บทที่ 48: เดือดร้อน
ภายในร้านนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวายสุดขีด
สมาชิกของกลุ่มอัลทิเมทัมค่อยๆ เบียดตัวผ่านฝูงชนที่แน่นขนัดอยู่ตามทางเดิน
ไม่มีตรงไหนเลยที่ปราศจากชาวมูชและมนุษย์ รวมถึงสิ่งมีชีวิตเตี้ยป้อมที่ดูคล้ายคนแคระเดินปะปนกันไป
ทุกคนดื่มจนเมาเละ และถือถังเหล้าไว้ในมือ ขณะเดินวนไปมาในร้าน
เครื่องดื่มถูกสาดกระจายไปทั่ว เสียงหัวเราะและบทสนทนาก้องกังวานในบรรยากาศ
บริกรเร่งรีบเดินสวนฝูงชนในทางเดิน พยายามไม่ทำเครื่องดื่มหกท่ามกลางความวุ่นวาย
ทั้งหกคนในที่สุดก็มาถึงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่ ที่มีบาร์เทนเดอร์ชาวมูชหกคนคอยให้บริการ
ฮันโซเป็นคนนำทีม เขาทุบมือลงบนเคาน์เตอร์ทันทีที่มาถึง
“ให้ตายสิ! นี่แหละเหตุผลที่ฉันเกลียดมาที่นี่ทุกครั้ง... วุ่นวายชะมัด” เขาพูดพึมพำด้วยความหงุดหงิดอย่างหนัก
ซิลเลียกับเออร์วิลหัวเราะเบาๆ กับท่าทีสิ้นหวังของเขา
“โมอัล!” ฮันโซตะโกนลั่น ทำให้บาร์เทนเดอร์คนหนึ่งหยุดชงเครื่องดื่มและเดินมาหาชายร่างเล็ก
“ฮันโซ! ไม่เจอกันนานเลยเพื่อน!” ชาวมูชยิ้มกว้าง ใบหน้าสีเขียวอ่อนสว่างไสวด้วยความดีใจ เขาเป็นมูชร่างสูงที่สวมเสื้อกั๊ก
“ไม่ต้องพิธีรีตรองมาก ฉันเหนื่อยเกินจะมาเล่นอะไรพวกนี้ เรามาที่นี่เพื่อเควสต์ดันเจี้ยนทรูอิด ที่ส่งมาจากราชวงศ์ร็อคเซลไฟน์” ฮันโซพูดด้วยท่าทางไร้ความประทับใจ
“ไม่มีปัญหา เดินทางมาเหนื่อยใช่ไหม ท่านมิเชล กัลลาลอฟจะมาถึงอีกสองวัน ระหว่างนี้พวกเจ้าควรพักผ่อนก่อน ที่พักของพวกเจ้าอยู่ที่ 102 ห้องบนสุด” โมอัลตอบ ก่อนยื่นแผ่นทองคำเล็กๆ ห้าแผ่นให้
ฮันโซรับแผ่นทองมา แต่ขมวดคิ้วทันที “ห้า? นายไม่เห็นรึไงว่าพวกเรามีกันหกคน?”
“หกคน?” โมอัลถามพลางมองซ้ายขวา “ไม่เลย ฉันเห็นแค่ห้าคน”
ฮันโซหันกลับไป ‘ชิ...’ เขาคิดในใจขณะยื่นมือไปหาไทร์
แต่สิ่งที่เขาคว้าได้กลับเป็นอากาศ เพราะไทร์หายไปจากจุดที่เขาเคยอยู่เมื่อครู่
“หะ? เขาไปไหนซะแล้ว?” ฮันโซพูดเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด “ทุกอย่างมันดูแย่ไปหมดเลยวันนี้…” เขากัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
ทันใดนั้น เขาก็คว้าคอเสื้อโมอัลดึงเข้ามาใกล้
ชาวมูชร้องเสียงหลง คางของเขาเกือบจมหายไปในคอเสื้อเพราะถูกดึงเข้าใกล้หน้าฮันโซเพียงไม่กี่นิ้ว
“เอามาอีกอัน” ฮันโซพูด ก่อนปล่อยมือแล้วหันไปหาเพื่อนร่วมทีม จากนั้นเขายื่นแผ่นทองอีกสี่แผ่นให้พวกเขา
“พวกนายไปทำอะไรก็ได้ตามใจ ฉันจะไปหาไทร์” เขาพูด ขณะที่คนอื่นๆ ดีใจและเริ่มแยกย้าย
“เฮ้” โจนัสเป็นคนเดียวที่ยังคงอยู่
ฮันโซหันกลับมาเผชิญหน้าเขา “มั่นใจนะว่าเขาจะไม่ก่อเรื่อง? เขาเพิ่งสร้างข่าวลือกับกิลด์พ่อค้าดำ แล้วที่พวกนั้นยังไม่ลากเขาไปขังในห้องใต้ดินก็เพราะพวกเรารีบหนีจากดรานซ์ทันที และอยู่ในการเคลื่อนไหวตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา” โจนัสพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันรู้” ฮันโซตอบเรียบๆ
โจนัสจากไปไม่นาน หลังจากนั้น ฮันโซได้รับแผ่นทองอีกหนึ่งอัน ก่อนเริ่มออกตามหาไทร์
“แน่นอน ฉันคิดได้เหมือนมนุษย์! นายถามแบบนี้เป็นพวกเหยียดเผ่าพันธุ์หรือไง!? ไอเดียนั้นมันตกยุคไปแล้วตั้งนาน! ตื่นตัวซะบ้าง ไอ้บ้าเอ๊ย!” ชายร่างเล็กตะโกนใส่ไทร์ ขณะมือเขายังถือแก้วเหล้าที่เริ่มหกเลอะเล็กน้อยเพราะความโมโห
พวกเขาอยู่กันคนละฝั่งของร้านตอนนี้
ชายร่างเล็กสวมหมวกไหมพรมกับเสื้อผ้าช่างตีเหล็ก ไทร์มองเขาในแวบแรกก็คิดว่าเขาเป็นคนแคระ
เขามีหนวดเคราสีน้ำตาลยาว ขนตาหนา จมูกกลมใหญ่ และผิวสีทองแดง
“โดเด็น? นั่นคืออะไร?” ไทร์ถามด้วยความสงสัย
“อาณาจักรของคนแคระไง!” ชายคนแคระตอบอย่างโมโห
ชาวมูชคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านได้ยินเข้า เขาตะโกนมาแบบเมาๆ “เราไม่ได้อยู่ในโดเด็นหรอก เจ้าคนโง่!” ก่อนเดินจากไป
“หะ! นายว่าอะไรนะ!? ให้ตายสิ ไอ้เห็ดเดินได้! สมองนายเต็มไปด้วยฟังไจหรือยังไง!?” ชายคนแคระตะโกนใส่
ไทร์อึ้งไป “หะ? เมื่อกี้นายบอกว่าเลิกเหยียดเผ่าพันธุ์แล้วไม่ใช่เหรอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก
ชายคนแคระหันกลับมามองไทร์ “ให้ตายเถอะ เจ้าลิงไร้ขนเอ๊ย!” เขาโพล่งออกมา แล้วเดินกะเผลกออกไป
“อะไรนะ? นายก็เหมือกับพวกเรานั่นแหละ แค่เตี้ยกว่า!” ไทร์ตะโกนไล่หลังไป
ชายคนแคระชูนิ้วกลางให้ไทร์ก่อนหายไปในฝูงชน
ไทร์ลุกขึ้นจากท่าทางนั่งยอง “ให้ตายสิ...” เขาพึมพำ “ดูเหมือนว่านิ้วกลางจะเป็นภาษาสากลสำหรับคำว่า ‘ไปตายซะ’ ในทุกดาวเคราะห์สินะ”
ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงลึกและทรงอำนาจดังมาจากด้านหลัง “หลีกไป”
ไทร์หันหลังไปดู พบมูชร่างสูงใหญ่ยืนอยู่เหนือเขา
เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวที่มีลวดลายทองปักอยู่ ดูสง่างาม สูงถึง 7 ฟุต
ก่อนที่ไทร์จะตอบสนอง ชายคนนั้นเดินผลักไทร์จนเซ แล้วเดินต่อไป
ข้างหลังเขามีผู้คุ้มกัน 3 คนที่สูงใหญ่ไม่แพ้กัน ถือดาบในฝักและสวมเกราะเหล็ก
มูชร่างสูงเดินต่อไปขณะที่ผู้คนเริ่มสังเกตเห็นเขา สีหน้าที่เคยยิ้มแย้มเริ่มกลายเป็นหวาดหวั่น
ทุกคนเปิดทางให้ชายผู้นั้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนสำคัญ
ร่างกายของไทร์แทบจะตอบสนองโดยอัตโนมัติเมื่อโดนดูถูก แต่เขากำหมัดแน่นและพยายามยับยั้งตัวเอง
‘ฉัน... ไม่ควรมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะตอนเพิ่งมาถึงที่นี่’ ไทร์คิดในใจ ‘คนอื่นๆ ดูตื่นเต้นกับเควสต์นี้เหมือนมันเป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิต ฉันจะไม่ทำลายมันให้พวกเขา...’
ขณะที่ฝูงชนเปิดทางให้มูชร่างสูงเดินไปทางออก คนแคระคนหนึ่งดูเหมือนไม่ได้รับรู้เหตุการณ์ ยังคงยืนอยู่กลางทาง
ไทร์หรี่ตามอง ‘นั่นคือคนที่ฉันเพิ่งคุยด้วยนี่นา...’
เมื่อมูชร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ เขาเหยียบลงบนหลังของคนแคระอย่างไม่สนใจ
“โอ๊ย!” คนแคระร้องเสียงหลง แก้วเครื่องดื่มในมือหลุดตกพื้น
“สิ่งมีชีวิตไร้ค่า...” มูชร่างสูงพูดอย่างรังเกียจ เดินผ่านไปโดยที่ผู้คุ้มกันของเขาเหยียบซ้ำหลายครั้ง
ความเงียบงันปกคลุมทั่วบริเวณ ใบหน้าของผู้คนเต็มไปด้วยความกังวล ดวงตากวาดมองไปรอบๆ อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
คิ้วของไทร์ขมวดแน่น ความโกรธพลุ่งพล่านในอกจนเขาแทบจะระเบิดออกมา
ฟันของเขาขบกันแน่นด้วยแรงอารมณ์
“เฮ้! หยุดตรงนั้นเลยนะ ไอ้ตัวสูงเอ๊ย!” เขาตะโกนออกไป เสียงของเขาดังก้องทั่วห้อง ทำให้ผู้คนหันไปมองอย่างตกใจ
เสียงกระซิบและพูดคุยด้วยความสับสนและสนใจ แพร่กระจายไปในหมู่คนที่อยู่ใกล้ๆ ขณะที่มูชร่างสูงหยุดเดิน
แล้วคิ้วก็ยกขึ้นเล็กน้อย เขาค่อยๆ หันศีรษะกลับมา “หืม?” เขาพูดเสียงต่ำ ริมฝีปากข้างหนึ่งยกขึ้น อย่างเหยียด