บทที่ 117 จักรพรรดินักปรุงยา
บทที่ 117 จักรพรรดินักปรุงยา
ลู่หยางทำได้เพียงถอนหายใจ เพราะเด็กหนุ่มตรงหน้าก็ถือว่าเป็นหนึ่งในคนที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เขาจึงตามเด็กคนนี้ไปจนถึงสถานที่ลับตา ก่อนจะได้เห็นอีกฝ่ายยืนหลบร้องไห้อยู่ที่มุมกำแพง
“นายสนใจอยากจะเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเองไหม?”
จินปู้ฮวนเงยหน้าขึ้นมามองลู่หยางอย่างงุนงง ก่อนที่จะถามพร้อมกับเช็ดคราบน้ำตา
“คุณเป็นใคร?”
“คนที่จะมาเปลี่ยนชะตาชีวิตของนายไง ส่วนนายก็จะกลายมาเป็นผู้ช่วยของฉันด้วย” ลู่หยางตอบด้วยรอยยิ้ม
“เปลี่ยนชะตาชีวิตผม? ผมมีประโยชน์อะไรกับคุณ คนอย่างผมเนี่ยนะจะมีประโยชน์จินปู้ฮวน” พูดถากถางตัวเอง
“นายก็เป็นได้นะนักปรุงยาน่ะ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำว่าปรุงยา มันก็ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มหดหู่มากกว่าเดิม
“ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการปรุงยาสักอย่างแค่บังเอิญมีสกิลลับอยู่อันหนึ่ง แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไร”
นี่คือความลับที่เด็กหนุ่มเก็บเอาไว้ในใจมาโดยตลอด แต่ในวันนี้เขาขี้เกียจเกินกว่าจะปิดบังความลับพวกนั้นแล้ว และเขาก็ไม่ได้มีความสามารถในการปรุงยาเลยสักนิด
“ผมไม่รู้วิธีปรุงยาและผมก็โง่มาก จนแม้แต่ครูประจำชั้นยังบอกว่าผมเป็นคนที่โง่ที่สุดในห้อง” จินปู้ฮวนพูดอย่างหดหู่
“ในโลกนี้ไม่มีคนที่ฉันสอนไม่ได้ขอแค่นายตามฉันมา ฉันจะทำให้นายกลายเป็นนักปรุงยาชั้นยอดให้ดู ในตอนนั้นฉันก็มั่นใจว่าผู้หญิงที่นายชอบจะต้องเป็นฝ่ายมาตามจีบนายเอง” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แววตาของจินปู้ฮวนเปล่งประกายขึ้นมาเสี้ยววินาที ก่อนที่มันจะดับลงไปอีกครั้ง ท้ายที่สุดปมภายในใจก็เป็นสิ่งที่สะสมอย่างยาวนานจนทำให้เด็กหนุ่มไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
“ขอบคุณสำหรับความหวังดี ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อคุณแต่ผมไม่เชื่อในตัวเอง ที่โรงเรียนผมไม่เคยเรียนคณิตศาสตร์รู้เรื่องเลย ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่รู้เรื่อง ยิ่งเคมียิ่งไม่ต้องพูดถึง พอเข้ามาในเกมผมก็เก็บเลเวลได้ช้ากว่าคนอื่น เวลาจะไปลงดันเจียนก็มักจะตื่นเต้นจนตายเป็นคนแรกเสมอ ผมรู้สึกว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนผมก็มักจะกลายเป็นตัวถ่วง” จินปู้ฮวนกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ในที่สุดลู่หยางก็เข้าใจแล้วว่าทำไมในชาติก่อนเด็กหนุ่มถึงเลือกขายบัญชีของตัวเองออกไป
“เอาแบบนี้ไหม? มาอยู่กับฉันก่อนถ้าฉันสอนนายไม่ได้จริง ๆ ตอนนั้นนายค่อยเลือกที่จะขายบัญชี”
“ได้... ได้ครับ” นี่เป็นครั้งแรกที่จินปู้ฮวนรู้สึกว่ามีใครสักคนเห็นคุณค่าในตัวเขา เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจจะลองตามลู่หยางไปสักตั้ง
ลู่หยางพาจินปู้ฮวนไปยังสมาคมนักปรุงยาห้องที่ 7 บนชั้นที่ 2 ก่อนที่เขาจะจ่ายเงินค่าเช่า 5 เหรียญเงินและทำการหยิบสมุนไพรออกมาจากกระเป๋าไปวางลงบนโต๊ะทีละชุด
หลังจากเอาสมุนไพรทั้งหมดออกมาจากกระเป๋าแล้วชายหนุ่มก็หันไปพูดกับจินปู้ฮวนว่า
“ความจริงแล้วการทำน้ำยาเป็นสิ่งที่ง่ายมาก นายไม่จำเป็นจะต้องไปสนใจคำอธิบายของระบบที่ปรากฏขึ้นมาเลย สิ่งที่ต้องจำมีเพียงแค่เวลาเท่านั้นก็พอ อย่างแรกให้นายลองบดสมุนไพร 35 วินาที พอครบเวลาที่กำหนดแล้วก็ให้หยุดมือ”
“ต่อไปคือเวลาในการผสมสมุนไพรลงในหลอดทดลองให้ใช้เวลาในการค้นสมุนไพร 27 วินาที จากนั้นให้ตั้งไฟแล้วทำการเผา 27 วินาทีทำการเขย่า 11 วินาทีและรอให้มันเย็นอีก 22 วินาที”
คำอธิบายจากระบบเต็มไปด้วยความซับซ้อน แค่คู่มือก็มีเนื้อหาให้อ่านอยู่หลายหน้าแล้ว ภายในนั้นมีวิธีการอธิบายเอาไว้โดยละเอียด แต่โดยสรุปมันก็คือสิ่งที่ลู่หยางพูดออกมาทั้งหมด
“ง่าย ๆ แค่นี้เองเหรอครับ?” จินปู้ฮวนถามด้วยแววตาอันเป็นประกาย ขณะจดข้อมูลที่ลู่หยางเพิ่งบอกมาเมื่อสักครู่
“แล้วใครบอกนายว่ามันยากล่ะ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอผมลองดูได้ไหมครับ?” จินปู้ฮวนถามอย่างกระตือรือร้น
“เอาสิ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับผายมือ
จินปู้ฮวนรีบหยิบสมุนไพรขึ้นมาทำการทดลองในทันที ขณะที่ลู่หยางก็ทำการปรุงยาอยู่ข้าง ๆ โดยชายหนุ่มเริ่มจากการใส่สมุนไพรทั้งสามชนิดลงในโกร่งบดยา ก่อนจะใช้สากทำการบดพวกมันเข้าด้วยกัน 35 วินาที
เด็กหนุ่มคอยเคลื่อนไหวเลียนแบบการกระทำของลู่หยาง เมื่อได้เห็นการบดครบทั้ง 35 วินาทีแล้วเขาก็เช็คเวลาก่อนที่จะหยุดมือ
ต่อมาลู่หยางก็เอาสมุนไพรใส่ในหม้อต้ม เมื่อครบ 27 วินาทีเขาก็ยกหม้อขึ้นมาเขย่าอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 11 วินาที ก่อนที่จะนำมันไปผ่านท่อทำความเย็น 22 วินาที แล้วนำน้ำยาสีดำภายในหม้อไปเทลงขวดเป็นอันจบกระบวนการ
จินปู้ฮวนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ทำน้ำยาขวดแรกเสร็จแล้วด้วยเหมือนกัน เด็กหนุ่มจึงมองไปที่น้ำยาที่ตัวเองทำด้วยความประหลาดใจ
“นี่ผม... ผมทำสำเร็จจริง ๆ เหรอเนี่ย?!”
“ฉันบอกแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องยาก นายสนใจจะอยากลองทำดูอีกสักครั้งไหม?” ลู่หยางกล่าว
จินปู้ฮวนพยักหน้าซ้ำ ๆ ก่อนจะหยิบสมุนไพรอีกชุดมาลองทำเอง ไม่นานน้ำยาขวดที่ 2 ก็ถูกปรุงอย่างเสร็จสมบูรณ์ตามมาด้วยน้ำยาขวดที่ 3, 4, 5 ไปเรื่อย ๆ
เด็กหนุ่มดูคล้ายกับกำลังหมกมุ่นอยู่กับการทำน้ำยาจนไม่สามารถที่จะหยุดมือของตัวเองได้เลย
ลู่หยางมองท่าทางของจินปู้ฮวนด้วยรอยยิ้มและเขาก็รู้ดีว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังรู้สึกยังไงอยู่ เพราะนี่คือความยินดีของคนที่ล้มเหลวมาตลอดชีวิตที่ได้ค้นพบความสำเร็จ นี่คือช่วงเวลาที่คนคนหนึ่งกำลังค้นพบเป้าหมายของชีวิต มันจึงเป็นช่วงเวลาที่อีกฝ่ายกำลังทำการทุ่มเทอย่างไม่ย่อท้อ
1 ชั่วโมงผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว หลังจากใช้สมุนไพรที่ลู่หยางเตรียมมาหลายชุด ในที่สุดจินปู้ฮวนก็ได้สติพร้อมกับมองไปทางลู่หยางด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเขินอาย
“ขอโทษด้วยครับพี่ ผมดีใจจนลืมตัวไปหน่อย”
ลู่หยางมองไปทางจินปู้ฮวนด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะพูดว่า
“ดูเหมือนว่านายจะมีพรสวรรค์ในการปรุงยานะ เพียงแค่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครมาสอนวิธีให้กับนายเท่านั้นเอง”
“อาจารย์ช่วยสอนผมหน่อยได้ไหมครับ? ผมก็อยากจะประสบความสำเร็จด้วยเหมือนกัน” จินปู้ฮวนรีบกล่าวขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“ได้สิ แต่ก่อนอื่นนายต้องฟังสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ให้ดี ถ้านายทำได้และจะไม่เสียใจในภายหลัง ฉันจะยอมสอนความรู้ของฉันให้” ลู่หยางกล่าว
“บอกมาได้เลยครับ” จินปู้ฮวนกล่าวอย่างร้อนใจ
“ฉันเคยเจอคนมามาก โดยทั่วไปแล้วคนแบบนายมักจะเข้าสู่ช่วงสับสนในชีวิต หลังจากประสบความสำเร็จในตอนนั้นนายอาจจะไม่รู้ว่าควรจะใช้เงินยังไง, ควรใช้ชีวิตยังไงและบางทีนายก็อาจจะสูญเสียเงินจำนวนมากไปโดยเปล่าประโยชน์”
“หลังจากจ่ายเงินแต่กลับไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ นายก็จะเริ่มหลงทางเพราะเรื่องนี้ บางทีนายอาจจะกลายเป็นคนที่ไล่ตามวัตถุนิยม ไล่ตามกิเลสตันหา แต่ฉันไม่อยากเห็นพี่น้องข้างกายเป็นคนแบบนั้น ถ้านายคิดจะติดตามฉันอย่างจริงจังนายก็จะต้องสัญญากับฉันก่อนว่าถ้าฉันพูดอะไรฉันเตือนอะไรนายจะต้องทำตามอย่างจริงจัง ห้ามมีข้อโต้แย้งอย่างเด็ดขาด แม้แต่ฉันสั่งให้ออกมาใช้ชีวิตแยกจากพ่อแม่นายก็จะต้องทำตาม”
จินปู้ฮวนไม่คิดว่าลู่หยางจะพูดอย่างจริงจังขนาดนี้ เขาจึงคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบว่า
“ชีวิตนี้ผมคือความอับอายของพ่อแม่มาโดยตลอด บ้านผมมีพี่น้องอยู่หลายคนถึงจะขาดผมไปคนหนึ่ง แต่พ่อกับแม่คงจะไม่ได้รู้สึกอะไร หลังจากนี้ผมสัญญาว่าจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง ผมก็แค่อยากประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่นบ้างก็เท่านั้นเอง”
“เอาล่ะฉันอัดเสียงเก็บเอาไว้แล้วนะ แต่ไม่ต้องกังวลฉันไม่สั่งให้นายอกตัญญูต่อพ่อแม่ของนายหรอก แค่ในโลกนี้ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนที่จะเข้าใจลูก ฉันก็แค่อยากจะเพิ่มความมั่นใจให้ตัวนายเท่านั้น” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในอดีตมีพ่อแม่หลาย ๆ คนมองเห็นแต่ประโยชน์ของตัวเองแล้วเลือกที่จะทำลายอนาคตของลูก เมื่อดูท่าทางของจินปู้ฮวนแล้วลู่หยางก็สัมผัสได้ในทันทีว่าปัญหาเรื่องนี้น่าจะมีต้นตอมาจากครอบครัว อย่างน้อยการดึงเด็กหนุ่มออกมาจากพ่อแม่ของตัวเองชั่วคราว มันก็จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับอีกฝ่ายได้มากกว่าเดิม
มองเห็นได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนั้นเลย พี่หยางสุดยอดดดด