ตอนที่แล้วบทที่ 4 การเกิดใหม่!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6 ความโกลาหล

บทที่ 5 เจ้าชายฉินเสี่ยวเทียน


บทที่ 5 เจ้าชายฉินเสี่ยวเทียน

หลังจากซ่อมแซมผ้าปูที่นอนที่ขาดเสร็จแล้ว หลิวจู่เสียนยื่นมือออกไปก็ลูบดอกไม้ที่เธอปักไว้บนผ้าปูที่นอนเบาๆ และถอนหายใจอีกครั้ง!

ผู้หญิงที่ไม่สามารถแม้จะปักครอสติสแบบง่ายๆ ได้ในชีวิตก่อน แต่ตอนนี้สามารถปักรูปดอกไม้ที่ดูเหมือนจริงได้ตามต้องการ นี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเรียนรู้บวกกับความพยายามของเธอ

การที่เธอเรียนรู้เกี่ยวกับงานฝีมือหลายๆอย่าง ไม่ใช่เพราะว่าเธอต้องการแสดงความสามารถเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคนให้ใครเขาเห็นว่าเธอนั้นเหมาะกับการเป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่ที่เธอพยายามเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเธอต้องการแสดงออกให้ทุกคนได้เห็นว่า ถึงจะเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆก็มีความสามารถที่เหนือกว่าผู้ชายได้

ด้วยแนวคิดของคนยุคใหม่ เธอจึงต้องการแสดงศักดิ์ศรีของผู้หญิงให้คนในยุคนี้ได้รู้ว่า ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่มีผู้ชายเข้ามาดูแลพวกเราก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้อย่างแน่นอน!

แต่โดยไม่คาดคิด ในบางครั้งเส้นทางชีวิตก็ไม่สามารถฝ่าฝืนการลิขิตของโชคชะตาได้ ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามฝึกฝนตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม!

โดยที่ไม่ทันจะได้มีอิสระในการดำเนินชีวิต เธอก็ต้องโดนบังคับให้แต่งงาน ซ้ำร้ายคนที่เธอแต่งงานด้วยยังเป็นคนเลวทราม ที่มีชื่อเสียงเสื่อมเสียอีก

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยได้ออกไปไหน แต่เธอก็ได้ยินการกระทำอันเลวร้ายของเขาผ่านหูมาบ้าง! เจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนผู้นี้มากด้วยตัณหา เขาจะบังคับลักพาตัวเด็กสาวสวยๆที่เขาถูกใจเพื่อพากลับไปที่คฤหาสน์ของเขา!

เมื่อใดก็ตามที่พวกผู้หญิงที่ดีได้ยินว่าเจ้าชายฉินเสี่ยงเทียนอยู่ในเมืองหลวง ผู้หญิงทุกคนที่อยู่ในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร ก็จะรีบวิ่งหนีไปโดยเร็วเพราะกลัวว่าเจ้าชายจอมขี้โกงคนนี้จะมาจับตัวไป!

เพราะทุกคนในเมืองหลวงต่างทราบดีว่า ราชาแห่งเมืองอันหยางมีอิทธิพลมากและคอยให้ท้ายเจ้าชายอยู่เสมอ มิหนำซ้ำเจ้าชายยังได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อีกด้วย

แล้วเธอจะต้องแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้จริงๆหรือ? หลิวจู่เสียนคิดสับสนและรู้สึกเป็นกังวลอยู่ในใจ….

ไม่ว่าหลิวจู่เสียนจะสับสนและอึดอัดเพียงใดเธอก็จะต้องแต่งงานกับเจ้าชายในอีก 2 เดือนข้างหน้า

สิบวันหลังถัดจากข้อกำหนดการแต่งงาน ได้มีการจัดแจงโยกย้ายเลื่อนตำแหน่งขุนนาง และหลิวเจิ้งหยางก็ติดอยู่ในรายชื่อที่ได้เลื่อนขั้นเป็นข้าราชการระดับ 5 ตำแหน่งปราชญ์บัณฑิตของสถานศึกษาฮันหลิน

ทุกคนไม่แปลกใจกับผลลัพธ์นี้ เชื่อกันว่าในอนาคตอันใกล้นี้เมื่อสถาบันฮันหลินมีการโยกย้ายตำแหน่งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลิวเจิ้งหยางคงจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นปราชญ์มหาบัณฑิต และก้าวเข้าสู่ตำแหน่งเสนาบดีอย่างเต็มตัว

ฉะนั้นในช่วงเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นญาติสนิทญาติห่างๆ รวมถึงกลุ่มเพื่อนและคนรู้จัก ต่างก็รีบนำของขวัญเข้ามาแสดงความยินดีที่คฤหาสน์ตระกูลหลิว เพื่อหวังสร้างความสนิทสนมให้มากยิ่งขึ้น!

และแน่นอนว่าในเมื่อมีคนร่วมแสดงความยินดี ก็จะต้องมีคนที่แอบอิจฉาและดูหมิ่นหลิวเจิ้งหยางอยู่ด้วย!

โดยคิดว่าเขาขายลูกสาวของตัวเองเพื่อสร้างความโปรดปรานต่อเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียน! ไม่เช่นนั้นด้วยคนอย่างเช่นหลิวเจิ้งหยางที่ไม่มีผู้หนุนหลังและเส้นสายใดๆ ก็คงจะเป็นได้เพียงแค่คณบดีในสถานศึกษาไปจนตาย

หลิวเจิ้งหยางทักทายทุกคนอย่างสุภาพ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ภายในใจของเขานั้นกลับตรงกันข้าม เขารู้สึกไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย!

หากจะให้แลกกันระหว่างลูกสาวของเขาและให้เขาถูกปลดจากตำแหน่งในตอนนี้ เขาก็ยินดีจะยอมแลกในทันที! แค่คิดว่าลูกสาวของเขานั้นจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการแต่งงานกับเจ้าชายที่แสนจะเลวร้าย มันก็ไม่ต่างจากปล่อยให้ลูกสาวของเขากระโดดลงกองไฟ

ในขณะที่ภายนอกคฤหาสน์ค่อนข้างจะยุ่งวุ่นวายเล็กน้อย หลิวจู่เสียนก็กำลังนั่งตัดเย็บชุดแต่งงานด้วยท่าทางสงบในสวนดอกไม้ของเธอ

และแน่นอนว่าพี่สาวคนโตและพี่สาวคนที่สองที่แต่งงานแล้ว รวมถึงพี่น้องและสะใภ้ทุกๆคนต่างก็กลับมาพูดปลอบใจเธอ

เมื่อพี่น้องทุกคนของเธอที่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต่างสาปแช่งตระกูลฉินอย่างดุเดือด! การใช้อำนาจขององค์ฮ่องเต้เพื่อบีบบังคับผู้คนนั้นช่างน่ารังเกียจเป็นอย่างมาก!

หลิวจู่เสียนแค่นั่งฟัง และไม่ได้เข้าร่วมเพื่อที่จะไม่ไปกระตุ้นความโกรธของทุกคนเพิ่มเติม เพราะหากพูดกันตามตรงแล้วเหล่าพี่น้องของเธอทุกคนยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นเลือดร้อน! ซึ่งไม่แน่ว่าหากพวกเขาโมโหจนขาดสติขึ้นมา! อาจจะเป็นเหตุให้พวกเขานั้นไปทำเรื่องใหญ่ที่ไม่สามารถแก้ไขได้!

พี่ชายคนโต, พี่ชายคนที่สอง และพี่ชายคนที่สาม ของเธอแต่งงานแล้ว ส่วนพี่สะใภ้แต่ละคนก็มีบุคลิกที่แตกต่างกัน นางหลี่พี่สะใภ้คนโตเป็นคนใจกว้างในขณะที่ปลอบเธออย่างอ่อนโยนเธอก็ป้องกันไม่ให้สามีพูดอะไรที่จะทำให้ท่านพ่อเดือดร้อน พี่สะใภ้คนที่สองเป็นคนนิสัยเรียบร้อยและเงียบๆ เธอจะนั่งฟังและแสดงความคิดเห็นบ้างเล็กน้อย

นางหวังพี่สะใภ้คนที่สามเป็นคนที่พูดเก่ง บางครั้งเธอจะพูดอะไรที่เกินเลยโดยไม่ทันยังคิด ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนดีแต่ประโยคคำพูดแต่ละคำทำให้ผู้ฟังรู้สึกไม่ค่อยจะสบายใจนัก!

ถึงแม้ว่าหลิวจู่เสียนจะชอบเวลาพี่น้องและทุกคนมารวมตัวกัน แต่บางครั้งก็จะรู้สึกค่อนข้างปวดหัวเล็กน้อย กับบรรดาพี่สะใภ้ของเธอ!

หากจะพูดไปแล้วไม่มีใครในตระกูลหลิวยินดีกับการแต่งงานของเธอในครั้งนี้ โดยปกติแล้วก็ไม่มีใครชอบเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนอยู่แล้ว และเมื่อทุกคนรู้ถึงสาเหตุของการแต่งงาน ทุกคนต่างก็ยิ่งเกลียดมากขึ้นไปอีก!

แต่อย่างไรก็ตามนี่คือการแต่งงานที่เป็นพระราชกฤษฎีกาของฮ่องเต้ ไม่ว่าทุกคนจะรู้สึกไม่เต็มใจอย่างไร พวกเขาก็ไม่สามารถขัดขืนคำสั่งและพูดจาดูหมิ่นต่อหน้าคนอื่นๆได้

เพราะในยุคโบราณ องค์จักรพรรดิ์ผู้ครองแผ่นดินคือสมมติเทพ กล่าวคือเป็นเทพเจ้าผู้ปกครองแผ่นดินที่ประชาชนผู้อยู่ใต้การปกครองทุกคนต้องคุกเข่าลงกราบไหว้เพื่อทำความเคารพ

‘สติปัญญา, ความเมตตา, ความยุติธรรม, การวางตัวอันเหมาะสม, ความไว้วางใจ, ความภักดี, ความกตัญญู, ความซื่อสัตย์, ความละอาย และความกล้าหาญ’

ล้วนเป็นคุณสมบัติทางศีลธรรมที่จารึกไว้ในกระดูกและกฎเกณฑ์ที่วิสุทธิชนกำหนดไว้เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะกบฏและฝ่าฝืนพระราชโองการ!

“พี่จู่เสียน! ทำไมพี่ไม่พูดอะไรบ้างเลย หรือว่าพี่อยากจะแต่งงานกับเจ้าชายฉิน คนเลวคนนั้น?”

หลิวเย่เฉิน หนึ่งในน้องชายฝาแฝดคนสุดท้อง แสดงความคิดเห็นและถามออกมาด้วยสีหน้าวิตกกังวล หลิวเส้าหมิงแฝดผู้น้องที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้าหงึกหงัก เพราะว่าทั้งคู่เห็นว่าพี่สาวของตนนั้นสงบนิ่งมากเกินไป

หลิวจู่เสียนยิ้มบางๆให้กับน้องชายฝาแฝดของเธอ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“น้องสี่น้องห้า! พี่ไม่เต็มใจจะแต่งงานกับเจ้าชายฉินแห่งเมืองอันหยางแน่นอน! แต่ก็อย่างที่ทุกคนรู้ ว่านี้คือพระราชโองการของฮ่องเต้!”

หลิวจู่เสียนอธิบายอย่างใจเย็น

หลิวเย่เฉินและหลิวเส้าหมิง น้องชายฝาแฝดที่สนิทกับหลิวจู่เสียน รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นการแสดงออกที่สงบนิ่งมากเกินไปของพี่สาว!

เมื่อก่อนทั้งคู่รู้สึกดีที่มีพี่สาวที่มั่นคงและสงบนิ่ง เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อให้ท้องฟ้าถล่มแผ่นดินทลายก็ยังทำให้รู้สึกได้ถึงความมั่นใจที่มีพี่สาวแบบนี้อยู่ข้างๆ

แต่เวลานี้ทั้งคู่ต่างรู้สึกค่อนข้างจะหงุดหงิดมาก พวกเขาอยากจะจับเธออุ้มขึ้นมาเขย่า และตะโกนถามว่า ‘นี่มันอนาคตทั้งชีวิตของพี่นะ จะนิ่งเฉยอยู่แบบนี้ได้ยังไง? ควรจะต้องมีปฏิกิริยามากกว่านี้สิ (-_-’)’

“ทุกคนข้าจะปักชุดแต่งงานต่อ! หากถึงวันแต่งแล้วชุดแต่งงานไม่เสร็จ คนอื่นเขาจะหัวเราะเยาะคนตระกูลหลิวของเราได้!”

หลิวจู่เสียนยิ้มให้ทุกคนขณะที่พูด ซึ่งมันเป็นการไล่ทุกคนให้ออกไปทางอ้อมนั่นเอง

เธอกังวลว่าถ้าพี่ๆน้องๆเหล่านี้ยังคงอยู่และพูดกระตุ้นเธอมากเกินไป เธอจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และเผลอทุบโต๊ะจนพังย่อยยับคามือขึ้นมา! นั่นคงจะต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน!

ดังนั้นทุกคนควรรีบกลับไปได้แล้ว!

พูดตามตรงทุกคนต่างคิดผิดเกี่ยวกับเธอ ไม่ใช่ว่าเธอนั้นไม่รู้สึกอะไรเลย ตรงกันข้ามเธอนั้นรู้สึกหงุดหงิดและโมโหมากกว่าใครๆ เพราะมันคือตัวเธอเองที่ต้องแต่งงานกับเจ้าชายนิสัยเสียคนนั้น!

เพียงแต่ว่าด้วยประสบการณ์ของสองชีวิตได้สอนให้เธอมีความอดทนและสงบสติอารมณ์โดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและควบคุมไม่ได้ เธอก็ควรที่จะรักษาจิตใจให้นิ่งเป็นปกติไม่เช่นนั้นหากเธอโกรธแล้วไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ อาคารบ้านพักของเธอคงจะถูกรื้อถอนออกไปทั้งหลังอย่างแน่นอน….

หลังจากส่งทุกคนที่กลับมาบ้านพ่อแม่ของเธอเพราะความเป็นห่วงเธอ ออกจากออกจากอาคารที่พักส่วนตัวของเธอแล้ว หลิวจู่เสียนก็นั่งอยู่ในศาลาในสวนน้ำตกจำลอง โดยมีแท่นปักผ้าอยู่ข้างหน้า เธอมองดูดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิในสวนอย่างมึนๆ งงๆ

ดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิส่องแสงแดดอ่อนๆ ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าและสายลมในฤดูใบไม้ผลิก็อบอุ่นและอ่อนโยนมาก สิ่งที่ดีที่สุดในฤดูนี้คือการจิบชงชา ทานของว่าง นั่งเล่น ฟังเสียงนกร้องเพลง ฟังเสียงของสายลมที่พัดกิ่งไม้ใบไม้ไหวและมองดูท้องฟ้าที่แสนจะสดใส อย่างเกลียจคร้าน มันช่างเป็นความรู้สึกที่วิเศษมาก! แต่มันช่างน่าเสียดายจริงๆ…..

โม่จูยืนข้างๆอย่างเงียบๆ รินชาให้แก่นายหญิงของเธอด้วยท่าทางที่สงบ

หลิวจู่เสียนนั่งนิ่งเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็หั่นสายตากลับไปที่แท่นปัก ในฤดูใบไม้ผลินี้ในสวนบรรยากาศช่างสวยงาม

ตั้งแต่เด็กเธอไม่ชอบให้ใครมารบกวน เธอจะสั่งคนรับใช้ของเธอให้ออกจากสวนทั้งหมดแล้วเธอก็นั่งทำสิ่งที่เธอชอบในสวนกับโม่จู จนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เด็กสาวคนอื่นๆมักจะเก็บตัวอยู่ในห้อง เพื่อทำการเย็บปักถักร้อย แต่เธอมักจะนำสิ่งต่างๆออกมาทำในสวนน้ำตกจำลองเพื่อชื่นชมและใกล้ชิดธรรมชาติ มันทำให้อารมณ์ของเธอสงบและสดชื่นเป็นพิเศษ

“พี่โม่จู! ทุกคนต่างรู้สึกไม่ดีกับการแต่งงานในครั้งนี้!”

หลิวจู่เสียนกล่าวขณะร้อยด้ายบนแท่นปัก! โม่จูมีท่าทีสงบและพูดอย่างใจเย็น

“ข้าเองก็รู้สึกไม่ดีด้วยเช่นกันค่ะคุณหนู! แต่ไม่ว่าจะอย่างไรโม่จูก็เชื่อว่าคุณหนูจะต้องมีทางแก้ปัญหานี้ได้!”

“โอ้! ทำไมล่ะ?” หลิวจู่เสียนเลิกคิ้วขึ้นและหันไปยิ้มให้กับโม่จู

“เพราะคุณหนูมีพลังมาก แม้แต่ระดับขุนศึกขุนพลก็ไม่น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของคุณหนูได้! ข้าเชื่อว่าต่อให้เจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนจะเกเรมากเพียงใด ก็คงจะไม่ต่างจากเด็กน้อยในมือของคุณหนู!”

สาวใช้โม่จู ที่เป็นสาวใช้คนสนิทของหลิวจู่เสียน รู้จักนิสัยนายหญิงตัวน้อยๆของเธอดี ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูเป็นคนสงบเรียบร้อยและสง่างามมาก แต่จริงๆแล้วเธอมีบุคลิกที่ซุกซน ไม่ยอมใคร หากมีใครสร้างความขุ่นเคืองให้คุณหนูของเธอ เธอเชื่อแน่ว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส!

“...”

“พี่โม่จู! ท่านใจร้ายมาก! ท่านเห็นข้าเป็นคนที่ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาอย่างนั้นเหรอ?”

หลิวอยู่เสียนทำหน้ามุ่ยและชำเลืองมองโม่จูด้วยสายตาเคืองๆ

หลังจากนั้นเธอก็ยังคงปักเย็บชุดแต่งงานต่อไป แต่เธอก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก เพราะอย่างน้อยๆโม่จูก็พูดถูก เธอยังมีพลังอันแข็งแกร่งที่เป็นไพ่ตายใบสำคัญของเธออยู่! เธอเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าในโลกนี้คงจะไม่มีใครสามารถรังแกเธอได้ ต่อให้เป็นเจ้าชายอันธพาลคนนั้น หากเขากล้าทำให้เธอโกรธ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการเขาด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หลิวจู่เสียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอีกครั้ง เธอไม่ได้คาดคิดว่าพลังงานอันมหาศาลที่ทำให้เธอใช้ชีวิตปกติค่อนข้างลำบากมานาน จะกลายมาเป็นไพ่ตายและหลักประกันชีวิตของเธอในช่วงเวลาวิกฤต!

แต่ในทันใดนั้น! หลิวจู่เสียนที่มีความแข็งแกร่งและมีประสาทรับรู้อันยอดเยี่ยม ก็สัมผัสได้ว่ามีคนแอบจ้องมองเธออยู่?

เธอจึงหันไปมองที่กำแพงทางด้านหลัง! เธอเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง แอบอยู่บนกำแพงและกำลังจ้องมองมาที่เธอ สายตาของเขาที่มองมายังเธอนั้นค่อนข้างจะแข็งค้างและเหม่อลอย!

ถึงแม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลมากนัก แต่ด้วยเป็นทิศทางที่มองย้อนแสง ทำให้มองเห็นใบหน้าได้ไม่ค่อยชัดเจน แต่ก็ยังสามารถมองเห็นลักษณะเด่นๆของเขาได้อยู่หลายอย่าง โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับผม ที่สะท้อนกับแสงแดดนั้นดูมีค่ามาก!

ในขณะเดียวกันเมื่อชายคนนั้นเห็นเธอมองมาที่เขา เขาก็ยิ้มกว้างออกมาในทันที!

หลิวจู่เสียนทั้งตกใจและโกรธแต่ใบหน้าของเธอยังคงสงบและสง่างาม เธอหยิบถ้วยชาบนโต๊ะแล้วโยนมันใส่ชายคนนั้นโดยไม่ได้ใช้แรงมากนัก แต่ถ้วยชาก็ยังบินตรงไปชนหัวกับชายผู้นั้นราวกับว่ามันมีตา

“โอ๊ยยย!” เสียงร้องของชายคนนั้นดังขึ้น พร้อมกับมีเสียงตกลงจากกำแพงไปกระแทกพื้น!

“ท่านชายเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” เสียงถามด้วยความตื่นตกใจดังมาจากอีกฟากหนึ่งของกำแพง? น่าจะเป็นคนรับใช้ของชายผู้นั้น!

“เจ้าหัวขโมยจากที่ใดกัน? ช่างกล้านัก!”

หลิวจู่เสียนตะคอกออกมาด้วยความโกรธ หลังจากนั้นเธอก็รีบเดินตรงไปที่ข้างกำแพงเพื่อแอบฟังเสียงเงียบๆ

ทางด้านนอกอีกฝั่งของกำแพงบ้านตระกูลหลิวที่เป็นตรอกเล็กๆ มักจะไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน ด้วยความที่มีร่มไม้อยู่ทั้งสองข้างทาง หากไม่สังเกตให้ดีๆก็จะไม่มีคนเห็น

“ท่านชาย! ท่านทำเช่นนี้มันไม่ค่อยจะดีนะขอรับ…. หากท่านอ๋องทรงทราบ จะถูกลงโทษสถานหนักเอานะขอรับ!”

คนรับใช้พูดเตือนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา!

“ฮึ! ข้าไม่สน! ถ้าเขารู้ก็ปล่อยให้เขารู้ไป! ข้าไม่เข้าใจบิดาของข้าเลยจริงๆ! ว่าทำไมจู่ๆถึงได้ไปทูลขอผู้หญิงกับท่านลุงฮ่องเต้เพื่อให้แต่งงานกับข้าได้!”

“ซ้ำร้ายข้าเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าสาวเป็นใคร? ข้าก็จำเป็นจะต้องมาดูให้เห็นกับตา ถ้าหากชายาของข้าในอนาคตเป็นคนขี้ริ้วขี้เหร่ขึ้นมาจะทำอย่างไร? ข้าไม่เสียเปรียบแย่หรอกหรือ? เขาใจร้ายมากที่ขับไล่สาวๆ ออกจากจวนของข้าจนหมด! นั่นคือของสะสมที่ข้าทำงานหนักมาหลายปีเลยนะ!”

เสียงของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคืองเมื่อพูดถึงของสะสมของเขา!

“ท่านชายแล้วท่านเห็นว่าที่พระชายาหรือไม่ขอรับ?” คนรับใช้รีบถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

“...”

“หือ! แล้วเหตุใดท่านชายถึงหน้าแดงเช่นนั้นล่ะ?”

“เฮ้!! อันชุน! เจ้านี่ช่างพูดมากน่ารำคาญจริงๆ! รีบมาช่วยข้าเร็วๆเข้า!”

“ขอรับๆ!”

เสียงพูดคุยและเสียงกุกกักดังมาจากอีกด้านของกำแพง หลังจากนั้นเสียงของฝีเท้าก็ค่อยๆหายไป แต่เสียงที่พูดคุยกันของคนทั้งสองแม้จะเบาลง แต่ก็ยังสามารถได้ยินค่อนข้างจะชัดเจน

“ว่าแต่…. เมื่อครู่นี้! ทำไมท่านชายจึงได้ตกลงมาจากกำแพงได้ล่ะขอรับ?” เด็กรับใช้ที่ชื่ออันชุนยังคงถามต่อ

“หุบปากซะ! ถ้าเจ้ายังถามจุกจิกจู้

จี้อยู่อีก! กลับไปข้าจะให้ราชทัณฑ์เฆี่ยนหลังเจ้าให้ลายเลย!”

“ขอรับๆ ข้าน้อยผิดไปแล้ว! ท่านชายได้โปรดอย่าขุ่นเคืองเลยขอรับ!”

…. …

จบบท

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด