บทที่ 11 เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว!
บทที่ 11 เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว!
“โอ้!เจ้าบ่าวกลับมาแล้ว~~”
เสียงหยอกล้อของซีเนียงดังขึ้น และเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยอันครึกครื้นก็ดังขึ้น! จากนั้นมีเสียงฝีเท้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆและชายในชุดสีแดงสดรายล้อมไปด้วยสาวใช้และขันที ทางด้านหลังของเขายังตามมาด้วยชายหนุ่มและหญิงสาวอีกเป็นจำนวนมาก!
ซึ่งสามารถบอกได้ในทันทีเลยว่า นี่คือประเพณีการส่งเจ้าบ่าวเข้าสู่ห้องเจ้าสาวหรือการส่งตัวเข้าหอ หลังจากที่ร่วมดื่มและรับคำอวยพรจากแขกเหลื่อที่มาร่วมงานแล้ว!
“ท่านชาย! รีบยกผ้าคลุมหน้าขึ้นเร็วๆเข้า! ให้พวกเราพี่น้องได้เห็นใบหน้าของพี่สะใภ้หน่อยเถอะ~!”
“พี่ชายฉิน! รีบยกขึ้นสิ! เราแทบรอไม่ไหวแล้ว”
“ฮ่าฮ่า! ท่านชายฉินดูท่าจะหวงภรรยามาก! พวกเราแค่อยากเห็นหน้าว่าที่พี่สะใภ้เท่านั้นเอง!”
“พี่ฉิน ท่านตระหนี่เกินไปเช่นนี้ไม่ได้นะ! รีบเปิดผ้าคลุมซะทีเถอะพวกเราพี่น้องอยากเห็นหน้าภรรยาของท่านจะแย่แล้ว ฮ่าฮ่า!”
“ลูกพี่ลูกน้อง ข้าเองก็อยากเห็นหน้าเจ้าสาวเช่นกัน~~”
เสียงหัวเราะอันครื้นเครงและสนุกสนานดังขึ้น เมื่อฟังจากน้ำเสียงที่พูดคุยกันแล้ว คนกลุ่มนี้ย่อมเมาพอสมควรเลยทีเดียว
“องค์ชาย! ได้ฤกษ์เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวแล้วเจ้าค่ะ!”
สาวใช้ถือถาดที่ปูด้วยผ้าไหมสีแดงและมีแท่นรูปสามเหลี่ยมสองข้าง วางอยู่ที่มุมถาดแต่ละมุม มันมีไว้สำหรับการวางเก็บผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว!
ภายใต้เสียงเชียร์ของผู้คนในห้องเจ้าชายที่สวมชุดเจ้าบ่าวสีแดง ก็ค่อยๆเดินเข้ามาจับผ้าคลุมหน้าสีแดงทรงสี่เหลี่ยมออกอย่างแผ่วเบา!
ขณะที่ผ้าคลุมถูกยกขึ้น หลิวจู่เสียนรู้สึกตาพล่าเล็กน้อยเนื่องจากยังไม่ชินกับแสงไฟภายในห้อง! เธอหรี่ตาลงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเมื่อมองแว๊บแรกเธอก็อดไม่ได้ที่จะมองซำ้อีกครั้ง!
‘นี่!... ช่างน่าประหลาดใจนัก?’
หลิวจู่เสียนเคยได้ยินหลายคนเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับการกระทำผิดต่างๆของเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนแห่งราชวังอันหยาง และเธอก็มองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ไม่น่าดึงดูดใจเหมือนในละครโทรทัศน์ซึ่งเชี่ยวชาญในการเล่นเป็นตัวร้าย!
นอกจากพฤติกรรมเสเพล และทำเรื่องเสื่อมเสียต่างๆแล้ว! ก็ไม่มีใครเคยกล่าวถึงรูปร่างหน้าตาของเขาให้เธอฟัง! หรืออาจจะมี! แต่ในช่วงเวลานั้นเธอคงไม่ได้สนใจฟังมากนักก็เป็นได้!
ฉะนั้นภาพลักษณ์ขององค์ชายฉินเสี่ยวเทียนในจินตนาการของเธอ! จึงเป็นเหมือนตัวร้ายในละครหรือภาพยนตร์
แต่ภาพลักษณ์ของเจ้าชายที่เธอเห็นตรงหน้าในเวลานี้! ต่างไปจากจินตนาการโดยสิ้นเชิง!
หากพูดกันตามตรงแล้วระดับดาราภาพยนตร์หรือไอดอลชาย ในชาติที่แล้ว ที่เธอเคยพบเจอมา อาจจะเรียกได้ว่าหล่อมากแล้ว! แต่เมื่อเปรียบเทียบกันคงแทบจะไม่ได้ถึงครึ่งของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ!
หากพูดกันในภาษาศัพท์ของคนยุคใหม่! ผู้ชายคนนี้หล่อเกินมนุษย์มนาโดยทั่วไปมาก! นี่มันหล่อระดับเทพบุตรชัดๆ!
องค์ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอ มีใบหน้าที่หล่อเหลามาก ใบหน้าคมยาวได้รูป คิ้วคมเข้ม ดวงตากลมโต จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางสีชมพู กรามเป็นสันยาวได้รูปสมชายชาตรี!
และที่น่าแปลกใจมากที่สุดคือ ร่างกายของเขานั้นไม่ได้ดูอ่อนแอเหมือนคนที่ชอบเที่ยวเล่นสนุกเลยแม้แต่น้อย!
เขามีรูปร่างสูงใหญ่และเต็มไปด้วยความลึกลับ เมื่อรวมกับชุดเจ้าบ่าวสีแดงที่เขาสวมใส่ทำให้ดูหล่อมากยิ่งขึ้น!
เมื่อองค์ชายเห็นหลิวจู่เสียน เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเหม่อลอย! ความประหลาดใจก็ฉายแววขึ้นมาในดวงตาสีเข้มของเขา ตามมาด้วยแววตาแห่งความปิติยินดี!
หลิวจู่เสียนขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเล็กน้อย! เธอไม่แน่ใจว่าเธอนั้นเห็นผิดรึไม่? เธอรู้ว่ารูปร่างหน้าตาของเธอค่อนข้างดี แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเมืองหลวง!
เธอเคยได้ยินข่าวว่าเมืองหลวงนั้นมีการจัดอันดับหญิงงามที่มีชื่อเสียงติดอันดับในรายชื่อธิดาสวรรค์! นั่นก็คือ 4 นางงามจากสี่ตระกูลหลัก และ 3 นางอัปสรจากสามตระกูลเสนาบดี!
ข่าวเกี่ยวกับชายหนุ่มและหญิงสาวแห่งเมืองหลวงที่มีความสามารถและหน้าตาดีค่อนข้างโด่งดัง! บ่อยครั้งที่บรรดาสาวใช้รอบๆตัวเธอยังเคยล้อเล่นกับเธอว่า บรรดาหญิงสาวที่ติดรายชื่อหญิงงามแห่งเมืองหลวง จะต้องมีชื่อคุณหนูของพวกเธอติดอยู่ในรายชื่อ หากว่าคุณหนูของพวกเธอนั้นออกไปพบปะและสังสรรค์เข้าร่วมสังคมกับกลุ่มชายหนุ่มและหญิงสาวในเมืองหลวงบ้าง!
แต่ที่คุณหนูของพวกเธอไม่ติดรายชื่อนั่นก็เพราะคุณหนูของพวกเธอนั้นชอบเก็บตัวอยู่ที่บ้านและไม่ได้ออกไปพบเจอผู้คนมากนัก!
แต่หลิวจู่เสียน ไม่ได้เชื่อลมปากของบรรดาสาวใช้รอบๆตัวเธอ! เธอจึงคิดเสมอว่าตัวเธอนั้นอยู่ในระดับของคนหน้าตาดีทั่วๆไป เธอไม่ได้ภาคภูมิใจมากเกินไป และไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาชื่นชอบตัวเธอ และจ้องมองเธอด้วยสายตาเช่นนี้!
แต่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าชายผู้นี้?
ความคิดในหัวของหลิวจู่เสียน ถูกหยุดลงด้วยเสียงของกลุ่มคนโดยรอบ! เมื่อผ้าคลุมใบหน้าของเจ้าสาวถูกยกขึ้น! เสียงตะโกนเชียร์ เสียงโห่ร้อง เสียงหัวเราะ และบรรยากาศอันสนุกสนาน ครึกครื้นก็ดังขึ้นราวกับอยู่ในตลาดสด!
ในสถานการณ์เช่นนี้เธอไม่รู้จะพูดตอบกลับไปอย่างไร! เธอจึงทำได้เพียงแค่ยิ้มและแสดงความมีมิตรไมตรีต่อทุกๆคนที่ส่งเสียงดังโดยรอบ
เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอ! แววตาขององค์ชายก็สว่างสดใสมากยิ่งขึ้น!
ในขณะนั้นเองเด็กชายอายุ 7-8 ขวบ ที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสและมีหน้าตาน่ารักจนคล้ายกับเด็กผู้หญิง รีบวิ่งเข้ามาด้วยรอยยิ้ม เด็กคนนั้นมองขึ้นๆลงๆและเดินวนรอบๆ ตัวหลิวจู่เสียน! หลังจากนั้นก็เดินกลับไปหยุดยืนและกระตุกชายเสื้อของเจ้าชายเบาๆ
“ท่านพี่~! พี่สะใภ้ของข้าคนนี้ดูดีมาก! แต่ก็ยังสวยน้อยกว่าพี่สาวของข้าอยู่ดี!”
“โอ้ว! ใช่ๆ เมื่อพูดถึงพี่สาวของเจ้าชายน้อย ที่เป็นธิดาของเจ้าหญิงอู๋ซวง เธอขึ้นชื่อได้ว่าเป็นหญิงงามที่สุดแห่งเมืองหลวง! นั่นก็จะต้องงดงามมากๆ อยู่แล้ว!”
เสียงของคนที่อยู่ด้านหลัง กล่าวสนับสนุนคำพูดของเด็กชาย!
“ถูกต้อง! เจ้าหญิงหยานมีความสามารถและงดงามปานนางฟ้า ถึงแม้ว่าภรรยาของพี่ชายฉินจะสวยงามมากก็ตาม! แต่ก็ยังคงด้อยกว่าเจ้าหญิงหยานอยู่เล็กน้อย!”
“ความงดงามราวนางฟ้าและพรสวรรค์อันสูงส่งของเจ้าหญิงหยานนั้นอยู่เหนือผู้หญิงทุกๆคน ผู้หญิงธรรมดาย่อมไม่สามารถทัดเทียมได้!”
เมื่อพูดถึงความงามและความสามารถ กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่อยู่โดยรอบต่างพูดคุยกันถึงเจ้าหญิงหยานอย่างออกรส! ซึ่งทำให้เด็กชายตัวเล็กๆรู้สึกภาคภูมิใจ! เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มเย้ยๆ ไปทางหลิวจู่เสียน!
หลิวจู่เสียนนิ่งเฉย ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอันใด! ใบหน้าของเด็กชายนั้นดูไร้เดียงสา แต่แววตาของเขานั้นเจ้าเล่ห์และค่อนข้างจะซุกซน!
การแสดงออกของเขานั้นเหมือนกับว่าเป็นการอวดของเด็กๆ ที่ต้องการอวดว่าพี่สาวของตัวเองนั้นดีกว่า ฉะนั้นหลิวจู่เสียนจึงเพิกเฉย ไม่ได้ใส่ใจมากนัก!
เพียงแค่เธอรู้สึกว่าชื่อเจ้าหญิงหยานและเจ้าหญิงอู๋ซวงนั้นค่อนข้างจะคุ้นหู?
หลังจากนั้นเธอก็คิดออก! เจ้าหญิงอู๋ซวงเป็นธิดาองค์โตของสมเด็จย่า ซึ่งเป็นพี่สาวของฉินอ๋องราชาแห่งเมืองอันหยาง เธอมีความงามที่ไม่มีใครเทียบได้และได้รับการตั้งชื่อเป็นการส่วนตัวว่า“เจ้าหญิงอู๋ซวง” โดยฮ่องเต้องค์เก่า!
ส่วนพระสวามีของเธอที่แต่งงานด้วยนั้นก็เป็นเจ้าชายรูปงามที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน! ทั้งคู่สวยหล่อและมีพรสวรรค์รอบด้าน พวกเขาจึงดูเหมาะสมกัน ราวกับกิ่งทองใบหยก!
ฉะนั้นธิดาของเจ้าหญิงอู๋ซวงจึงได้รับกรรมพันธุ์ของทั้งพ่อและแม่ เธอเกิดมามีความงดงามตั้งแต่อายุยังน้อย! เมื่อโตขึ้นก็มีเจ้าชายจากเมืองต่างๆ มาแอบหลงรักเธออย่างมากมาย ไม่เว้นแม้แต่บุตรชายของเหล่าขุนนางและคหบดีแห่งเมืองหลวง!
ฉะนั้นผู้คนจึงยกย่องว่าเธอนั้นเป็นหญิงงามที่มีความเพียบพร้อมอันดับ 1 แห่งเมืองหลวง!
เสียงพูดคุยและชื่นชมเจ้าหญิงหยานยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง! ในเวลานี้จากการที่ทุกคนมีความต้องการจะมาเข้าร่วมงานเปิดผ้าคลุมใบหน้าของเจ้าสาว! กลับกลายเป็นงานชื่นชมความงามของผู้อื่นต่อหน้าเจ้าสาวไปซะได้!
ในเวลานี้บรรดาขันทีและสาวใช้ที่อยู่รอบๆรู้สึกค่อนข้างจะอึดอัดเล็กน้อย ซีเหนียงที่เป็นผู้นำในการทำพิธีการ พยายามส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดพูด แต่อาจจะเนื่องด้วยความเมาทุกคนจึงไม่ทันได้สังเกตเห็น!
แต่เจ้าชายผู้เป็นเจ้าบ่าวสามารถสังเกตเห็นว่าทุกคนเริ่มพูดจาเลอะเทอะมากเกินไปแล้ว! เขาจึงเริ่มรู้สึกโกรธ จึงหันไปพูดกับทุกคนด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดุ!
“หยุดพูดกันได้แล้ว! พวกเจ้าทุกคนเมากันแล้วช่างพูดจากันได้เลอะเทอะเสียจริง!”
เขากวาดสายตามองผู้คนที่อยู่โดยรอบและพูดต่อไปอีกว่า
“เอาล่ะในเมื่อพวกเจ้าเห็นหน้าเจ้าสาวของข้าแล้ว! ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีและหมดธุระ! เชิญพวกเจ้าออกไปกันได้แล้ว!”
ถึงน้ำเสียงของเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนจะค่อนข้างดุ! แต่ทุกคนโดยรอบก็เป็นเพื่อนที่คบหากันมานาน จึงไม่ค่อยได้จริงจังกับการแสดงออกของเจ้าชายมากนัก!
ด้วยความมึนเมา ทุกคนจึงโห่ร้องและทำท่าทางโค้งคำนับเพื่อล้อเลียนและแสดงออกว่าพวกตนนั้นเป็นข้าทาสผู้ต้อยต่ำ
“ไม่ได้ๆ! ยังออกไปไม่ได้พี่ฉิน! พิธีการยังไม่เสร็จสิ้นเลย! จะรีบไล่พวกเราออกไปได้อย่างไร?”
“ใช่! มันไม่ถูกต้องนะฝ่าบาท! พิธีการแต่งงานยังไม่เสร็จสิ้น! ยังเหลือขั้นตอนสำคัญอยู่อีกหนึ่งขั้นตอน!”
“ใช่ๆๆ! นั่นก็คือการส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเตียงยังไงล่ะ! ฮ่าฮ่า!”
“ถูกต้อง! พวกเรายังไม่ได้แกล้งคู่บ่าวสาวเลย! แล้วจะให้พวกเรากลับไปง่ายๆได้อย่างไร!”
“นั่นน่ะสิ! ต้องรอส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นให้ถึงเตียงก่อน!”
เมื่อได้ยินกลุ่มคนโดยรอบพูดแซวอยากสนุกสนาน! หลิวจู่เสียนก็แกล้งก้มศีรษะลงอย่างเขินอาย! แต่จริงๆแล้วเธอกำลังเก็บซ่อนความอึดอัดใจที่กำลังเปลี่ยนกลายมาเป็นอารมณ์โกรธ! หากคนกลุ่มนี้ยังคงก่อปัญหา พูดจายียวนต่อ
ไป เธอเกรงว่าเธอจะไม่สามารถระงับอารมณ์ความโมโหและเดินเข้าไปชกต่อยคนเหล่านี้ จนกระเด็นออกไปนอกประตูทีละคนได้!
…. ….
จบบท