใจกันขึ้นมา! เมื่อเป็นคนอื่นเธอสามารถลงมือได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องคิดมากใดๆ!
นางหยวนหลี่เย่ไม่ต้องการโต้เถียงกับลูกสาวเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้! ยิ่งเห็นท่าทางที่สงบและมั่นคงของหลิวจู่เสียน เธอก็ไม่มีทางเลือก นอกจากยอมแพ้!
เมื่อชุดแต่งงานของหลิวจู่เสียนถูกปักเสร็จงานแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว! คืนก่อนวันแต่งงานหลิวจู่เสียนจึงวิ่งไปขอนอนกับท่านแม่ของเธอ!
ในคืนนี้สองแม่ลูก นอนพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว หยวนหลี่เย่ดูเหมือนจะมีเรื่องมากมายที่จะพูดและอธิบาย!
เธอหวังว่าเธอจะสามารถใส่ประสบการณ์ทุกสิ่งอย่าง รวมถึงหลักการทั้งหมดที่เธอรู้! ใส่ไว้ในใจของลูกสาวของเธอได้! เพื่อหลิวจู่เสียนจะได้จดจำและหลีกเลี่ยงการกระทำอันมิควรในฐานะลูกสะใภ้ในวัง ให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจกับแม่สามีและแม่ยาสามี!
ในขณะเดียวกันหลิวจู่เสียนก็เผลอหลับไปนานแล้ว! แต่นางหยวนหลี่เย่ยังไม่หลับ เธอกำลังพยายามนึกถึงว่ามีสิ่งใดอีกที่ยังไม่ได้พูด!
หลังจากนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่ายังมีสิ่งสำคัญที่เธอยังไม่ได้บอกกล่าวนั่นก็คือเรื่องการเข้าเรือนหอในคืนวันส่งตัว!
เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ต้องการที่จะปลุกหลิวจู่เสียนขึ้นมาเพื่อบอกกล่าวเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวของเจ้าสาวขณะที่อยู่ร่วมเตียงกับเจ้าบ่าวในคืนวันส่งตัวเข้าหอ!
แต่แล้วเธอก็จำได้ว่าเจ้าชายมีสาวใช้และนางสนมที่สวยงามนับไม่ถ้วนดังนั้นเขาจะต้องมีประสบการณ์มากมาย เธอจึงตัดใจไม่ปลุกลูกสาวให้ตื่น แล้วให้เธอนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ เพราะในวันพรุ่งนี้เธอคงจะต้องเหนื่อยมากอย่างแน่นอน!
ก่อนรุ่งสางของวันสำคัญ หลิวจู่เสียนที่กำลังนอนหลับลึกอย่างสบาย รู้สึกว่ามีคนจับตัวเขย่าเพื่อปลุก! เธองัวเงียลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าเธอนั้นยังนอนไม่เต็มอิ่ม และเพิ่งหลับไปได้เพียงครู่เดียว เมื่อหรี่ตามองดูข้างนอกก็ยังคงมืดอยู่!
มันเป็นช่วงต้นเดือนมิถุนายน เวลาช่วงกลางวันยาวนาน และช่วงเวลากลางคืนสั้นแต่ตอนที่เธอตื่นยังมืดอยู่ดังนั้นลองจินตนาการว่าเธอตื่นเช้าแค่ไหน
เป็นช่วงเวลาเช้ามืด ยังไม่ทันสว่างคนในตระกูลหลิวก็เริ่มทำงานแล้ว แสงไฟที่ส่องสว่างในตอนนี้เกิดจากแสงตะเกียงที่จุดส่องสว่างทั่วทั้งคฤหาสน์
นางหยวนหลี่เย่ไม่มีเวลาปลุกลูกสาวจอมขี้เซาของเธออีก นางจึงสั่งให้สาวใช้ช่วยอุ้มลูกสาวที่ยังคงงัวเงีย กลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำและแต่งตัว
หลิวจู่เสียนนอนหลับไม่เพียงพอ ในตอนนี้ท่าทางของเธอจึงสะลึมสะลือมึนงง คล้ายกับหุ่นเชิด ถูกจับอาบน้ำขัดถู และแต่งตัวหมุนซ้าย หมุนขวา พลิกตัวไปมาคล้ายกับตุ๊กตา! การจัดเตรียมแต่งหน้า ทำผมและสวมชุดแต่งงานในครั้งนี้กินเวลาตั้งแต่เช้าจนบ่าย
การแต่งงานในสมัยโบราณเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก และผู้ที่ทนทุกข์ทรมานมากที่สุดก็คือเจ้าสาว!
หลังจากที่กินอาหารเช้า เธอก็จะไม่ได้กินอะไรอีกเลย ซึ่งทำให้หลิวจู่เสียนแอบเสียใจที่เธอไม่ได้ใส่อาหารหรือขนมบางส่วนไว้ในแหวนจัดเก็บ
และเนื่องจากเธอไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับแหวนจัดเก็บอย่างจริงจังมากนักมีแค่เงินทองเล็กน้อย และของใช้จำเป็นบางอย่างเท่านั้นที่เธอใส่เก็บไว้
อาจจะเป็นเพราะว่าเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ! การศึกษาของสตรีในสมัยโบราณนั้นค่อนข้างจะเข้มงวดมาก ไม่เพียงเท่านั้นพวกเธอยังถูกควบคุมความประพฤติให้อยู่ในกฎระเบียบ ไม่เว้นแม้กระทั่งการเดินการนั่งก็ต้องอยู่ในท่าทางที่สง่างามและเรียบร้อย
โดยเฉพาะหญิงสาวที่เกิดในตระกูลขุนนางและคหบดี พวกเธอไม่เคยได้มีโอกาสใช้ชีวิตส่วนตัว ทุกกิจกรรมทุกอริยาบถ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร เครื่องประดับต่างๆ จะต้องมีสาวรับใช้อย่างน้อยหนึ่งคนอยู่เคียงข้าง และสิ่งของต่างๆก็จะต้องถูกจดทะเบียนเพื่อทำการบันทึกรายรับรายจ่ายประจำวันอีกด้วย
ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่เธอจะสามารถแอบเก็บสิ่งของมีค่าไว้ในวงแหวนจัดเก็บของเธอได้!
….
เนื่องจากการแต่งงานในครั้งนี้เกิดจากความไม่เต็มใจของตระกูลหลิว ฉะนั้นบรรดาพี่น้องทั้งหมดของหลิวจู่เสียนจึงรู้สึกไม่ค่อยมีความสุขมากนัก โดยเฉพาะน้องชายฝาแฝดทั้งสองคน หลิวเย่เฉินและหลิวเส้าหมิงที่สนิทสนมกับพี่สาวของพวกเขาหลิวจู่เสียน
หลังจากที่หลิวจู่เสียน ถูกสวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว หรือฮิญาบสีแดงในงานพิธี วิสัยทัศน์ของเธอนั้นก็แคบลง สามารถมองเห็นพื้นที่บริเวณรอบตัวได้ไม่เกิน 1 เมตรเพียงเท่านั้น
หลิวจู่เสียนถูกโม่จู่และสาวใช้คนสนิท ช่วยจูงมือเดินขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้เก๋งของเกี้ยวเจ้าสาว!
เมื่อฟังเสียงคล้องเล็กและกลองข้างนอก
เธอรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย! นี่อาจจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการอดนอน รวมถึงในตอนนี้เธอก็เริ่มรู้สึกแสบร้อนท้องแปลกๆ เล็กน้อย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้ทานอะไรอีกเลยหลังจากอาหารเช้ามื้อเล็กๆ
….
ในระหว่างขั้นตอนพิธีแต่งงาน หลิวจู่เสียนไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก เธอเพียงแค่ทำตามคำแนะนำของแม่สื่องานแต่ง และโม่จูสาวใช้ที่อยู่ด้านข้าง
ภายใต้ผ้าคลุมสีแดงผืนหนาที่บดบังทัศนวิสัยการมองเห็นของเธอ แต่ด้วยการรับรู้ที่ค่อนข้างดีเยี่ยมของเธอเธอสามารถรับรู้ได้ว่า ชายที่อยู่อีกฝั่งนึงกำลังจ้องมองมาที่เธอโดยไม่วางตา ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอจะมีผ้าคลุมสีแดงคลุมไว้อยู่ก็ตาม เธอจึงรู้สึกค่อนข้างกดดันและตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย ในขณะเดียวกันอาการปวดหน่วงๆที่ท้องก็กลับมาอีกครั้ง!
เมื่อเสียงของพิธีการในช่วงแรกเสร็จสิ้น! ก่อนที่เธอจะได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก! ฉับพลันเธอก็รับรู้ได้ถึงกระแสความร้อนบริเวณท้องน้อยที่ไหลลงไปยังชั้นในของเธอ!
การแสดงออกของหลิวจู่เสียนเปลี่ยนไปทันที! ภายใต้ชุดแต่งงานและผ้าคลุมหน้าสีแดง! ใบหน้าของหลิวจู่เสียนกลายเป็นสีซีดขาวด้วยความตกใจ!
ประจำเดือน! ช่วงนี้คือช่วงเวลาที่ฉันมีประจำเดือน!
ยิ่งหลิวจู่เสียนคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งเศร้าและหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้นพระเจ้าไม่ชอบเธอจริงๆ!
เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องการส่งตัวเข้าหอและการขึ้นเตียงกับเจ้าชาย! เธอแค่รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องน่าอายที่มันมาเกิดขึ้นในช่วงวันสำคัญ!
เธอจะรู้สึกหนาวเย็นและเจ็บปวดมากในทุกครั้งของช่วงเวลาที่มีประจำเดือน!
โดยปกติแล้วตั้งแต่ที่เธอเป็นสาว! มารดาของเธอจะเป็นคนดูแลเธอตลอดในช่วงเวลานี้! และเธอก็จะนับวันช่วงเวลาที่เธอเป็นประจำเดือนล่วงหน้า แต่อาจจะเป็นเพราะช่วงเวลางานแต่งงานที่ค่อนข้างจะยุ่งวุ่นวาย และมีความเครียด จึงเป็นสาเหตุให้ประจำเดือนของเธอมาเร็วกว่าปกติ 2-3 วัน!
ซึ่งหากเป็นช่วงเวลาปกติเธอก็สามารถนอนพักผ่อนได้ทั้งวัน! แต่ตอนนี้มันเป็นงานแต่งงานและยังเหลืองานพิธีอีกหลายขั้นตอน!
“โอ๊ยย!”
ราวกลับว่าเป็นการกลั่นแกล้ง! ความเจ็บปวดจุกแน่นอันเฉียบพลัน ในช่องท้องก็ส่งผลกระทบต่อเธออย่างรุนแรงในทันที!
ด้วยความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้เธอร้องออกมาเบาๆ และทำให้เธอเกือบจะล้มลง แต่ก็ยังดีที่สามารถฝืนพยุงตัวเองเอาไว้ได้!
โม่จูสาวใช้คนสนิทสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เธอจึงรีบเดินเข้าไปช่วยจับพยุงคุณหนูของเธออย่างรวดเร็ว!
“คุณหนู! เป็นอะไรเจ้าค่ะ?” เสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจของโม่จู กระซิบถามใกล้ๆ หลิวจู่เสียน!
“ไม่มีอะไร! ข้าแค่เท้าแพลง!”
ใบหน้าของหลิวจู่เสียนซีดลง แต่เธอก็พยายามทำน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุด!
เนื่องจากโม่จูไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ข้างๆ เธอยังมีหลันจื่อ และที่สำคัญที่สุดก็คือมีชายที่เธอไม่ชอบอยู่อีกทางด้านหนึ่งของผ้าไหมสีแดง! เธอจึงไม่ต้องการให้ใครรู้
โชคดีที่ช่วงเวลาภายในห้องโถงที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ยังมีคนมาไม่มากนัก เธอน่าจะหาเวลาจัดการธุระของตัวเองได้!
…. ….
จบบท
หมายเหตุท้ายบท: รายละเอียดเกี่ยวกับพิธีงานแต่งงานอาจจะไม่ถูกต้องนะคะ ต้องขออภัยด้วยค่ะ เพราะผู้เขียนเองก็ไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับประเพณีงานแต่งของจีนโบราณมากนัก 😅