บทที่ 443: รางวัลเอมมี่ (5)
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 443: รางวัลเอมมี่ (5)
แท้จริงแล้ว ตลอดช่วงเวลาการถ่ายทอดสดงานประกาศรางวัลเอมมี่ ช่องสนทนากลับเต็มไปด้วยเรื่องราวของคังวูจินจนแทบจะล้นทะลัก
-อะไรกันเนี่ย! คังวูจินกลับมาเป็นคนปกติแล้วเหรอ!
-ปกติเหรอ? ตอนนี้ฉันชักเริ่มงงแล้วสิว่าแบบไหนกันแน่ที่เรียกว่าปกติของเขา
-เอาเถอะ ยังไงไอ้ตัวร้ายเมื่อกี้ก็บ้าสุด ๆ ไปเลย! ยิ่งทำให้ฉันอยากดูหนังของเขามากขึ้นอีก!
-ส่วนฉันติดใจคำพูดที่ว่า “ไม่สนหรอกว่าจะดูหรือไม่ดู” มากกว่า รู้สึกว่ามันอวดดีเกินไปหน่อยนะ
-จะเจ๋งจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า ฉันจะรอดู
-ทำไมเขาดูเป็นปกติดีจังล่ะ? แปลก ๆ ชอบกล
-ถึงจะดูเพี้ยน ๆ แต่เขาก็เป็นนักแสดงนี่นา ออร่าความเป็นดาราเปล่งประกายสุด ๆ ไปเลย
-ก็แค่คนบ้าคนหนึ่งเท่านั้นแหละน่า
ผลจากการยั่วล้อของ ‘โจ๊กเกอร์’ ณ ขณะนี้ ไม่ได้มีแค่เกาหลีและญี่ปุ่นเท่านั้น…
『คังวูจินปรากฏกายในคราบ “ตัวร้าย” ! งานประกาศรางวัลเอมมี่เปิดม่านอย่างยิ่งใหญ่!』
『ตัวอย่างภาพยนตร์ ‘ปิเอโรต์’ สร้างความตื่นตะลึงให้แก่สายตาชาวโลก! คังวูจิน “สมบัติของชาติเกาหลี” อวดโฉมความสามารถอันน่าทึ่งในงานประกาศรางวัลเอมมี่』
…แต่รวมไปถึงสื่อมวลชนและสำนักข่าวทั่วโลก โดยเฉพาะในอเมริกา ต่างพากันรายงานข่าวเกี่ยวกับงานประกาศรางวัลเอมมี่อย่างบ้าคลั่ง นับตั้งแต่ช่วงเดินพรมแดงและการถ่ายทอดสดเริ่มต้นขึ้น เวลาก็ล่วงเลยมากว่า 1 ชั่วโมงแล้ว พิธีมอบรางวัลเอมมี่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการตามธรรมเนียมปฏิบัติ
『LA TIME/ ตัวอย่าง ‘ปิเอโรต์: กำเนิดวายร้าย’ ปรากฏบนพรมแดงงานประกาศรางวัลเอมมี่? คังวูจินปรากฏตัวในมาดตัวละครที่เขารับบท』
ทั้งหมดนี้ก็เป็นไปเช่นเดียวกับงานประกาศรางวัลเอมมี่ในปีก่อน ๆ การแข่งขันในการรายงานข่าวเป็นไปอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน
แต่มีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไปในทุกข่าวและรายงานที่สื่อทั่วโลกพร้อมใจกันนำเสนอ นั่นคือ
“‘พรมแดงแห่งงานประกาศรางวัลเอมมี่’ สั่นสะเทือนด้วยการปรากฏตัวของนักแสดงหนุ่มชาวเกาหลี คังวูจิน ในภาพลักษณ์ที่แปลกตาจากที่เคยเห็น แต่การแสดงอันทรงพลังของเขากลับพลิกโฉม ‘รางวัลเอมมี่’ ได้อย่างราบคาบ...”
มีเพียงคังวูจินเท่านั้นที่โดดเด่น การแสดงและอิทธิพลของเขาสะกดทุกสายตา กวาดต้อนความสนใจจากทั่วทุกมุมโลก
และ ‘รางวัลเอมมี่’ ก็ดำเนินต่อไป
และแล้ว...
“รางวัลเอมมี่ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทซีรีส์ ได้แก่ มารร้ายผู้แสนดี!!! คัง! วู! จิน!!”
ชื่อของวูจินดังกึกก้องกัมปนาทไปทั่วโลก รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม สาขาละครโทรทัศน์หรือซีรีส์ของ ‘รางวัลเอมมี่’ ถือเป็นเกียรติยศที่ไม่เคยมีนักแสดงชาวเกาหลี หรือแม้แต่นักแสดงจากเอเชียคนใดเคยได้สัมผัสมาก่อน แต่คังวูจินกลับทำได้ เขาสามารถเอาชนะนักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังมากมาย ‘มารร้ายผู้แสนดี’ กวาดรางวัลมาแล้วสองรางวัล และรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมนี้เป็นรางวัลที่สาม แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ
สัญลักษณ์ และความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
ไม่ใช่รางวัลสมทบ หากแต่เป็นรางวัลนักแสดงนำ การคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากทั้งเวที ‘รางวัลเอมมี่’ และเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ อันเลื่องชื่อในเรื่องขนบธรรมเนียมและความมุ่งมั่น เปรียบเสมือนการประกาศก้องให้โลกรู้ว่า คังวูจินคือผู้กำหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ ไม่แปลกเลยที่ทั่วโลก รวมถึงเกาหลี จะต้องตกตะลึง
-กึก
ครั้นชื่อของคังวูจินก้องกังวานไปทั่วโถงอันโอ่อ่า ขณะที่เขากำลังก้าวขึ้นสู่เวทีอันกว้างใหญ่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ความคิดในใจกลับแล่นปราด
‘······เอ๊ะ?’
ความสงสัยถาโถมเข้าใส่ราวกับคลื่น ฉัน? ฉันจริงเหรอ? ฉันจริง ๆ เหรอเนี่ย? ถึงแม้เท้าจะกำลังก้าวเดินไปบนเวทีที่สว่างไสว ทว่าเขาก็ยังไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น นี่มันเรื่องจริงเหรอแค่ฝัน? แต่สัมผัสจากมือของชาวต่างชาติที่ตบหลังและไหล่ ยืนยันกับเขาอย่างหนักแน่นว่านี่คือความจริง
‘นี่มันเรื่องจริงใช่ไหม?! โอ้โห... ไม่น่าเชื่อ!!’
จะบอกว่าไม่เคยคาดหวังเลยก็คงเป็นการโกหก แม้แต่คังวูจินผู้มีภาพลักษณ์สุขุมเยือกเย็น ก็ยังคงมีความทะเยอทะยานอยู่ในใจ แต่หากเทียบกับรางวัลเมืองคานส์แล้ว น้ำหนักของ ‘รางวัลเอมมี่’ ก็ดูจะเบากว่า หากพูดถึงความปรารถนาอันแรงกล้า รางวัลที่เมืองคานส์ก็ยิ่งใหญ่มหาศาลไม่แพ้กัน แต่เขาหมายมั่นปั้นมือจะคว้ารางวัลนั้นมาตั้งแต่ต้น และนั่นก็เป็นเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ส่วน ‘รางวัลเอมมี่’ นั้นแตกต่างออกไป ดังนั้น หากพูดถึงความเป็นไปได้ รางวัลที่คานส์ย่อมมีโอกาสมากกว่า
สำหรับ ‘รางวัลเอมมี่’ นั้น วูจินแอบหวังไว้บ้างเล็กน้อย แต่ก็เตรียมใจไว้แล้วส่วนหนึ่ง
‘แต่พวกเขากลับเรียกชื่อฉัน?! ฉันได้รับ ‘รางวัลเอมมี่’ สาขานักแสดงนำชายจริง ๆ เหรอเนี่ย?!’
ถึงแม้จะทุ่มเทให้กับ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ อย่างเต็มกำลัง แต่ ‘รางวัลเอมมี่’ ก็คืองานประกาศรางวัลอันทรงเกียรติเทียบเท่า ‘รางวัลออสการ์’ ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยเหล่าคนดังระดับโลกของฮอลลีวูด และนักแสดงชายที่เข้าชิงรางวัลเดียวกันก็ล้วนแต่เป็นระดับตำนาน ทั้งยังมีรายการโทรทัศน์ชื่อดังระดับโลกมากมาย ในสถานที่อันน่าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้ เขาได้รับ ‘รางวัลนักแสดงนำชาย’ อันดับหนึ่ง
ความรู้สึกจะเป็นเช่นไร?
คังวูจินรู้สึกตกตะลึงมากกว่าดีใจ เขาก้าวขึ้นเวทีไปรับถ้วยรางวัลสีทองอร่ามด้วยอาการราวกับคนละเมอ ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือ
‘หนักเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ’
รูปปั้นหญิงสาวมีปีกโอบอุ้มลูกโลกคริสตัลนั้นหนักอึ้ง ขนาดใหญ่โตกว่าศีรษะเสียอีก ความรู้สึกที่แล่นปราดเข้ามาในอกยากจะบรรยาย มันเป็นหนึ่งในรางวัลมากมายที่เขาได้รับ แต่มันกลับส่งมอบความรู้สึกที่เข้มข้นที่สุด นี่เป็นความรู้สึกส่วนตัวของคังวูจินเพียงผู้เดียว หรือเป็นเพราะเกียรติยศและชื่อเสียงระดับโลกที่ทำให้มันแตกต่าง? รางวัลออสการ์จะหนักกว่านี้ล่ะมั้ง? ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ ความคิดมากมายแล่นวนอยู่ในหัวของคังวูจิน
ไม่รู้ตัวว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด
-กึก
บนเวทีอันกว้างใหญ่ เขาเหลือเพียงลำพัง นักแสดงหญิงทั้งสองที่มอบรางวัลให้เขาได้จากไปแล้ว เสียงเพลงที่ดังกึกก้องก็เงียบสงัด เสียงปรบมือของผู้คนนับหมื่นที่ดังกระหึ่มก็พลันหายไป
‘เฮ้อ ไม่รู้สิ ไม่รู้อะไรเลย’
ภายในความคิดพลันว่างเปล่า เขาไม่ได้เตรียมคำพูดอะไรไว้ เพราะคิดว่าโอกาสได้รับรางวัลนั้นริบหรี่ แม้จะเตรียมมา การที่จะนึกออกในเวลานี้ก็คงเป็นเรื่องมหัศจรรย์พันลึก
ในจังหวะนั้นเอง คังวูจิน
-สืบ
เงยหน้าขึ้นจากการมองรางวัล
“······”
กล้องมากมายที่ตั้งอยู่ด้านหน้าเวที ทั้งตรงกลาง ซ้าย ขวา และสุดขอบ ศีรษะของเขาร้อนผ่าวเพราะแสงจากไฟสปอตไลต์นับไม่ถ้วนที่สาดส่องลงมาจากเพดานอันมืดมิด ผู้ชมชาวต่างชาตินับหมื่นที่แน่นขนัดเต็มฮอลล์ เป็นภาพที่น่าตื่นตะลึงอย่างแท้จริง ไม่นาน ขาของวูจินก็เริ่มสั่นเทา ความรู้สึกคล้ายความปิติยินดีพลุ่งพล่านขึ้นมาจากส่วนลึกในกาย
ใครได้เห็นภาพแบบนี้ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน
คังวูจินเริ่มสงบสติอารมณ์ เขาแสดงท่าทางอวดดีผสมความเย่อหยิ่ง พร้อมกับเติม ‘พลังอสูร’ เข้าไป แม้จะไม่ได้เตรียมคำพูด แต่คังวูจินก็เอ่ยประโยคแรกออกมาได้อย่างฉับพลัน
“ตอนนี้ก็เหลือแค่ ‘รางวัลออสการ์’ เท่านั้นแล้วครับ”
คังวูจินปรายตามองกล้องอย่างไม่แยแส ก่อนจะเบนสายตาไปยังผู้ชมนับหมื่นที่เบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึงเบื้องหลัง เขาค่อย ๆ ยกถ้วยรางวัลขึ้นให้ทุกคนได้ยลโฉม
‘ตอนนี้ก็เหลือแค่ ‘รางวัลออสการ์’ เท่านั้นแล้วสินะ’
หลังจากครุ่นคิดเป็นภาษาอังกฤษซ้ำ ๆ คังวูจินเอียงศีรษะเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวราวกับกลองรบ อยากจะเผ่นแน่บไปให้ไกลแต่ก็ไม่อาจทำได้ เขาจึงตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกไปอย่างเสียไม่ได้
“ผมไม่ถนัดพูดเท่าไหร่ ขอบคุณครับ การได้ชูถ้วยรางวัลเอมมี่นี้ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ผมขอขอบคุณทีมงานมารร้ายผู้แสนดีทุกคนครับ”
หลังจากประโยคแรก ถ้อยคำขอบคุณหลั่งไหลออกมาเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงราบเรียบและหนักแน่น ทำเอานักแสดงต่างชาติที่นั่งอยู่เบื้องหน้าต่างพากันกระซิบกระซาบ
“เขานิ่งได้ยังไงกัน? รู้ตัวไหมว่าเขาเพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ให้กับรางวัลเอมมี่ที่อยู่มายาวนานกว่า 70 ปี?”
“ดูจากท่าทางและคำพูดที่ผ่อนคลายแบบนั้น เขาน่าจะมั่นใจว่าตัวเองจะได้รางวัลอยู่แล้วล่ะ”
แท้จริงแล้วหัวใจของคังวูจินแทบจะระเบิดออกมา แต่ด้วยความเคยชินที่ต้องแสดงว่าเย็นชา เขาจึงพยายามพูดต่อ
“ขอบคุณครอบครัว เพื่อน ๆ เพื่อนร่วมงาน และแฟน ๆ ทั่วโลก และ-”
ทันใดนั้น คังวูจินก็เปลี่ยนจากภาษาอังกฤษที่พูดได้อย่างคล่องแคล่วมาเป็นภาษาเกาหลี
“ผมอยากจะบอกกับประชาชนชาวเกาหลีใต้และแฟน ๆ ชาวเกาหลีทุกคนที่กำลังรับชมรางวัลเอมมี่อยู่ในขณะนี้ว่า การทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับทุกคนคือแฟนเซอร์วิสที่ดีที่สุดที่ผมสามารถทำได้”
คังวูจินหันไปมองกล้องถ่ายทอดสดเบื้องหน้า ก่อนจะกล่าวปิดท้ายว่า
“รางวัลออสการ์ก็เช่นกันนะครับ ขอบคุณครับ”
กล่าวจบ คังวูจินก็เดินลงจากเวทีไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันปกคลุมทั่วห้องโถงอันกว้างขวางชั่วอึดใจ ก่อนเสียงปรบมือจะดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
-แปะ แปะ แปะ!
-แปะ แปะ แปะ!
กล้องทุกตัวจับจ้องไปที่คังวูจิน ผู้ชมหลายหมื่นคนต่างมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป บ้างก็พึมพำอย่างชื่นชม
“ประกาศโต้ง ๆ แบบนี้เลยเหรอ ถือว่าเจ๋งดีเหมือนกันนะ”
บางคนก็รู้สึกทึ่งปนตะลึง
“ก่อเรื่องอีกแล้ว ไอ้บ้านั่นมันบ้าจริง ๆ”
บางคนก็รู้สึกงุนงงสงสัย
อย่างไรก็ตาม คังวูจินที่ถือถ้วยรางวัลในมือก็เดินกลับมายังที่นั่งของตน ทีม ‘มารร้ายผู้แสนดี’ อย่างPDซงมันวู ไมลีย์ และคาร่า ยังคงยืนปรบมือให้เขาอย่างไม่ขาดสาย นักแสดงทุกคนยกเว้นฮวาลินต่างก็ชูนิ้วโป้งให้พร้อมรอยยิ้มกว้าง ความตื่นเต้นที่คุกรุ่นอยู่ราวสามสิบวินาทีก็เริ่มจางหายไป
“ฮ่า ๆ คุณวูจิน” PDซงมันวูผู้มีเคราเฟิ้มเอ่ยพลางตบบ่าคังวูจินอย่างหนักแน่น
“รู้สึกยังไงบ้าง คุณเป็นนักแสดงคนแรกในเอเชียที่คว้ารางวัลเอมมี่ได้เลยนะ!”
คังวูจินตอบสั้น ๆ น้ำเสียงเรียบเฉย
“ก็เฉย ๆ ครับ”
ในขณะเดียวกัน ข่าวการคว้า 2 รางวัลเอมมี่ของคังวูจินก็แพร่สะพัดไปทั่วเกาหลีราวกับไฟลามทุ่ง
『 ‘มารร้ายผู้แสนดี’ กวาด 2 รางวัลเอมมี่… “สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่!” 』
และมีข่าวด่วนฉบับถัดมาออกมาในเวลาไม่นาน
『[ข่าวด่วน] คังวูจิน จาก ‘มารร้ายผู้แสนดี’ คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ‘รางวัลเอมมี่’ !』
ความสำเร็จของคังวูจินยังคงอบอวลอยู่ในบรรยากาศ ขณะที่พิธีมอบรางวัลเอมมี่ยังดำเนินต่อไป หลังประกาศรางวัลนักแสดงนำชายและหญิง รางวัลสำหรับทีมงานเบื้องหลังในสาขาดราม่าก็เริ่มทยอยประกาศออกมา
“รางวัลเอมมี่ สาขาซีรีส์ รางวัลถ่ายภาพยอดเยี่ยม! มารร้ายผู้แสนดี!!”
ชื่อของ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ดังกึกก้องอีกครั้ง คราวนี้ในรางวัลถ่ายภาพยอดเยี่ยม ณ บัดนี้ ซีรีส์เรื่องนี้กวาดรางวัลไปแล้วถึง 4 รางวัล ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ไม่เคยมีซีรีส์เรื่องใดจากเกาหลี หรือแม้แต่เอเชียทั้งทวีปเคยทำได้มาก่อน ประวัติศาสตร์รางวัลเอมมี่ของฮอลลีวูดกำลังถูกจารึกหน้าใหม่ น่าเสียดายที่รางวัลอื่น ๆ ที่ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง นานับประการ เช่นรางวัลตัดต่อยอดเยี่ยม ต้องพลาดรางวัลไปอย่างน่าเสียดาย
ถึงอย่างนั้น 4 รางวัลที่ได้รับ รวมถึงรางวัลนักแสดงนำชาย ก็ถือว่าเกินความคาดหมายแล้ว
“รางวัลสาขาซีรีส์ รางวัลนักเขียนบทละครยอดเยี่ยม - มารร้ายผู้แสนดี! ขอแสดงความยินดีด้วย!!”
-♬♪
ความสำเร็จของ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เสียงประกาศชื่อซีรีส์ดังกึกก้องอีกครั้งในรางวัลนักเขียนบทละครยอดเยี่ยม
“หา!! ฉัน?! ฉันจริง ๆ เหรอ?!” นักเขียนชเวนานาผุดลุกขึ้นยืน ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง เธอก้าวขึ้นเวทีด้วยท่าทางตื่นเต้นประปนความประหม่า และเมื่อได้รับรางวัลในมือ น้ำตาแห่งความปีติก็เอ่อล้น ไหลรินอาบแก้ม จนไม่อาจเปล่งเสียงขอบคุณออกมาได้ ผู้กำกับฮอลลีวูดผู้ทำหน้าที่ประกาศรางวัลต้องเข้าไปปลอบโยน สร้างความประทับใจแก่ผู้ชม
ด้วยเหตุนี้ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ จึงสร้างปรากฏการณ์อันน่าทึ่ง คว้า 5 รางวัลเอมมี่ กลายเป็นซีรีส์จากเอเชียเรื่องแรกที่สามารถบันทึกชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
งานประกาศรางวัลเอมมี่ที่ยิ่งใหญ่ มีผู้คนหลั่งไหลมาร่วมงานนับหมื่น บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักและเร่าร้อน ราวกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชน บัดนี้ พิธีมอบรางวัลสาขาละครโทรทัศน์กำลังจะเดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย
แม้ว่างานประกาศรางวัลเอมมี่จะมีหลากหลายสาขารางวัล แต่การสิ้นสุดของสาขาละครโทรทัศน์ก็ไม่ได้หมายความว่างานประกาศรางวัลจะปิดฉากลง ยังคงมีรางวัลอีกมากมายรอคอยการประกาศชื่อผู้ชนะ
ท่ามกลางความตื่นเต้น เมื่อถึงเวลาประกาศรางวัลใหญ่ของสาขาละครโทรทัศน์ คังวูจินและผู้ชมทุกคนต่างจับจ้องไปที่บุคคลบนเวที นักแสดงฮอลลีวูดผู้ทำหน้าที่ประกาศรางวัล นักแสดงชายร่างกำยำเปิดคิวการ์ด จากนั้นเขาก็ส่งยิ้มกว้างและประกาศผ่านไมโครโฟน
“รางวัลเอมมี่! สาขาละครโทรทัศน์ รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม!”
รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม รางวัลที่มอบให้แก่ผู้กำกับผู้สร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่า
“ขอแสดงความยินดีกับ! ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ! คุณซงมันวู!!”
[ต่อจากนี้ ซงมันวู ขอเรียกผู้กำกับนะครับ]
จาก 5 ผลงานที่เข้าชิง รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมตกเป็นของPDซงมันวูอย่างสมศักดิ์ศรี
“······บ้าไปแล้ว! ผมได้รับรางวัลจริง ๆ เหรอเนี่ย?!” ซงมันวูอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
‘มารร้ายผู้แสนดี’ กวาดรางวัลจากงานประกาศรางวัลเอมมี่ไปถึง 6 รางวัล สร้างความภาคภูมิใจให้กับทีมงานทุกคน
หลายชั่วโมงผ่านไป
งานประกาศรางวัลเอมมี่สิ้นสุดลง คังวูจินในชุดทักซิโด้สีกรมท่าก้าวขึ้นรถตู้คันใหญ่
-แกร๊ก!
ทันทีที่ประตูรถปิดลง เขาก็ปลดเนคไทออก แล้วถอนหายใจยาว ผ่อนคลายความตึงเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งคืน
“ฮู่ว-”
ดูเหมือนชเวซองกุนและทีมงานคนอื่น ๆ ยังคงติดพันธุระอยู่ จึงยังไม่มีใครขึ้นรถมาด้วย วูจินเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางเหลือบมองนาฬิกา เข็มสั้นชี้เลยเที่ยงคืนมาแล้ว
‘เวลานี้แล้วเหรอเนี่ย?’
เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงบ่าย งานเลี้ยงฉลองจึงกินเวลายาวนานถึงห้าชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ นับเป็นงานเลี้ยงที่ยาวนานที่สุดในบรรดางานประกาศรางวัลทั้งหมดที่วูจินเคยพบเจอ คังวูจินนึกย้อนถึง ‘รางวัลเอมมี่’ เมื่อครู่ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ที่กวาดรางวัลไปได้ถึง 6 รางวัล น่าเสียดายที่พลาดรางวัลใหญ่ คือรางวัลซีรีส์ยอดเยี่ยม แต่ถึงอย่างนั้นก็กวาดรางวัลสำคัญไปได้เกือบหมด วูจินจึงพอใจมาก
‘รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม รางวัลบทละครยอดเยี่ยม แล้วก็รางวัลนักแสดงนำชายของฉัน รวมถึงรางวัลกำกับศิลป์ รางวัลถ่ายภาพ และรางวัลสตั๊นท์ เจ๋งสุด ๆ ’
วูจินลูบผมสีดำขลับของตัวเองพลางคิด ไม่ใช่แค่เกาหลี แม้แต่ญี่ปุ่นหรือทั่วโลกคงต้องตื่นตะลึงอีกครั้งแน่ ทันใดนั้นความเหนื่อยล้าก็ถาโถมเข้าใส่ เพราะเพิ่งผ่านงานเลี้ยงปิดท้าย ‘รางวัลเอมมี่’ และต้องรับมือกับนักข่าวอีกนับพัน ทั้งทีมงานและนักข่าวต่างกรูเข้ามาหาเขาราวกับผึ้งแตกรัง
ไม่นาน คังวูจินก็ถอนหายใจอีกครั้ง
-กึก
เขาเหลือบมองลงไปที่ถ้วยรางวัลสีทองที่ถือมาในมือ ทำไมมันถึงอยู่ในมือฉันได้นะ วูจินอมยิ้มอย่างประหลาดใจพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เพราะตั้งค่าปิดเสียงไว้ เขาจึงไม่รู้ว่ามีข้อความและสายที่ไม่ได้รับมากมายมหาศาล เขาตัดสินใจเก็บไว้ดูก่อนแล้วหยิบบทภาพยนตร์อะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมา
“พักสักหน่อยก่อน-”
เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่มิติว่างเปล่า น่าเสียดายที่งาน ‘รางวัลเอมมี่’ ยังไม่จบ เขาจึงจำเป็นต้องฟื้นฟูพลัง
-ฟุบ!
คังวูจินก้าวเข้าสู่มิติว่างเปล่าอันมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด ในที่สุดวูจินก็สลัดคราบทุกอย่างออกไป เขาเหยียดตัวอย่างเต็มที่แล้วเดินช้า ๆ เมื่อมาถึงพื้นที่สี่เหลี่ยมสีขาวที่เรียงรายกัน เขาก็นอนแผ่ลงไป แม้จะหาวหวอด ๆ แต่เขาก็ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้
ทันใดนั้น
“อ๊ะ?”
เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างจากสี่เหลี่ยมสีขาวเหล่านั้นขณะนอนเอกเขนกอยู่บนเตียง เขาจึงค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นนั่ง แล้วเพ่งมองตัวอักษรภายในกรอบสี่เหลี่ยมสีขาวอีกครั้งอย่างพินิจพิเคราะห์
-[11/บทภาพยนตร์(เรื่อง: ‘ปิเอโรต์:กำเนิดวายร้าย’ ) ระดับ EX+++]
-[12/บทภาพยนตร์(เรื่อง: โฉมงามกับเจ้าชายอสูร) ระดับ EX+]
-[13/บทภาพยนตร์(เรื่อง: จอห์น เพอร์โซนา) ระดับ SSS+]
เพราะระดับของผลงานฮอลลีวูดเหล่านั้นกลับพุ่งสูงขึ้นจนน่าตะลึง
-จบ-
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_