บทที่ 52 : การต่อสู้ครั้งแรกของเทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์
บทที่ 52 : การต่อสู้ครั้งแรกของเทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์
ณ หุบเขาหมอกโลหิต
เซียวซิงหยูเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งบึงสีแดงเลือดได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
ในหุบเขามีเพียงเส้นทางเดียว หากต้องการผ่านการทดสอบ ก็จำเป็นต้องข้ามบึงแห่งนี้ไปให้ได้
ฟืดฟาด ฟืดฟาด
ทันใดนั้น, ฟองอากาศก็ผุดขึ้นมาไม่หยุดจากบึงที่ข้นเหนียว…เเละหัวของจระเข้กลุ่มหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
ฟูมมม~
ทันใดนั้น, จระเข้ตัวหนึ่งก็พุ่งตัวขึ้นจากน้ำ แล้วคลานขึ้นมาบนฝั่ง
ขนาดตัวของมันใหญ่ไม่แพ้รถหุ้มเกราะ มีเกล็ดหนาและเต็มไปด้วยหนามแหลมปกคลุมทั่วร่างกาย, สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือปากของมันที่เป็นโลหะ ซึ่งกำลังสะท้อนแสงแดดเป็นประกายวาววับ
ณ ขณะนี้…รูม่านตาของเซียวซิงหยูค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะเขาเปิดใช้งานดวงตาเทพอสูรโดยอัตโนมัติ
หน้าต่างข้อมูลของอสูรได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
….
[ชื่อ]: จระเข้ยักษ์ปากเหล็ก
[ระดับ]: ระดับเริ่มต้น (ขั้นที่สาม)
[สายเลือด]: คุณภาพชั้นยอด
[พรสวรรค์]: แรงกัดมหาศาล พิษร้ายแรง
[คุณสมบัติ]: ธาตุพิษ
[ทักษะ]:
[ม้วนตัวกัด]: กัดส่วนสำคัญของศัตรูแล้วหมุนร่างอย่างบ้าคลั่ง
[พ้นพิษ]: พ่นพิษสีแดงออกมาจากส่วนลึกในลำคอ ทำให้เกิดผลด้านลบ อย่าง การเผาไหม้ การชะลอตัว และลดค่าป้องกันต่อศัตรู
…..
ฟุ่บๆๆๆๆ~
เมื่อได้กลิ่นเนื้อมนุษย์, จระเข้ปากเหล็กตัวแล้วตัวเล่าก็พุ่งขึ้นจากน้ำมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อประเมินสถานการณ์คร่าวๆ เซียวซิงหยูก็พบว่าตอนนี้เขาถูกล้อมรอบด้วยจระเข้ปากเหล็กกว่ายี่สิบตัว
จระเข้ปากเหล็กทุกตัวค่อยๆเลื้อยเข้ามาใกล้เซียวซิงหยู ดวงตาของพวกมันเผยให้เห็นสัญชาตญาณกระหายเลือดที่โหดร้าย
…..
ณ ห้องประชุมของวิทยาลัยชิงหลง
เหล่าผู้บริหารระดับสูงของวิทยาลัยกำลังจ้องมองหน้าจอโปรเจคเตอร์
ภาพโคลสอัพที่คมชัด แสดงให้เห็นแม้กระทั่งเส้นขนแต่ละเส้นบนใบหน้าของเซียวซิงหยู
"จระเข้ปากเหล็กพวกนี้เป็นอสูรร้ายระดับเริ่มต้นทั้งหมด ตราบใดที่เซียวซิงหยูอัญเชิญหมาป่านรกออกมา เขาก็น่าจะปลอดภัย" ครูใหญ่หลินชางวิเคราะห์สถานการณ์อย่างจริงจัง
ซูหรูหยานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วหันไปมองเฉินฉีเหนียนที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับถามว่า
"คุณเฉิน ฉันได้ยินมาว่าเซียวซิงหยูได้ทำสัญญากับอสูรตัวที่สองแล้ว…อสูรตัวที่สองของเขาคือตัวอะไรหรือ?"
เฉินฉีเหนียนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ
"ท่านอธิการบดี พูดตามตรง, ผมยังไม่ได้ถามเซียวซิงหยูเลย"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ซูหรูหยานก็หันกลับมามองที่หน้าจอโปรเจคเตอร์อีกครั้ง
"บางทีเขาอาจจะอัญเชิญอสูรตัวที่สองออกมาเพื่อรับมือกับจระเข้ปากเหล็กก็ได้นะ"
ทุกคนต่างสงสัยเกี่ยวกับอสูรตัวที่สองของเซียวซิงหยู โดยเฉพาะซูหรูหยานที่แสดงสีหน้าคาดหวังออกมา
…..
ณ เวลานี้…เซียวซิงหยูก็ได้เปิดใช้งานตราอสูรเพื่ออัญเชิญอสูรของเขาออกมา
"เฟรย่า!"
วิ้งงงงง~~~~~
คราวนี้ รอบตัวเซียวซิงหยูไม่ได้มีเปลวไฟสีดำปรากฏขึ้น แต่กลับมีแสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องออกมา
แสงสว่างปกคลุมไปทั่วหุบเขา ขจัดความมืดมิดออกไปทั้งหมด
เเละเมื่อแสงสว่างจางหายไป อสูรสายพันธุ์เทวทูตก็ค่อยๆบินลงมาอยู่ข้างๆเซียวซิงหยู
ปีกที่ก่อตัวขึ้นจากแสงศักดิ์สิทธิ์กระพือเบาๆ เเต่กลับทำให้อนุภาคแสงสว่างนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่ในอากาศราวกับหิ่งห้อย
ร่างกายที่งดงามถูกห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีเงิน, ผมยาวสีทองสลวยดุจเกลียวคลื่นในทะเล, บนหน้าผากที่ขาวผ่องสวมผ้าคาดศีรษะโลหะที่ส่องประกายระยิบระยับราวมงกุฎ
……
ทุกคนภายในห้องประชุมต่างตกตะลึงสุดชีวิต!
ดวงตาของหลินชางเบิกกว้าง ก่อนจะพูดตะกุกตะกัก
"น...นี่มัน...อสูรสายพันธุ์เทวทูตงั้นเหรอ?"
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เครื่องตรวจจับอสูรรุ่นล่าสุดจึงสามารถตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานของอสูรตนนี้ได้อย่างรวดเร็ว
……
[ชื่อ]: เทพธิดาแสงศักดิ์สิทธิ์
[ระดับ]: ระดับเริ่มต้น (ขั้นที่หนึ่ง)
[สายเลือด]: สายเลือดเทวทูต (คุณภาพระดับเทพเจ้า)
[พรสวรรค์]: การปกป้องด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ (ขับไล่ผลกระทบเชิงลบจากศัตรู และมอบโล่แสงศักดิ์สิทธิ์ให้แก่พันธมิตร)
[คุณสมบัติ]: เทวทูต, บิน, ธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์
…..
ข้อมูลพื้นฐานของเทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์นี้เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนในห้องประชุมอ้าปากค้าง
ส่วนข้อมูลขั้นสูง เช่น ความภักดี และเส้นทางวิวัฒนาการที่ซ่อนอยู่ เครื่องตรวจอสูรย่อมไม่สามารถตรวจสอบได้…มีเพียงดวงตาเทพอสูรของเซียวซิงหยูเท่านั้นที่สามารถมองเห็นข้อมูลขั้นสูงเหล่านี้
"ท่านอธิการบดี เซียวซิงหยูนี่มันอัจฉริยะปีศาจจริงๆ! เขาทำสัญญากับอสูรสายเลือดระดับเทพเจ้าได้ยังไง?"
"มันไม่สมเหตุสมผลเลย ในเมืองหลงอิ๋นของเรามันไม่มีอสูรประเภทเทวทูตปรากฏตัวมาหลายสิบปีแล้วนะ…เเล้วไอ้เด็กนี่ไปหาอสูรตัวนี้มาจากที่ไหนกัน?"
"มีข่าวลือว่าเมื่อวานเซียวซิงหยูไปที่ร้านขายอสูรเหมียวเหมียว…แล้วซื้อเอลฟ์ธาตุน้ำมาตัวนึง"
วิทยาลัยชิงหลงมีอำนาจมาก การจะตรวจสอบทุกการกระทำของเซียวซิงหยูจึงเป็นเรื่องง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ
อย่างไรก็ตาม, สีหน้าของซูหรูหยานในตอนนี้ยากจะคาดเดา เเละเธอก็เอ่ยถามเฉินฉีเหนียนว่า
"คุณเฉิน คุณคิดว่าเทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์ตัวนี้คือเอลฟ์ธาตุน้ำตัวนั้นหรือเปล่า?"
"ผมว่าไม่น่าจะใช่นะครับ"
"เอลฟ์ธาตุน้ำน่ะมีสายเลือดระดับต่ำ มีแต่พวกคนรวยหัวโบราณเท่านั้นแหละที่จะซื้อพวกเธอมาเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงหรือคนรับใช้"
"แต่เทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์เป็นสายเลือดเทวทูตแท้ๆ…ไม่น่าจะใช่หรอกครับ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ซูหรูหยานก็ยกยิ้มจางๆ แล้วพูดเตือนว่า
"คุณเฉิน อย่าลืมสิว่า ตอนแรกหมาป่าปีศาจแห่งนรกก็เป็นแค่สุนัขวายุสายเลือดระดับต่ำมาก่อนนะ"
เฉินฉีเหนียนนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหรี่ตาลงพลางถอนหายใจยาว
"จริงด้วยสิ เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในสายตาของพวกเรากลับกลายเป็นไปได้สำหรับเด็กคนนี้"
ซูหรูหยานเม้มริมฝีปากสีแดงเพลิง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชมและพอใจ
"เซียวซิงหยูคืออัญมณีล้ำค่าที่สุดที่วิทยาลัยชิงหลงของเราตกมาได้…เมื่อเทียบกับนักเรียนคนอื่นๆ เขาคือมังกรในหมู่มังกร"
ซูหรูหยานให้คำชมเชยอย่างสูงสุด, เเละเฉินฉีเหนียนก็พยักหน้าเห็นด้วย
พรสวรรค์ด้านอสูรที่แข็งแกร่งไม่ได้หมายความว่าปรมาจารย์อสูรจะแข็งแกร่ง
เเละมีเพียงปรมาจารย์อสูรที่แท้จริงเท่านั้น ที่สามารถเปลี่ยนสิ่งไร้ค่าให้กลายเป็นสมบัติล้ำค่า และยกระดับขีดจำกัดของอสูรได้
…..
ณ บึงน้ำโลหิต
จระเข้ปากเหล็กตัวหนึ่งเลื้อยไปตามพื้น เเล้วพุ่งเข้าโจมตีเซียวซิงหยูอย่างรวดเร็ว
ฟุ่บบ!!!
มันอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นฟันแหลมคมดุจมีดที่เปรอะเปื้อนไปด้วยพิษจำนวนมาก
"เฟรย่า ใช้ดาบกางเขนศักดิ์สิทธิ์!"
ชิ้งงงงง~ (เสียงโลหะกระทบกัน)
ทันใดนั้นแสงวาบหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
จากนั้น มันก็ตามมาด้วยคมดาบที่พุ่งออกมาราวกับมังกร!
เทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์ถือดาบแสงสองเล่มที่มีความยาวสามฟุต เเล้วฟาดฟันเป็นรูปกากบาท
ฉั่วะ~!!!!
เลือดสาดกระเซ็นแดงฉานไปทั่วพื้นปฐพี
จระเข้ปากเหล็กตัวนั้นล้มลงพร้อมมีบาดแผลรูปกากบาทอยู่ที่ท้อง, นอกจากนี้บาดแผลนั้นยังมีคลื่นแสงสีทองไหลเวียนอยู่ ทำให้แผลไม่สามารถสมานได้
"โจมตีครั้งเดียวก็จัดการจระเข้ปากเหล็กได้แล้ว!"
"จระเข้ปากเหล็กตัวนี้เป็นถึงอสูรร้ายระดับเริ่มต้น (ขั้นที่ 3) เชียวนะ ทำไมร่างกายมันถึงอ่อนแอแบบนี้?"
"ไม่ใช่ว่าร่างกายของจระเข้ปากเหล็กอ่อนแอหรอก แต่นี่คือการปราบด้วยระดับของสายเลือดต่างหาก!"
จระเข้ปากเหล็กเป็นอสูรร้ายระดับเริ่มต้น (ขั้นที่ 3), ส่วนเทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์เป็นอสูรระดับเริ่มต้น (ขั้นที่ 1)
ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างกันระดับหนึ่ง…แต่ด้วยพลังการปราบจากสายเลือดที่เหนือกว่า ความแตกต่างของระดับจึงแทบไม่มีความหมาย
จระเข้ปากเหล็กมีสายเลือดคุณภาพชั้นยอด ซึ่งต่ำกว่าระดับมหากาพย์, เเต่เหนือระดับมหากาพย์คือระดับตำนาน และเหนือระดับตำนานคือระดับเทพเจ้า
เทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์มีสายเลือดเทวทูตบริสุทธิ์ ซึ่งถือเป็นสายเลือดระดับเทพเจ้า
ความแตกต่างระหว่างสายเลือดของทั้งสองก็เปรียบเสมือนความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า!
ฉับๆๆๆๆๆๆ……
ตอนนี้พลังดาบหลากหลายเส้นได้ฟันแหวกอากาศ จนแสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องไปทั่วทุกสารทิศ
เทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์ใช้ทักษะดาบกางเขนศักดิ์สิทธ์อย่างต่อเนื่องตามคำสั่งของเซียวซิงหยู
ก๊าซๆๆๆๆๆ!!!
เสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสยดสยองดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลิ่นคาวเลือดฟุ้งของจระเข้ปากเหล็กกระจายไปทั่วทุกซอกทุกมุมของหุบเขา
เเต่ในบึงน้ำโลหิตมีจระเข้ปากเหล็กอยู่เป็นจำนวนมาก, ระหว่างการต่อสู้ เทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนพิษกระเด็นเข้าใส่
อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้รับผลกระทบด้านลบอะไรเลย
เฉินฉีเหนียนจ้องมองหน้าจอโปรเจคเตอร์อย่างตั้งใจ เเล้วอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า
"สมกับที่เป็นอสูรประเภทเทวทูต สายเลือดระดับเทพเจ้านี่ไม่ใช่เล่นๆเลย!"
"ปกติเเล้วพิษของจระเข้ปากเหล็กสามารถสร้างผลกระทบด้านลบหลายอย่างให้กับศัตรูอย่าง การเผาไหม้ พิษ ความสับสน และการลดความเร็วได้"
"แต่โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์สามารถขจัดผลกระทบด้านลบทั้งหมดได้ รวมถึงการควบคุมจากทักษะของศัตรูได้ด้วย"
ความสามารถในการขจัดผลกระทบด้านลบนี้สามารถใช้กับพันธมิตรได้, ดังนั้น มันจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการต่อสู้แบบกลุ่ม
…..
ภายในห้องประชุม เหล่าผู้บริหารของวิทยาลัยต่างพูดคุยกันด้วยความประหลาดใจ
"อนาคตของเทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์ตัวนี้ไม่มีขีดจำกัดจริงๆ…ต่อไป อสูรประเภทเทวทูตตัวนี้น่าจะเป็นไพ่ตายของเซียวซิงหยูนะ"
"ใช่เเล้ว…เมื่อเทียบกัน หมาป่าปีศาจแห่งนรกยังดูด้อยกว่าเล็กน้อย"
“เอ๊ะ…ไม่ใช่เเบบนั้นสิ อย่าลืมว่าหมาป่านรกเป็นอสูรที่มีธาตุถึงสี่ธาตุ และมันยังปลุกพลังปีศาจได้เเล้วด้วย!”
ทันใดนั้นซูหรูหยานก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
"ปีศาจและเทวทูต..."
"คุณเฉิน ยังจำได้ไหมว่าใครเป็นคนสุดท้ายที่สามารถฝึกฝนทั้งอสูรประเภทปีศาจและอสูรประเภทเทวทูตได้พร้อมกัน?"
ทันใดนั้น, ความทรงจำเก่าๆของเฉินฉีเหนียนก็ปรากฏขึ้น
มันเป็นภาพของพระราชวังที่งดงามและยิ่งใหญ่…บนบัลลังก์มีชายหนุ่มรูปงามที่ดูเย็นชาและน่าเกรงขามนั่งอยู่
ในมือของเขาถือหนังสือ "ตำรามาร", ด้านซ้ายของเขามีเทวทูตมิคาเอลผู้ยิ่งใหญ่, ส่วนด้านขวามีซาตานผู้น่าสะพรึงกลัว
"แน่นอนว่าผมจำได้ เขาเป็นคนที่ได้เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ"
"คุณรู้สึกไหมว่าเซียวซิงหยูคล้ายกับผู้ชายคนนั้นมาก?" ซูหรูหยานขยับริมฝีปากอย่างสับสน
เมื่อได้ยินเช่นนี้, เฉินฉีเหนียนก็ไม่ได้พูดตอบกลับอะไร…เเละการตอบสนองเเบบนี้ก็ถือว่าเป็นการยอมรับโดยปริยายไปเเล้ว
เเน่นอนว่า, เซียวซิงหยูไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้บริหารของวิทยาลัยกำลังพูดคุยกัน
ตอนนี้ เทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์กำลังกระพือปีก บินไปมาระหว่างฝูงจระเข้ปากเหล็ก พร้อมกับกวัดแกว่งดาบทั้งสอง ราวกับกำลังร่ายรำอยู่กลางบึง
ทุกครั้งที่คมดาบศักดิ์สิทธ์วาบผ่าน จระเข้ปากเหล็กก็จะจมลงสู่ก้นบึง เหลือทิ้งไว้เพียงฟองอากาศ
ไม่ถึงสิบนาที จระเข้ปากเหล็กกว่าสิบตัวก็ถูกสังหารด้วยพลังดาบแสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
หลังจากจัดการเสร็จแล้ว เทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์ก็กลับมาหาเซียวซิงหยูด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งและสง่างาม
"เฟรย่า ทำได้ดีมาก!"
เซียวซิงหยูลูบหัวเทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์ด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
"เเต่บึงนี้ค่อนข้างลึก ต้องลำบากเธออุ้มฉันข้ามไปหน่อยแล้วล่ะ"
เทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์เข้าใจความหมายของเจ้านาย, แล้วอุ้มเซียวซิงหยูขึ้นมาในท่าอุ้มเจ้าหญิงทันที
เซียวซิงหยู ชายหนุ่มผู้มีส่วนสูง 185 เซนติเมตรได้ถูกอุ้มโดยเทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์ผู้งดงาม…ภาพที่เห็นนี่ชวนขบขันสำหรับผู้ชมอย่างมาก
เทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์กระพือปีก อุ้มเซียวซิงหยูบินข้ามบึงน้ำโลหิตไปอย่างสบายๆ
เเละการมาถึงฝั่งตรงข้ามของบึงน้ำโลหิตหมายความว่าการเดินทางเสร็จสิ้นไปแล้วครึ่งทาง
ภายในห้องประชุม ซูหรูหยานมองที่หน้าจอโปรเจคเตอร์ จากนั้นก็ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
"ความเร็วในการข้ามบึงน้ำแดงของเซียวซิงหยูทำลายสถิติเดิม…เด็กคนนี้น่าจะเป็นผู้เข้าสอบที่ใช้เวลาในผ่านการทดสอบระดับสองดาวน้อยที่สุด"
สำหรับผู้เข้าสอบคนอื่นๆ จระเข้ปากเหล็กเป็นศัตรูที่เอาชนะได้ยาก เพราะพิษของพวกมันจะส่งผลกระทบด้านลบต่างๆต่อศัตรู…แต่โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาเเสงศักดิ์สิทธ์สามารถขจัดผลกระทบด้านลบทั้งหมดได้, เรียกได้ว่าเป็นอสูรที่ชนะทางจระเข้ปากเหล็กได้อย่างสมบูรณ์แบบ
"ท่านอธิการบดี ต่อไปเซียวซิงหยูต้องผ่านถ้ำปีศาจแล้วนะครับ" เฉินฉีเหนียนดูเป็นกังวลเล็กน้อย
"เเล้วไง?"
"ท่านอธิการบดี…ในถ้ำนั้นมีแมงมุมปีศาจโลหิตที่วิวัฒนาการจนถึงระดับสมบูรณ์แล้วตัวนึงเลยนะครับ"
การจะจัดการอสูรระดับสมบูรณ์ให้ได้ด้วยตัวคนเดียว ปรมาจารย์อสูรจะต้องมีระดับอย่างน้อยสามดาว…ดังนั้นนี่จึงเป็นการทดสอบระดับสองดาว แต่ความยากกลับเทียบเท่ากับระดับสามดาว!
แต่อย่างไรก็ตาม, เซียวซิงหยูยังไม่รู้ว่าเขากำลังจะได้เผชิญกับการทดสอบความยากระดับนรก
………………….