ตอนที่แล้วบทที่ 6 ความโกลาหล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป

บทที่ 7 การรักษาโรคทางใจ


บทที่ 7 การรักษาโรคทางใจ

เมื่อครอบครัวตระกูลหลิวหมดหนทางเกี่ยวกับอาการป่วยของหยวนหลี่เย่ นางหยวนหลู่ก็มาถึงประตูบ้าน

นางหยวนหลู่และนางหยวนหลี่เย่เป็นพี่น้องกันโดยกำเนิดและทั้งคู่เป็นพี่น้องฝาแฝดที่รู้ใจกันที่สุดแต่นางหยวนหลู่แต่งงานกับข้าราชการสถาบันศึกษาอันหลินระดับ 6 เช่นเดียวกับสามีของนางหยวนหลี่เย่ที่แต่เดิมนั้นอยู่ในระดับ 7

เมื่อนางหยวนหลู่เห็นว่าน้องสาวแต่งงานกับคนที่มีฐานะต่ำต้อยกว่านางจึงค่อนข้างเย็นชากับนางหยวนหลี่เย่เช่นเดียวครอบครัวหลิวไม่ค่อยชอบป้าคนนี้นักถึงจะพบปะกันบ่อยๆแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกัน

อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาเห็นนางหยวนหลู่ซึ่งเคยห่างเหิน มาที่บ้านโดยไม่เอ่ยถึงสิ่งใดด้วยใบหน้าที่เป็นมิตรและยิ้มแย้มแจ่มใสญาติๆผู้หญิงหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน

“ตายแล้ว! น้องสาวเจ้าทำไมจึงได้ไม่สบายขนาดนี้?”

หลังจากรับน้ำชาที่คนรับใช้เสิร์ฟให้แล้ว นางหยวนหลู่ก็ตะโกนถามนางหยวนหลี่เย่ที่ใบหน้าซีดเซียวด้วยท่าทางที่ค่อนข้างเป็นกังวล

นางหยวนหลี่เย่ยกมุมปากฝืนยิ้มขึ้นอย่างแข็งทื่อ ไม่รู้จะพูดอะไรกับพี่สาวคนนี้ได้แต่ส่งสายตามองไปรอบๆแล้วตอบอย่างคลุมเครือว่า

“สภาพอากาศช่วงนี้ไม่ค่อยดี ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วง!”

อย่างไรก็ตามนางหยวนหลี่เย่ต้องการปกปิดเรื่องนี้ แต่นางหยวนหลู่ก็ไม่ให้ความร่วมมือเธอหัวเราะแล้วพูดว่า

“น้องสาวเจ้าไม่จำเป็นต้องรีบอธิบายจริงๆแล้ว ข้ารู้เหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงเป็นแบบนี้! อนิจจาเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ ไม่ทันไรเสียนเอ๋อ ก็เติบโตขึ้นจนจะแต่งงานแล้ว และสิ่งที่ข้าได้ยินมาก็น่าตกใจและรู้สึกปวดใจจริงๆที่หลานสาวของข้าจะต้องแต่งงานกับเจ้าชายแห่งเมืองอันหยาง ผู้ที่มีชื่อเสียงอันเลวร้ายผู้นั้น!”

ขณะที่เธอพูดนางหยวนหลู่ก็ทำท่าเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้า!

ลูกสาวและลูกสะใภ้ทั้งสามของตระกูลหลิวซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ แอบเบะปากใส่! โดยคิดว่าป้าของพวกเธอเริ่มพูดโกหกได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนนางหยวนหลู่ไม่เคยแม้แต่จะมองนางหยวนหลีเย่ผู้เป็นน้องสาวมาก่อน แต่ตอนนี้มันช่างเป็นทักษะการแสดงที่เสแสร้งมากจริงๆ!

เมื่อนางหยวนหลู่เห็นท่าทางของคนในห้อง เธอก็ตีสีหน้าเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า

“เอ้อนี่! หลี่เย่! ข้าว่าบางทีพวกเราอาจจะคิดผิดกันหมด เราอาจจะมองทุกสิ่งเพียงผิวเผินก็เป็นได้ และการแต่งงานครั้งนี้อาจเป็นพรที่ยิ่งใหญ่สำหรับเสียนเอ๋อก็ได้นะ?”

ดวงตาของนางหยวนหลีเย่เป็นประกายเล็กน้อยเธอมองไปที่นางหยวนหลู่แล้วถามว่า “ท่านหมายถึงอะไร?”

นางหยวนหลู่ยกน้ำชาขึ้นจิบ แล้ววางกลับไปบนโต๊ะ หลังจากนั้นก็เหลือบมองดูแล้วพบว่าคำพูดของเธอสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

แต่เมื่อเธอเหลือบมองดูหลิวจู่เสียนหลานสาวคนที่ 3 เธอจึงสังเกตได้ว่า ท่าทางของหลานสาวคนนี้นั้นยังคงดูสงบอยู่อย่างเช่นเดิม !

ท่าทางของหลิวจู่เสียนในตอนนี้นั้นสง่างามมาก ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวนั้นไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเธอได้ อากัปกิริยาในเวลานี้นั้นดูราวกับว่าเธอนั้นเป็นพระชายาอันสูงศักดิ์!

นางหยวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยและแอบสาปแช่งหลิวจู่เสียนในฐานะจิ้งจอกตัวร้าย!

“นี่ๆ! หลี่เย่! บางทีเจ้าอาจจะยังไม่รู้ว่าฉินอ๋องราชาแห่งเมืองอันหยาง และคนในพระราชวังต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแต่งงานในครั้งนี้มาก! ในเวลานี้นางสนมและนางกำนัลที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงสวยๆ ทุกคนในคฤหาสน์ของเจ้าชายถูกไล่ออกจากวังจนหมดแล้ว!”

ทันทีที่นางหยวนหลู่พูดเช่นนี้ทุกคนก็แสดงความประหลาดใจมาก! มีเพียงหลิวจู่เสียนเท่านั้นที่นึกดูถูกการกระทำเช่นนี้อยู่ในใจ!

ฉินฮั่นหรือฉินอ๋อง ราชาแห่งเมืองอันหยางพระราชบิดาของเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียน ให้ความสำคัญกับการมีทายาทมาก ด้วยการที่เขาอยากอุ้มหลาน จะไม่ให้เขาจริงจังกับมันได้อย่างไร?

ในเวลานี้เธอยังคงรู้สึกขุ่นเคืองมากอยู่เช่นเดิม ที่คนเหล่านั้นเห็นเธอเป็นเพียงแค่แม่พันธุ์ ด้วยเหตุนี้เธอจึงรู้สึกเสียใจมากที่ในวันนั้น เธอไม่ออกแรงขว้างให้แรงมากกว่านี้! บางทีเจ้าชายเสเพลคนนั้นอาจบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็ตายไปเลยได้ก็ยิ่งดี!

ดวงตาของหลิวจู่เสียนมืดลงและเธอแอบตัดสินใจที่จะหาก้อนหินเก็บไว้ในวงแหวนจัดเก็บของเธอและเมื่อมีโอกาสจะได้ใช้มันได้สะดวก!

“หือ! ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ?”

หยวนหลี่เย่ถามออกมาอย่างสงสัยและโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย โดยไม่สนใจความหมางเมินของเธอกับนางหยวนหลู่พี่สาวฝาแฝดที่เคยมีต่อกันในครั้งเก่าก่อน

“แล้วเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนไม่ก่อปัญหาหรอกหรือ? ข้าได้ยินมาว่าเขา…”

นางหยวนหลี่เย่มองดูลูกสาวแล้วหยุดคำพูดที่กำลังจะถามนางหยวนหลู่โดยไม่ลังเลเพราะไม่อยากทำให้ลูกสาวได้ยินคำพูดที่แสลงหู!

นางหยวนหลู่พอใจกับการดึงดูดความสนใจของทุกคนมาก! เธอปลอบใจนางหยวนหลีเย่และพูดกระตือรือร้นด้วยรอยยิ้มว่า

“นี่น้องสาว! เจ้าน่าจะเคยได้ยินพฤติกรรมและนิสัยอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าชายฉินมาบ้างแล้วใช่หรือไม่? หากพูดกันตามตรงแล้วเจ้าชายเป็นคนเจ้าชู้มาก เขาเห็นผู้หญิงสวยๆไม่ได้เลย!”

“เจ้าชายมีนิสัยชอบลักพาตัวและรวบรวมหญิงสาวหน้าตาดีๆเหล่านั้นมาเก็บไว้ในวัง เรียกได้ว่าเขาประพฤติตนเช่นนี้มาเป็นเวลาหลายปี แม้แต่พระราชมารดาของเจ้าชายเอง ก็ไม่สามารถห้ามปรามได้ และยังรู้สึกปวดหัวกับนิสัยเช่นนี้ของเจ้าชายมาก!”

“แต่เมื่อราชาฉิน ทำการขับไล่ผู้หญิงของเขาออกจากวัง! เจ้าชายก็ไม่ได้พูดอะไรเลย ซึ่งดูเหมือนว่าในขณะนี้เขาก็ค่อนข้างจะเก็บเนื้อเก็บตัว และมีความประพฤติที่เรียบร้อยมากขึ้นเพื่องานแต่งครั้งนี้!”

“แม้แต่ข้ารับใช้และบ่าวไพร่ในพระราชวังอันหยาง ยังรู้สึกตกตะลึงกับนิสัยที่เปลี่ยนไปของเจ้าชาย ข้าคิดว่าการที่เจ้าชายมีความเปลี่ยนแปลงมากถึงขนาดนี้ ก็คงจะเป็นเพราะเจ้าชายทำเพื่อเสียนเอ๋อของเรา และมีความต้องการที่จะแต่งงานอย่างแท้จริง!”

นางหยวนหลู่เรียกเธอว่า ‘’เสียนเอ๋อของเรา’ อย่างเสน่หาราวกับว่าเธอเป็นผู้ที่เลี้ยงดูหลิวจู่เสียนจนเติบโตขึ้นมากับมือ และบางทีในตอนนี้อาจจะคิดว่าตัวนางเองเป็นแม่ของเธอด้วยซ้ำไป!

แต่ในเวลานี้ทุกคนไม่ได้ให้ความสนใจกับคำพูดที่เปลี่ยนไปของหยวนหลู่ เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่มัวตกตะลึงและแทบจะไม่อยากเชื่อข่าวเกี่ยวกับเจ้าชายที่เพิ่งจะได้รับฟังมา!

ทุกคนในปัจจุบันต่างรู้ดีว่าเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนเป็นคนแบบไหน ต่อให้พวกเธอไม่ค่อยได้ออกจากบ้านก็ตามที แต่ก็จะได้ยินข่าวเรื่องเลวร้ายเกี่ยวกับเจ้าชายฉินอยู่บ่อยครั้ง

ไม่มีอะไรที่เจ้าชายฉินทำไม่ได้ เขาเป็นผู้มีข่าวอื้อฉาวและผู้สร้างเรื่องราว เจ้าปัญหาอันดับ 1 แห่งเมืองหลวง ไม่เพียงแต่มีนิสัยเย่อหยิ่งอวดดีและเอาแต่ใจเพียงเท่านั้น เขายังคงไม่มีสำนึกรู้จักผิดชอบชั่วดีในการกระทำสิ่งต่างๆ อีกด้วย ทุกคนในเมืองหลวงต่างสาปแช่งต้องการให้เขาตายวันละหลายร้อยครั้ง

แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้! เจ้าชายที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นผู้ชั่วร้ายอันดับ 1 กำลังเก็บตัวอยู่ในบ้านอย่างสงบ! เพื่อเตรียมตัวแต่งงาน! จะไม่ทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นตกใจและรู้สึกไม่เชื่อหูกันได้อย่างไร?

มีเพียงหลิวจู่เสียนเท่านั้นที่แอบกัดริมฝีปาก! เธอเชื่อว่าการที่เจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนไม่แสดงความต่อต้านที่ถูกพระราชบิดาไล่ผู้หญิงของเขาออกจากวังนั้นไม่ใช่เป็นเพราะเขาเปลี่ยนแปลงนิสัยเป็นคนดีขึ้น แต่เป็นเพราะเขาไม่กล้าขัดคำสั่งพระราชบิดาซะมากกว่า! เพราะกลัวจะถูกทำโทษ ซ้ำร้ายนี่ยังเป็นพระราชกฤษฎีกาโดยตรงจากองค์ฮ่องเต้อีกด้วย!

เจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนจึงไม่กล้าที่จะแสดงความโกรธออกมา! หลิวจู่เสียนชื่อว่าในเวลานี้เขาคงมีอารมณ์หงุดหงิดและขุ่นเคืองจนแทบจะอกแตกตายอย่างแน่นอน!

เมื่อนึกถึงใบหน้าที่แสดงความโกรธและรู้สึกอั้นตันใจของเจ้าชาย หลิวจู่เสียนก็ค่อนข้างจะอารมณ์ดีขึ้นมาก!

ในขณะเดียวกันหยวนหลี่เย่มารดาของหลิวจู่เสียนเองก็ผ่อนคลายและมีอารมณ์ที่สดชื่นแจ่มใสมากขึ้นกว่าเดิม

โดยปกติแล้วหยวนหลี่เย่เป็นคนสบายๆและมองโลกในแง่ดี แต่ค่อนข้างจะอ่อนไหวง่าย และที่เธอล้มป่วยนั่นก็เป็นเพราะความเครียดเนื่องจากข่าวการแต่งงานของลูกสาวและเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนนั้นกะทันหันมากเกินไป

ในตอนนี้เมื่อเธอได้ยินคำพูดของหยวนหลู่พี่สาวฝาแฝด ต่อให้มันเป็นข่าวที่เชื่อได้ยาก แต่เธอก็ค่อนข้างจะรู้สึกพึงพอใจที่เจ้าชายฉินเ

สี่ยวเทียนได้ให้ความสำคัญกับงานแต่งงานกับบุตรสาวของตนเองในครั้งนี้!

…. ….

จบบท

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด