บทที่ 12 ส่งตัวเข้าหอ
บทที่ 12 ส่งตัวเข้าหอ
เจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนเหลือบมองหลิวจู่เสียน ที่นั่งอยู่บนเตียงจากมุมหางตาของเขา! ใบหน้าของเธอก้มต่ำลงเล็กน้อยคล้ายกับว่าเธอกำลังรู้สึกไม่ดี!
เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงหันไปตวาดกลุ่มคนที่อยู่โดยรอบด้วยน้ำเสียงที่ดุดันอีกครั้ง!
“ฮืม! พวกเจ้าคิดว่าข้าล้อเล่นหรืออย่างไร! หากใครยังกล้าสร้างปัญหาและพูดจาไร้สาระอีกแม้เพียงครึ่งคำ! ข้าจะให้ราชองครักษ์จับมันผู้นั้นเปลื้องผ้าแห่ประจานไปรอบเมืองหลวง!”
ในทันทีที่น้ำเสียงอันดุดันของเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนดังขึ้น! เสียงเฮฮาและครึกครื้นที่ดังอยู่โดยรอบก็เงียบเสียงลงโดยฉับพลันคล้ายกับถูกกดปุ่มสต๊อป!
พวกเขาต่างหันไปจ้องมองเจ้าชายด้วยสีหน้าที่ตื่นตะลึงและสับสน! ทำไมพวกเราถึงรู้สึกว่าความโกรธของเจ้าชายครั้งนี้นั้นเป็นของจริง!
หลายคนเริ่มรู้สึกไม่ดี! หันไปจ้องมองหลิวจู่เสียนและเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียน สลับกันไปมาอยู่หลายครั้ง!
“ฮึ! ยังไม่รีบออกไปกันอีก! พวกเจ้าจะเดินออกไปด้วยตัวเอง หรือว่าอยากจะถูกลากตัวออกไป!”
ถึงแม้ว่าการกระทำของเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนในตอนนี้นั้นจะค่อนข้างน่ากลัวสำหรับสายตาของผู้อื่น! แต่ในเวลานี้ในสายตาของหลิวจู่เสียนนั้นแตกต่างออกไป!
ภายใต้ชุดเจ้าบ่าวสีแดงและการแสดงออกที่โกรธเกรี้ยวเพื่อปกป้องเธอนั้น! มันช่างดูเท่มากจริงๆ!
‘ทำไมผู้ชายคนนี้ที่มีชื่อเสียงอันเสื่อมเสียและขึ้นชื่อว่าเป็นอันธพาลจอมเสเพลแห่งเมืองหลวงถึงได้ดูหล่อและเท่มากขนาดนี้!’
หลิวจู่เสียนจ้องมองไปที่เจ้าชายด้วยสายตาที่ค่อนข้างจะเหม่อลอย!
‘บ้าจริง! นี่ข้าคิดอะไรอยู่กันแน่? ทำไมถึงไปชื่นชมเขาได้!’
เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง หลิวจู่เสียนก็อยากจะตีหัวตัวเองแรงๆ
ในขณะเดียวกันทุกคนโดยรอบ รีบทำตัวสงบเสงี่ยมลงอย่างรวดเร็ว! เพราะความสนุกสนานและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้พวกเขาลืมนึกไปว่าเจ้าชายที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขานั้นคือจอมอันธพาลอันดับ 1 แห่งเมืองหลวง!
และโดยปกติแล้วไม่มีใครกล้าขัดใจและอยากสร้างความขุ่นเคืองให้กับเจ้าชายผู้นี้! เว้นแต่ว่าคนผู้นั้นจะมีผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้! ไม่เช่นนั้นก็อย่าคิดจะอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างสงบสุขอีกต่อไป!
เป็นผลให้ทุกคนเปลี่ยนทัศนคติทันทีและเริ่มยิ้มอย่างประประจบประแจง
“ฮ่าๆๆ! ท่านชายและท่านหญิง! วันนี้ถือได้ว่าเป็นฤกษ์งามยามดีอันยิ่งใหญ่! ข้าทราบมาว่าผู้ที่แต่งงานในวันนี้นั้นจะเจริญรุ่งเรืองและมีอายุที่ยืนยาว!”
“ท่านพี่ชายฉิน! ท่านและพี่สะใภ้นั้นช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก! และเวลาก็มีค่ามากกว่าทองพันชั่ง พวกเราจะไม่รบกวนเวลาของท่านอีกต่อไปแล้ว!”
“ใช่แล้วเจ้าชาย! ขอให้ท่านทั้งคู่มีความสุข! มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง!”
“ถูกต้อง! ข้าขอให้ท่านมีลูกชายเร็วๆนี้!”
“ท่านชาย! ขอให้ท่านทั้งคู่ครองรักกันยั่งยืนนาน!”
….
กลุ่มคนทั้งหมดที่เคยแสดงออกด้วยความสนุกสนาน! เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ทุกคนต่างชื่นชมและพูดคุยอย่างมีมารยาทในทันที!
แม้แต่เจ้าชายตัวน้อยที่เคยแสดงท่าทางหยิ่งผยองต่อหลิวจู่เสียนเมื่อครู่นี้! ก็ยังแสดงรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาและพูดจาชื่นชมด้วยวาจาที่ไพเราะ พร้อมกับอวยพรอย่างมีมารยาท!
หลังจากนั้นทั้งหมดก็รีบขอตัวลาออกจากห้องเจ้าสาวไปอย่างรวดเร็ว!
กลุ่มข้ารับใช้รวมทั้งขันทีและซีเหนียงผู้ดำเนินพิธีการ กล่าวคำพูดมงคลอีก 2-3 ประโยค ก่อนที่จะรับซองแดงแล้วทำการคารวะและรีบจากไปเช่นเดียวกัน!
ในขณะนี้จึงเหลือเพียงแค่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวที่อยู่ในห้อง! ในเวลานี้ทุกสิ่งโดยรอบจึงเงียบเสียงลง ทำให้บรรยากาศดูค่อนข้างจะแปลกประหลาดอยู่เล็กน้อย! ได้ยินเพียงแค่เสียงเปลวไฟปะทุจากไส้เทียนดังออกมาเบาๆ เพียงเท่านั้น!
หลิวจู่เสียนรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อยกับบรรยากาศเช่นนี้! เธอจึงนึกคิดอยู่ในใจอย่างเงียบๆ ว่าทำไมเจ้าชายอันธพาลผู้นี้จึงไม่พูดอะไรออกมาสักอย่างเพื่อให้บรรยากาศอันตึงเครียดและน่าอึดอัดใจ ในเวลานี้นั้นผ่อนคลายลง!
แต่ในนั้นใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่บริเวณท้องน้อยขึ้นมาอีกครั้ง! เธอจึงไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยกับเจ้าชายอีกต่อไป!
ในขณะเดียวกันทางด้านเจ้าชายก็มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นบริเวณหน้าผากของเขาบางๆ หากสังเกตให้ดีจะสามารถเห็นได้ว่า เขาค่อนข้างจะประหม่าและทำอะไรไม่ถูกอยู่เล็กน้อย!
เจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนค่อยๆนั่งลงบนเตียงข้างๆหลิวจู่เสียน! จากนั้นมือทั้งสองข้างของเขาก็วางบนเขาของตัวเองแล้วประสานกันไว้! ครู่ต่อมาก็คลายออก หลังจากนั้นก็ประสานกันอีกครั้ง แล้วก็คลายออก วนซ้ำไปมาอยู่เช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า….
หากสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่ามือของเจ้าชายนั้นมีอาการสั่นเล็กน้อย!
ในขณะเดียวกันหลิวจู่เสียนก็รู้สึกค่อนข้างจะสับสนกับพฤติกรรมของเจ้าชาย! และเนื่องจากเธอมีอาการปวดรอบเดือน! จึงทำให้จิตใจของเธอไม่ค่อยตื่นตัวเหมือนปกติ! เธอจึงไม่เข้าใจว่าเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียน กำลังทำอะไรอยู่?
เมื่อเธอทนไม่ไหวอีกต่อไปและกำลังจะถาม! เจ้าชายก็ลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลันและเดินไปที่โต๊ะหยิบจอกสุราขึ้นมา 2 จอก หลังจากรินสุราชั้นดีจนเต็ม เขาก็ถือจอกสุราเดินตรงมาทางเธอ
เขาค่อยๆยื่นจอกสุราส่งให้กับเธอ! หลิวจู่เสียนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา!
เมื่อเห็นหลิวจู่เสียนมองมาที่เขา เจ้าชายก็ยิ้มดวงตาของเขาเป็นประกายชัดเจนและสดใสมาก
ถึงแม้ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจะดูเงอะงะเล็กน้อย แต่ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา! มันกลับกลายเป็นการกระทำที่ดูงี่เง่าแต่น่ารักมาก!
ในเวลานี้หลิวจู่เสียนจึงคิดว่า ข่าวลือที่ได้ยินได้ฟังมาทั้งหมดนั้นไม่น่าเชื่อถือมากนัก! อย่างน้อยๆในเวลานี้เขาก็ไม่เหมือนคนที่ประพฤติตนเป็นอันธพาลและเกเรเลยแม้แต่น้อย!
หากสังเกตมองดูให้ดีจะเห็นได้ว่าเขาค่อนข้างจะประหม่าเหมือนกับเด็กหนุ่มที่ซื่อบริสุทธิ์!
หลิวจู่เสียนแอบถอนหายใจเบาๆ เธอไม่คิดว่าเจ้าชายที่ถูกกล่าวร้ายว่าเป็นจอมเสเพลอันดับ 1 แห่งเมืองหลวงจะมีหน้าตาที่ดีมากถึงขนาดนี้!
หากพูดกันตามตรงแล้ว! ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตรเช่นนี้ เขาไม่จำเป็นต้องฉุดบังคับหญิงสาวเลยด้วยซ้ำ! เธอเชื่อว่าหญิงสาวเกินครึ่งเมืองจะยินยอมพร้อมใจเดินเข้าไปในวังของเจ้าชายด้วยตัวเองอย่างแน่นอน!
“น้องหญิง! ร่วมดื่มสุรามงคลกับข้าหน่อยเถิด!”
เมื่อเขาพูดสิ่งนี้ดูเหมือนว่าความหมายแฝงทำให้เขาค่อนข้างจะเขินอาย จนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขานั้นแดงระเรื่อ!
หลิวจู่เสียนเม้มริมฝีปากแน่น! เธอแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่! กับท่าทางที่เขินอายและประหม่าของเจ้าชายในเวลานี้!
หากเธอไม่ได้ยินข่าวร้ายๆเกี่ยวกับเขามาก่อน! เธอคงคิดว่าเขานั้นเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ไม่เคยแม้แต่จะจับมือผู้หญิงอย่างแน่นอน!
จอกสุราที่ยื่นส่งให้มาถึงตรงหน้า ใกล้จนหลิวจู่เสียนสามารถได้กลิ่นหอมแรงจากสุราชั้นดีได้! และดูท่าแอลกอฮอล์ของสุรานี้ก็ค่อนข้างจะแรงมาก! เพราะเพียงแค่เธอได้กลิ่นเธอก็ยังรู้สึกเมาเล็กน้อยแล้ว!
“มาเถิดน้องหญิง! นี่เป็นสุรามงคลจอกแรกของเรา!”
หลิวจู่เสียนรู้สึกลังเลใจ! ในชีวิตนี้และชีวิตก่อน เธอแทบจะไม่เคยแตะต้องสุราหรือของมึนเมาเลย! หากเธอดื่มหมดจอก เธออาจจะไม่สามารถประคองสติตัวเองได้!
(จอกสุราจีนโบราณ มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือมาก!)
ขณะที่เธอกำลังลังเลอยู่นั้นเจ้าชาย ก็นั่งลงข้างๆ แล้วพูดกับเธอพร้อมรอยยิ้ม
“น้องหญิง! ข้าจะสอนเจ้าถึงวิธีดื่มสุราอันเป็นมงคลของคู่บ่าวสาวให้กับเจ้า!”
หลังจากที่พูดจบเจ้าชายก็คล้องแขนข้างที่เธอถือจอกสุราไว้ และไขว้สลับกับแขนข้างที่ถือจอกสุราของเขา!
ฉะนั้นในเวลานี้จอกสุราของเธอจึงจ่ออยู่ที่ปากของเขา ส่วนจอกสุราของเขานั้นก็จ่ออยู่ที่ปากของเธอ!
เวลานี้ทั้งสองจึงอยู่ใกล้กันมากจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน! ขณะนี้หลิวจู่เสียนจึงรู้สึกประหม่าและร้อนวูบวาบจากใบหน้าลามไปถึงลำคอในทันที!
ในขณะเดียวกันดวงตาของเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนที่จ้องมองเธอในระยะใกล้นั้นก็เป็นประกายฉ่ำวาว คล้ายกับว่าเขาต้องการจะกลืนกินเธอลงไปทั้งตัว!
หลิวจู่เสียนรู้สึกขนลุกไปทั้งร่างและทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าภายใต้การจ้องมองแบบนั้น! เธอรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองเป็นกระต่ายสีขาวตัวน้อย ที่กำลังถูกสัตว์กินเนื้อตัวใหญ่จ้องมองด้วยความหิวโหย! และหากเธอละสายตาก็อาจจะถูกกระโจนเข้าขย้ำใส่ได้ทุกเมื่อ!
หลังจากที่ทั้งสองคนจ้องมองดูตากันอยู่ครู่ใหญ่ๆ! ทั้งคู่ก็ค่อยๆสลับจอกสุรากันดื่ม ในท่าที่คล้องแขน ที่แต่ละคนจะดื่มสุราจากจอกในมือของอีกฝ่าย!
เมื่อสุราเริ่มไหลเข้าปาก หลิวจู่เสียนรู้สึกได้ถึงความเผ็ดร้อนของแอลกอฮอล์! สุรานี้แรงมาก! เนื่องจากเธอไม่ค่อยได้ดื่ม จึงทำให้เธอสำลักและเริ่มไอ!
“น้องหญิง! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เจ้าชายฉินเสี่ยวเทียน จับจอกสุราวางกลับไปที่โต๊ะ ก่อนที่จะรีบช่วยตบและลูบหลังของเธอเบาๆ เพื่อให้เธอผ่อนคลายจากการสำลัก และหายใจได้สะดวกมากขึ้น!
ในขณะเดียวกันหลิวจู่เสียน ก็จับมือของเจ้าชายไว้ เพื่อให้เขาหยุดลูบหลังและโบกมือแสดงว่าเธอนั้นไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่ให้เขาถอยห่างออกไปก่อน!
เจ้าชายหยุดมือ และถอยออกมาเล็กน้อย! หากสังเกตดูให้ดีๆ จะสามารถเห็นได้ถึงความเสียใจที่อยู่ในแววตาของเขา!
มันเป็นจังหวะเดียวกับที่หลิวจู่เสียนเงยหน้าขึ้นมองพอดี! ทำให้เธอสับสนและแปลกใจมาก! เธอไม่แน่ใจ
ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือไม่! แต่แววตาของเขาในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจริงๆที่เธอปฏิเสธการช่วยเหลือจากเขา!
… ….
จบบท