ตอนที่แล้วตอนที่ 11 – ค้นพบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13 – รูปปั้นที่ถูกทรมาณ

ตอนที่ 12 – ป๋าหนวกหูแล้ว


ดูเหมือนว่าคนสองคนจากชุดของขวัญสำหรับผู้เริ่มต้นจะมีลักษณะที่ทำให้พวกเขาไม่แสดงอารมณ์รุนแรง. ความกังวลหลักของโคลินคือคนใช้สองคนนี้อาจสูญเสียการควบคุมภายใต้อารมณ์รุนแรงที่เกิดจาก "ผู้คร่ำครวญ" จนโจมตีแบบไม่เลือกหน้าและถึงกับหันกลับมาต่อต้านเขา. น่าแปลกที่เขาพบว่า แม้ตัวเขาเองจะไม่สามารถต้านทานอารมณ์ที่จะโจมตีได้, แต่คนใช้ทั้งสองที่แม้จะดูเหมือนได้รับผลกระทบ กลับยังคงยึดมั่นในหน้าที่ ต้องปกป้องเขาโดยไม่สูญเสียสติไป.

เขาสงสัยว่าภูมิคุ้มกันนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับตัวละครที่ได้เข้ามาร่วมเล่นทั้งหมดหรือเฉพาะในชุดของขวัญสำหรับผู้เริ่มต้นเท่านั้นกันแน่. ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือ แม้เขาจะพยายามทำตัวให้อยู่เหนือกว่าพวกคนใช้ แต่ความจริงแล้วทุกคนก็ไม่ต่างกัน. หากเขาสามารถทนต่อแรงกดดันได้ พวกเขาก็สามารถทำได้เช่นกัน การรับรู้ความจริงนี้เกิดจากความรู้สึกเหนือกว่าที่แปลกประหลาดที่เขามี.

โคลินส่ายหัวและตัดสินใจที่จะไม่ครุ่นคิดถึงคำถามที่ไม่มีคำตอบนี้ เขาหยิบน้ำออกมาจากกระเป๋าเป้เพื่อเติมพลังแล้วจึงหยิบม้วนกระดาษออกมา.

“ภารกิจเสร็จสิ้นไปแล้วประมาณสามในห้าส่วน ถ้าไม่มีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น ส่วนที่เหลือน่าจะอยู่ที่ชั้นสอง.”

โคลินถูขมับที่เต้นระรัว เกาหูที่คัน และตัวสั่น. เขาได้ยินเสียงที่น่าสลดใจดังมาจากชั้นสอง. หลังจากที่สัตว์ประหลาดที่ผิดรูปบนชั้นหนึ่งฟื้นขึ้นมา สัตว์ประหลาดบนชั้นสองก็เริ่มโหยหวนตามไปด้วย ผนังและระยะห่างทำให้เสียงเหล่านี้เบาบางลงไป ดังนั้นจึงไม่ได้ทำอันตรายเขามากนักแต่ก็สร้างความรำคาญมาก.

“เป็นอะไรกัน? ทำไมพวกเธอถึงหอนกันเสียงดังจังล่ะ.”

โคลินสูดหายใจเข้าลึกๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หยิบขวานเหล็กและโคมไฟขึ้นมาแล้วพูดว่า “ป๋าคนนี้เริ่มจะทนเสียงรบกวนไม่ไหวแล้วนะเออ...”

“ไปกันเถอะ เมื่อเราจัดการกับพวกกลายพันธุ์บนชั้นสองเสร็จแล้ว เรื่องนี้ก็จะจบลง.”

บันไดที่นำไปสู่ชั้นสองนั้นอยู่ใกล้กับประตูโบสถ์และเป็นบันไดวน โคลินได้เห็นมันมาก่อน ตอนที่เขาจัดการพวกที่อยู่หน้าทางเข้าแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลาค้นหามันมากนัก บันไดนั้นปกคลุมไปด้วยพรมแดงที่หนาทึบไปด้วยฝุ่น โดยแต่ละขั้นจะทิ้งรอยเท้าไว้อย่างชัดเจน.

โคลินเงยหน้าขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสัตว์ประหลาดห้อยลงมาจากเพดานและเฝ้าดูเขา ขณะที่เขาเดินขึ้นบันได ดวงตาของเขาจะมองดูรูปแกะสลักทางศาสนาบนผนังและลวดลายเฉพาะตัวที่ทอด้วยหนามของเถาวัลย์.

รูปแกะสลักนูนต่ำนั้นสึกกร่อนมาก แต่เป็นรูปคนกำลังทำพิธีกรรมชดใช้บาปต่างๆ บางคนมีหนามในขณะที่คลานไปข้างหน้าด้วยเข่า บางคนเดินเท้าเปล่าบนหนามแหลม และบางคนมีหินห้อยอยู่ที่คอในขณะที่ก้มตัวและเดินไป.

แม้รายละเอียดจะหายไปบ้าง แต่โคลินก็บอกได้ว่าพวกเขากำลังทำพิธีสวดมนต์นอกรีตบางอย่างอยู่ คำว่า “ความทุกข์” ผุดขึ้นในใจเขา เช่นเดียวกับร่างของ “มารดาแห่งความทุกข์และหนาม” สิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับรูปแบบหนามและการกระทำของคนในรูปสลักนั้น.

เขาสงสัยว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงนี้เชื่อมโยงกับสถานะปัจจุบันของโลกอย่างไร และอยากรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของโลก แต่ตอนนี้ พวกเขามาถึงชั้นสองแล้ว และโคลินก็วางความคิดของเขาไป.

เค้าโครงของชั้นสองนั้นแตกต่างจากห้องโถงเดี่ยวของชั้นหนึ่ง ทางเดินที่มีห้องหลายห้องอยู่ทั้งสองข้างแทนที่ความว่างเปล่า ประตูห้องเหล่านี้ส่วนใหญ่พัง และเสียงหอนอันน่าขนลุกก็ดังออกมาจากด้านใน

“ห้องจำนวนมากในชั้นสองทำให้ผลของเสียงเจือจางลง ถ้าสัตว์ประหลาดพวกนี้ไปกองอยู่ที่ชั้นหนึ่งหมด มันคงจะยุ่งยากกว่านี้มากแน่.”

โคลินรู้สึกโชคดีที่เมื่อความผิดปกติเริ่มเกิดขึ้น สัตว์ประหลาดดูเหมือนจะวิ่งเตลิดไปทั่ว ทำให้พวกมันอยู่ห่างกัน. เมื่อไม่มีอาหารหรือเหตุผลอื่นใด พวกมันทั้งหมดก็เข้าสู่สภาวะจำศีล ซึ่งเขาเพิ่งจะทำลายมันลงในฐานะคนนอก.

ปัง!

โคลินถีบประตูที่ผุพังให้เปิดออก และแสงก็เผยให้เห็นเสียง "โอดครวญ" เล็กๆ ที่คำรามใส่เขา. ในตอนนี้ โคลินแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจาก "เสียงโวยวายเล็กๆ น้อยๆ" เหล่านี้แล้ว. เขาฟาดขวานของเขาเพื่อคืนความสงบสุขโดยไม่ลังเล.

หลังจากฆ่า “ผู้โอดครวญ” แล้ว เขาไม่ได้ออกไปทันที แต่กลับสำรวจห้องแทน. ห้องนี้ดูเหมือนสำนักงานทั่วๆไปที่มีพื้นที่ยี่สิบตารางเมตรและโต๊ะขนาดใหญ่ แม้ว่าจะเต็มไปด้วยฝุ่น แต่โต๊ะสีน้ำตาลเข้มก็ยังแข็งแรงและอยู่ในสภาพดี โคลินเคาะมัน โดยสังเกตว่าคุณภาพของมันเหนือกว่าของเขาที่กระท่อม.

ความเสียหายเพียงอย่างเดียวคือรอยกัดที่มุมหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งานใดๆ.

“โต๊ะตัวนี้ไม่ต่างกับที่กระท่อมเราเลยนะ.” เขาบ่นพึมพำ เมื่อเห็นเก้าอี้ไม้ที่เข้าชุดกันอยู่ที่มุมหนึ่ง “และเก้าอี้ตัวนี้ก็เช่นกัน”

เมื่อแยกส่วนเฟอร์นิเจอร์ในห้องออกแล้ว เขาจึงนำมันมาใช้แทนของเก่า โคลินเปิดคลังและเก็บโต๊ะกับเก้าอี้เข้าไป ซึ่งใช้พื้นที่สองช่องและมีป้ายติดว่า [โต๊ะมีหนามชำรุดเล็กน้อย] และ [เก้าอี้ไม้มีหนาม].

จากช่องในตอนแรก 16 ช่อง เขาใช้ไปแล้วมากกว่าครึ่ง ช่องแต่ละช่องดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องน้ำหนัก แค่ถูกจำกัดด้วยปริมาณและขนาดเท่านั้น สิ่งของที่คล้ายกันสามารถวางซ้อนกันในช่องเดียวได้ เช่น ขนมปัง น้ำเกรดสาม หรือเนื้อกวาง แต่ไม่สามารถวางโต๊ะและเก้าอี้ได้.

มิฉะนั้น โคลินคงย้ายม้านั่งทั้งหมดจากชั้นล่างไปที่กระท่อมของเขาแล้ว ม้านั่งเหล่านั้นสามารถใช้เป็นเตียงได้และสบายกว่าเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดในกระท่อมไม้ของเขามาก.

แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการเก้าอี้เพิ่ม แต่การขายให้กับผู้รอดชีวิตคนอื่นอาจทำให้เขาได้เงิน. “ใจของเราเริ่มล่องลอยไปมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว” เขาคิดในใจ เมื่อรู้ตัวว่าต้องพักผ่อนเร็วๆ นี้เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดฟุ้งซ่านเพิ่มเติมและจะได้มีสติพร้อมอยู่ตลอดเวลา.

เขาสังเกตเห็นว่าสภาพจิตใจของเขากำลังเสื่อมถอยลง ซึ่งเห็นได้จากสถานะ [ความเสียหายทางจิตเล็กน้อย] บนแถบสถานะของคนใช้ของเขา. พวกเขากำลังสูญเสียสติสัมปชัญญะและต้องการพักผ่อนทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงอาการสติหลุดขั้นรุนแรงและความสามารถในการปัดป้องการโจมตีที่ลดลง.

แม้จะเป็นเช่นนี้ การล่าก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างเป็นระบบ น่าเสียดายที่ห้องจำนวนสิบห้องที่โคลินเข้าไปส่วนใหญ่ว่างเปล่าหรือมีสิ่งของที่เสียหายอย่างรุนแรง สิ่งของที่ดีที่สุดอยู่ในคลังของเขาอยู่แล้ว.

“เสียดายที่การขยายเป้สะพายหลังต้องใช้คะแนนหมอกมากกว่าร้อยคะแนน ไม่งั้น ฉันจะปล้นที่นี่ให้เหี้ยน...”

โคลินถอนหายใจ เสียใจที่พื้นที่เก็บของมีน้อย แม้แต่ของที่พังก็ยังขายได้หรือใช้เป็นฟืนได้ เนื่องจากไม้ที่แน่นกว่าจะเผาไหม้ได้นานกว่า.

“ห้องถัดไป ไปกันเถอะ”

โคลินเดินนำออกไปจากห้อง แต่จู่ๆ ก็หยุดนิ่ง. ไม่มีห้องอื่นอยู่ข้างหน้าแล้ว. พวกเขามาถึงปลายทางเดินแล้ว เหลือเพียงหน้าต่างบานหนึ่ง ซึ่งด้านหลังมีหมอกสีเทาอันน่ากลัวที่ส่องแสงจางๆ.

ไม่มีทางให้ไปต่อแล้ว.

*ขอเปลี่ยนจากทาสเป็นคนใช้แทนครับ*

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด