ตอนที่แล้วบทที่ 432: สัตว์ร้าย (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 434: สัตว์ร้าย (3)

บทที่ 433: สัตว์ร้าย (2)


【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】

【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】

【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】

บทที่ 433: สัตว์ร้าย (2)

ภูผาคงเป็นภูผา สายธารก็ยังคงเป็นสายธาร

'ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้รับคำสารภาพรักจากผู้หญิงคือเมื่อไหร่กันนะ? จำไม่ได้เลยแฮะ ชีวิตที่ผ่านมานี่มันธรรมดาสามัญเสียจริง อาจเพราะเรื่อง ‘มิติว่างเปล่า’ ในโลกปัจจุบันนี่มันช่างน่าตกตะลึงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด'

เดี๋ยวก่อน ทำไมฉันถึงคิดแบบนี้นะ?

ระบบประมวลผลในสมองของคังวูจินที่กำลังสับสนอลหม่านเริ่มปลอดโปร่งขึ้น แท้จริงแล้ว ภาพเบื้องหน้าของเขานั้นชัดเจนอยู่เสมอ เพียงแต่จิตใจเขายังคงพร่าเลือน

“······”

วูจินพยายามรวบรวมสติที่เลือนราง ทำให้นึกถึงคำตอบที่ดูโง่เขลาที่เขาเพิ่งหลุดปากออกไป

‘···ชอบเหรอ? เธอพูดว่าชอบ? ไม่มั้ง คงบอกว่าชอบการแสดงนะคะไรงี้มากกว่า’

ทำไม? ไม่มีทางหรอก? ทำไมเธอจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา? ในที่สุดคังวูจินก็ตระหนักได้อีกครั้งว่าไมลีย์ คาร่า หญิงสาวผู้มีเรือนผมสีทองสว่างดุจแสงอาทิตย์และดวงตาสีฟ้าสดใสดุจท้องทะเลยืนอยู่ตรงหน้า กำลังจ้องมองเขาอยู่ พร้อมกับคำพูดแผ่วเบาของเธอที่ยังคงก้องอยู่ในหู

‘ฉันคิดว่าฉันชอบคุณค่ะ’

ใช่แล้ว ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่างไมลีย์ คาร่า เพิ่งสารภาพรักกับฉันสินะ? อา ใช่แล้ว เพราะแบบนั้นสติของฉันถึงได้หลุดลอยไป ตอนนี้ฉันจำได้ทุกอย่างแล้ว สมองของวูจินแม้จะผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที แต่กลับประมวลผลราวกับผ่านไปเป็นชั่วโมง

ในที่สุด

“!!!”

ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ราวกับมีเครื่องหมายตกใจนับล้านปรากฏขึ้นในดวงตา ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้าใส่ราวกับสมองเพิ่งถูกรีบูทใหม่

'ว้าว- บ้าจริง เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อนสิ!'

ทว่าสติที่แตกสลายของคังวูจินกลับไม่ยอมคืนสภาพเดิมโดยง่าย ในตอนนี้เขาไร้เรี่ยวแรงที่จะมาแสร้งทำ ‘คอนเซ็ปต์’ หรืออะไรทำนองนั้นอีกต่อไป มีเพียงการรีบูตตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับคอมพิวเตอร์ที่ชิ้นส่วนสำคัญเสียหายแล้วพยายามจะเปิดเครื่องใหม่ด้วยแสงสว่างวาบขึ้นมา

สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่คังวูจินทำได้ในตอนนี้คือ

“······”

จ้องมองไปยังคาร่า ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าแข็งค้าง แม้ในขณะนี้การรีบูตก็ยังคงดำเนินต่อไป วิญญาณของเขานั้นราวกับหลุดลอยไปแล้ววนเวียนกลับมาเช่นนี้

ความรู้สึกเช่นนี้มัน…

‘กรี๊ดดด!’

ก็คล้ายกับไมลีย์ คาร่า ที่ดวงตาสีฟ้าสดใสกำลังสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน เธอเองก็ตกตะลึงกับคำพูดที่เพิ่งหลุดออกจากปาก หรือจะเรียกว่าคำสารภาพก็ได้ แม้สีหน้าภายนอกจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ภายในใจกลับปั่นป่วนวุ่นวาย

‘บ้าไปแล้ว! บ้าไปแล้ว! ฉันพูดอะไรออกไป!’

คำสารภาพที่หลุดออกไปโดยไม่รู้ตัว ราวกับต้องมนตร์สะกด ว่ากันว่าคนเราบางครั้งก็เผลอไผลไปกับบรรยากาศ ยอมปล่อยให้สัญชาตญาณนำพา มากกว่าจะใช้เหตุผล คาร่าในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น

‘โอ๊ย! โอ๊ยตาย!’

เพียงแค่สัมผัสหลังมือของคังวูจิน หัวใจของเธอก็เต้นระรัวราวกับจะระเบิด จึงเผลอพูดคำว่า "ชอบ" ออกไปโดยสัญชาตญาณ แน่ล่ะว่ามันคือความรู้สึกที่แท้จริง มากกว่าจะเป็นคำโกหก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่คำสารภาพที่ควรจะพูดออกไปแบบปุบปับเช่นนี้ ไม่ ไม่ควรเป็นแบบนี้ เพิ่งจะรู้ใจตัวเองแท้ ๆ แต่กลับสารภาพรักออกไปโดยไม่มีการปูทางใด ๆ เลย

‘ไม่นะ! ไม่นะ! ย้อนกลับไป! ย้อนเวลาได้ไหม!’

นี่ถือเป็นการสารภาพรักครั้งแรกในชีวิตของไมลีย์ คาร่า ที่จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ถึงแม้ในใจจะอยากเอาหัวโขกพื้นสักร้อยครั้งด้วยความเสียใจ แต่คาร่าก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ด้วยสองขาของตัวเอง

-กึก

ดวงตาคู่สวยของคาร่าไหวสั่นเล็กน้อย ขณะจับจ้องไปยังคังวูจินที่ยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าของเขายังคงไร้ความเปลี่ยนแปลง เย็นชาและนิ่งเฉยเช่นเดิม ความเสียใจในอกของคาร่าพลุ่งพล่านขึ้นเป็นทวีคูณ พร้อมกับความน้อยใจที่เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย

‘ถึงจะเป็นความผิดพลาด แต่ฉันก็สารภาพรักออกไปแล้วนี่นา ทำไมเขาถึงได้นิ่งเฉยได้ขนาดนี้!’

คาร่าคิดผิดถนัด คังวูจินไม่ได้นิ่งเฉย แต่เขากำลังตกอยู่ในอาการช็อกต่างหาก บุคลิกเท่ ๆ ที่สร้างขึ้นมาพังทลายลงในพริบตา หากตอนนี้คาร่าแตะตัวเขาเบา ๆ เขาคงสะดุ้งโหยงจนล้มพับลงไปแน่ แต่คาร่าไม่มีทางรู้เรื่องนี้เลย

‘แปลกจัง เมื่อกี้เหมือนเขาจะพึมพำอะไรบางอย่าง หรือว่าฉันหูฝาดไปเองนะ?’

คาร่ารู้สึกถึงลางร้ายบางอย่างจากสีหน้าเรียบเฉยของคังวูจิน

‘ใบหน้านิ่งสนิทแบบนั้น ฉันต้องโดนปฏิเสธแน่ ๆ ใช่แน่ ๆ ’

แต่ยิ่งคิดแบบนั้น ใจของคาร่ากลับสงบลงอย่างน่าประหลาด ‘เอาเถอะ ยังไงน้ำก็หกไปแล้ว และฉันคือไมลีย์ คาร่า การถอยกลับไม่ใช่สไตล์ของฉัน’ นั่นแหละคือสิ่งเดียวที่เธอคิด

ทันใดนั้น

“···ไมลีย์”

คังวูจินที่เงียบมาตลอดเอ่ยเรียกชื่อเธอขึ้น เสียงทุ้มต่ำของเขาถามขึ้นว่า

“เมื่อกี้คุณ… บอกว่าชอบผมเหรอ?”

“······”

คาร่ามองวูจินด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าเธอเตรียมใจรับมือกับสถานการณ์นี้ไว้แล้ว เธอยกมือขึ้นเสยผมสีทองบลอนด์ไปไว้หลังใบหู หายใจแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มเจื่อน ๆ แล้วพยักหน้ารับอย่างคนยอมแพ้

“ดูเหมือนฉันจะเผลอพูดออกไปแบบนั้นค่ะ”

“ล้อเล่นหรือเปล่า?”

“ฉันอาจจะทำอะไรตามใจตัวเองไปบ้าง แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงบ้า ๆ ที่จะเอาเรื่องจริงจังแบบนี้มาล้อเล่นหรอกค่ะ”

พูดจบ เธอก็ยกมือข้างที่เคยสัมผัสกับคังวูจินขึ้นเล็กน้อย

“สัมผัสมือกันแค่นี้ หัวใจฉันก็เต้นไม่หยุดเลยค่ะ ไม่ได้ล้อเล่นด้วยนะคะ”

“······”

วูจินพยายามเก็บอาการเรียบเฉย สายตาจับจ้องไปที่มือของคาร่าที่สั่นระริก ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เขาคงฟาดฝ่ามือลงบนหน้าผากตัวเองไปแล้ว

‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย? ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกกำลังสารภาพรักกับฉันอยู่เหรอ? นี่มันเรื่องจริงใช่มั้ย?’

ภาพความทรงจำในอดีตผุดขึ้นมาในห้วงความคิด การสารภาพรัก... เคยมีบ้างตอนสมัยเรียนมัธยมต้น แต่นับจากนั้น แม้กระทั่งหลังปลดประจำการ เขาก็ไม่เคยประสบพบเจออีกเลย ความรู้สึกเกี่ยวกับการสารภาพรักจึงเลือนหายไปจากความทรงจำ แต่นี่มัน... ซุปเปอร์สตาร์จากฮอลลีวูด นักแสดงและนักร้องระดับโลกมาสารภาพรักกับเขาเนี่ยนะ?

วูจินรู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้าง สมองประมวลผลแทบไม่ทัน เขาตัดสินใจยอมแพ้กับระบบความคิดที่กำลังรวน

“อืม”

เสียงครางในลำคอหลุดลอดออกมา เขาคิดอะไรไม่ออกเลยในสถานการณ์บีบคั้นเช่นนี้ ในขณะที่คาร่าเสยผมสีทองอร่ามอย่างใจเย็น เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ใจเย็นจังเลยนะคะ ฉันพอเข้าใจค่ะ”

เธอนึกถึงมาเรีย อาร์มาส หรือพูดให้ถูกคือ คำพูดที่มาเรียเคยบอกว่าพยายามจะเข้าหาวูจิน

“ถ้าเป็นคุณวูจิน คงเจอเรื่องแบบนี้บ่อยแล้วสินะคะ เพื่อนร่วมงานฉันก็บอกว่าคุณเป็นคนนิยมมากเลย”

“······”

นี่มันเรื่องเข้าใจผิดอะไรกัน?

‘ฉันก็ไม่ได้หล่อเหลาเหมือนเทพบุตรขนาดนั้น คำว่า ‘นิยมมาก’ นี่มันเกินจริงไปหน่อยไหม? ’

แม้จะไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่วูจินก็ยังคงนิ่งเงียบ ไมลีย์ คาร่าลดมือลง ขยับเข้าใกล้วูจินมากขึ้น

“แต่คุณก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยนะคะ พูดอะไรหน่อยสิคะ จะปฏิเสธก็ได้”

กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยอวลราวกับจะปลอบประโลมหัวใจที่สับสนของวูจิน แต่ความคิดในหัวเขากลับยิ่งพันกันยุ่งเหยิง ช่างเถอะ คังวูจินรู้ดีแก่ใจว่าต่อให้ดิ้นรนแค่ไหนก็คงไร้ผล

“···ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เลือกที่จะซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง

‘ต่อให้เสแสร้งหรือสร้างภาพไปตอนนี้ มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อเธอคนนั้นกล้าหาญเปิดเผยความรู้สึกออกมาขนาดนี้ ถ้าฉันยังอ้ำอึ้งอยู่ก็คงดูโง่เง่าเต็มที อย่าตื่นตระหนก ทำตัวปกติก็พอ’

เขาตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปตรง ๆ

“ผมตกใจจริง ๆ”

“เหรอคะ?” ไมลีย์ถามด้วยแววตาใสซื่อ

“ครับ ผมประทับใจในความกล้าหาญของคุณไมลีย์” วูจินมองสบตาเธออย่างจริงจัง

“จริง ๆ แล้วฉันก็เผลอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวเหมือนกันค่ะ ใครเจอแบบนี้ก็คงห้ามตัวเองไม่ได้หรอก แต่มันคือความรู้สึกที่แท้จริง” ไมลีย์อธิบายด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย

“······”

“ถึงจะกลัวคำตอบอยู่บ้าง- แต่คุณวูจินรู้สึกยังไงกับฉันคะ?”

รู้สึกยังไงงั้นเหรอ? แน่นอน คังวูจินก็มีใจให้คาร่า ใครจะไม่รู้สึกอะไรกับไมลีย์ คาร่า กันล่ะ? ไม่ว่าจะถามใครบนโลกใบนี้ คำตอบก็คงไม่ต่างกัน เพียงแต่เขาไม่เคยคิดอะไรไปไกลกว่านั้น เพราะรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ ถึงจะไม่ได้ชอบเธอมากมาย แต่คังวูจินก็รู้สึกดีกับเธอ

ทว่ามีบางสิ่งบางอย่างยังคงคาใจเขา

‘เฮ้อ- การคบกันจะเป็นปัญหาหรือเปล่านะ?’

เขาได้แต่ครุ่นคิดอย่างหนักใจ ตอนนี้คาร่ายังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาเลย

วูจินจึงถอนหายใจเบา ๆ

“เฮ้อ- ไมลีย์ครับ”

เขาสลัดคราบการแสดงออกไปโดยไม่ลังเล เผยตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าคาร่า ก็มันจริงไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อหญิงสาวตรงหน้าแสดงความรู้สึกออกมาอย่างจริงใจขนาดนี้ การยังคงสวมบทบาทอยู่ก็คงจะ... พูดง่าย ๆ ว่าน่าเกลียดน่าดู ดังนั้นคังวูจินจึงเอ่ยตอบรับคำสารภาพของเธอ บรรยากาศรอบตัวดูอ่อนโยนลงอย่างน่าประหลาด

“ผมควรจะพูดว่ายังไงดีนะ คุณสารภาพรัก แล้วผมก็ตอบแบบตะกุกตะกักไปว่า ‘ครับ?’ นั่นแหละตัวตนที่แท้จริงของผม”

“···คะ?”

“คือผมมีตัวตนที่แท้จริงซ่อนอยู่ รู้จักคำว่าคอนเซ็ปต์ไหม? คอนเซ็ปต์? ในเกาหลีเรียกว่า ‘การเล่นคอนเซ็ปต์’ เอาเป็นว่าผมมีตัวตนอีกด้านหนึ่ง ตั้งแต่เดบิวต์เป็นนักแสดง ผมก็ดันกลายมาเป็นแบบนี้โดยบังเอิญ”

ไมลีย์ คาร่าขมวดคิ้ว ทว่าคังวูจินกลับเกาผมสีดำขลับพลางกล่าวอย่างตรงไปตรงมาต่อไป

“ภายนอกผมดูเป็นคนเท่ เย็นชา และบ้าบิ่น นั่นคือภาพลักษณ์ของผม แต่จริง ๆ แล้วนิสัยผมไม่ได้เป็นแบบนั้น ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นคนสองบุคลิก แต่หมายถึงผมแค่สวมบทบาท ไมลีย์ คุณอาจจะชอบคังวูจินที่สวมบทบาทอยู่นั่นก็ได้”

เขาพูดมันออกไป คนที่เขาสารภาพแบบนี้ไปก่อนหน้านี้น่าจะเป็นชเวซองกุน ครั้งที่สองคือตอนออดิชั่น ‘ปิเอโรต์:กำเนิดวายร้าย’ ตอนนั้นเขาตั้งใจทำแบบนั้น และนี่เป็นครั้งที่สาม คังวูจินจึงเสริมคำอธิบายเผื่อไว้

“ผมสารภาพเรื่องนี้ไปหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อ แต่ผมพูดจริงนะ เอาเป็นว่าอธิบายทั้งหมดคงยาก”

“คังวูจิน”

คาร่า หญิงสาวผมบลอนด์ขัดจังหวะคำอธิบายของวูจิน เธอยิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อย

“ถ้าไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบสิ เหมือนที่คุณเคยเป็น ทำไมต้องพูดจาวกไปวนมาแบบนี้ด้วย”

คังวูจินส่ายหน้ารัวเร็ว รีบเอ่ยปฏิเสธ

“ไม่ใช่แบบนั้นเลย มันคือเรื่องจริง ผมไม่ได้ไม่ชอบคุณ”

ทันใดนั้น ประกายวาวโรจน์แวบขึ้นในดวงตาสีฟ้าของไมลีย์ คาร่า

“ไม่เกลียดงั้นเหรอ?”

วูจินรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงตอบรับในลำคอ

“···ครับ”

“งั้นก็แสดงว่าคุณสนใจฉันสินะ”

“แน่นอนครับ แต่ที่ผมพยายามจะอธิบายคือคนที่คุณชอบจริง ๆ น่ะมัน…”

“ค่ะ ๆ เรื่องคอนเซ็ปต์นั่นแหละ ฉันจะเชื่อคุณก็ได้”

'ไม่เชื่อสักคำแหง!'

คังวูจินอยากจะคว้าไหล่คาร่าเขย่าแรง ๆ 'เชื่อผมสิ! เชื่อผมเถอะ ขอร้องล่ะ ได้โปรด พลีสสส!'

“ไมลีย์ ตอนนี้ผมดูต่างจากปกติมากเลยใช่มั้ย?”

“ต่างค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ว่าสิ่งที่คุณพูดจะเป็นความจริงเหรอแค่ข้อแก้ตัว เรามาทำแบบนี้กันดีกว่า”

คาร่าสบตาวูจินแวบหนึ่ง ก่อนจะปรายตาไปทางโถงทางเดินแล้วเอ่ยขึ้น

“อีกไม่นานเราต้องถ่าย 'โฉมงามกับเจ้าชายอสูร' แล้ว ถึงฉันจะเผลอพูดความในใจออกไป แต่เราเป็นมืออาชีพ ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรที่กระทบกับงาน คุณก็คิดเหมือนกันใช่ไหม?”

“แน่นอนครับ”

“หลังจากถ่าย 'โฉมงามกับเจ้าชายอสูร' เสร็จแล้ว ค่อยมาคุยกันใหม่”

ไมลีย์ คาร่าลดเสียงลงจนแทบกระซิบ

“รับรองว่าคุณจะต้องสนใจฉันมากขึ้นแน่”

แล้ว…

สิ้นคำ ไมลีย์ คาร่าก็ผละออกอย่างรวดเร็ว คังวูจินพยายามจะรั้งเธอไว้ แต่ก็ไม่ทัน

“ไมลีย์ ยังคุยกันไม่เสร็จอีกเหรอ?”

เพราะทีมงานของคาร่ากำลังเดินเข้ามาใกล้ เพียงไม่กี่ก้าว

คังวูจิน…

เสียงครางแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากลำคอ ‘อ๊ะ... ชิ ไม่ทันแล้วไง’ ความคิดที่จะบุกตะลุยต่อไปพลันมลายหายไปราวกับควัน เขาจึงตัดสินใจเข้าไปทักทายคาร่าที่ยืนอยู่ท่ามกลางทีมงาน พร้อมกับสวมวิญญาณนักแสดงชั้นยอด

"ไมลีย์ ไว้เจอกันตอนอ่านบทนะครับ"

คาร่าเสยเส้นผมสีทองอร่ามขึ้นอย่างแช่มช้า ก่อนพยักหน้ารับคำ

"ค่ะ ไว้เจอกันนะคะ แล้วจะติดต่อไป"

คำทักทายง่าย ๆ "จะติดต่อไป" ของคาร่า กลับสร้างความหวั่นไหวให้วูจินอย่างประหลาด ราวกับสายน้ำที่ไหลเอ่อล้นท่วมท้นหัวใจ หากไม่มีใครอยู่ตรงนั้น มุมปากของเขาคงยกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหู แต่เขาก็ยังคงเก็บอาการไว้ได้อย่างแนบเนียน รักษาสีหน้าเรียบเฉยราวกับหุ่นขี้ผึ้ง

"วูจิน" เสียงเรียกดังขึ้น

หลังจากทีมงานของคาร่าเดินจากไป ทีมงานของชเวซองกุนและคังวูจินก็เดินเข้ามาสมทบ คาร่าเหลือบมองวูจินที่อยู่ท่ามกลางผู้คน ก่อนจะสาวเท้าเดินจากไปพร้อมกับทีมของตนเอง โจนาธาน ผู้จัดการร่างยักษ์ผมรองทรง เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

"ไมลีย์ คุยอะไรกับคังวูจินนานนักล่ะ"

คาร่าไหวไหล่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับเรื่องที่ถูกถามเป็นเรื่องเล็กน้อย

"ก็แค่เรื่องงาน"

"จริงเหรอ?"

"ค่ะ นอกจากเรื่องงานแล้วเราจะมีเรื่องอะไรคุยกันอีกล่ะ?" คาร่าย้อนถามกลับ น้ำเสียงเรียบเฉย

โจนาธานจ้องมองคาร่าด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย ในขณะที่ไมลีย์ คาร่ายังคงแย้มยิ้มอย่างผ่อนคลาย แต่ภายในใจกลับเต้นระรัวราวกับกลองรบ เป็นเรื่องปกติที่เธอจะรู้สึกเช่นนี้ เพราะตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงบัดนี้ เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมตัวเอง ทำตัวให้ดูสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้

'ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ซื้อเวลาได้แล้ว'

คาร่าและทีมงานก้าวเข้าไปในลิฟต์ ความเงียบสงบปกคลุมไปทั่ว ก่อนจะถูกทำลายลงด้วยน้ำเสียงของไมลีย์ คาร่า

"โจนาธาน ตอนนี้ภาพลักษณ์ของคังวูจินดูไม่ค่อยดีเลยใช่มั้ย?"

"ใช่ ข่าวเสียดังกว่าที่คิดไว้เยอะเลย"

พวกเขาคงหมายถึงเรื่อง 'ทูไนท์โชว์' ประเด็นที่คังวูจินไม่สนใจนักแสดงนำชายคนอื่น ๆ ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอมมี่ ถึงแม้จะผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งสัปดาห์ แต่ภาพลักษณ์ของวูจินก็ยังคงถูกป้ายสีจากสื่อมวลชนและกระแสสังคมทั่วโลก รวมถึงฮอลลีวูดด้วย แต่ครั้งนี้ดูจะรุนแรงกว่าปกติ

มันก็สมควรแล้วล่ะ

เพราะข่าวลือและข่าวซุบซิบมากมายปะปนกันไป บวกกับคำพูดรับรางวัลที่คานส์ของวูจินที่เอ่ยถึงรางวัลออสการ์ การแถลงข่าวของ 'ปิเอโรต์' และคอมเมนต์แย่ ๆ ที่พุ่งเป้าโจมตีตั้งแต่ที่เขาได้รับเลือกให้แสดงใน 'อสูร' ทั้งหมดนี้รวมกันเป็นผลลัพธ์ที่คาร่าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

"ถ้าปล่อยไปแบบนี้ ตั้งแต่อัลบั้มของฉัน ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ไปจนถึง 'โฉมงามกับเจ้าชายอสูร' คงได้รับผลกระทบแน่ ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับฉันหมดเลยนี่"

"······อืม"

"ต้องทำให้มันเบาลงหน่อย แบบนี้คิดว่าไง"

คาร่ากระซิบอะไรบางอย่างกับผู้จัดการ เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ราวกับกลัวว่าจะมีใครแอบฟัง

ในขณะเดียวกัน ชเวซองกุนถามคังวูจินซึ่งเพิ่งมาถึงทีหลังคาร่าด้วยความสงสัย

"พวกนายคุยอะไรกันสองคน กระซิบกระซาบกันนานเชียว"

คังวูจินนิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังครุ่นคิด ก่อนจะตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

"จำไม่ได้ครับ"

เขาพูดความจริง โดยไม่ได้เสแสร้งแม้แต่น้อย

เช้าวันรุ่งขึ้น

แม้ว่าเมื่อวานจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตารางงานของคังวูจินมากนัก วูจินตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน รีบร้อนเตรียมตัวไปกองถ่าย 'ปิเอโรต์:กำเนิดวายร้าย' แต่ขณะที่สระผมอยู่ในห้องน้ำ ภาพของคาร่าและบทสนทนากระซิบกระซาบเมื่อวานก็ผุดขึ้นมาในความคิด

“······ยังไม่อยากจะเชื่อเลย”

ละอองน้ำเย็นเฉียบชะโลมกายคังวูจิน ขณะเดียวกันนั้นเอง สำนักข่าวใหญ่แห่งหนึ่งในฮอลลีวูดก็ได้เผยแพร่ข่าวพิเศษชิ้นหนึ่งออกมาสู่สายตาชาวโลก

『LA TIME/ปีที่แล้ว ไมลีย์ คาร่า เกือบเอาชีวิตไม่รอดในกองถ่าย MV ผู้ที่ช่วยชีวิตเธอไว้คือ คังวูจิน ชายหนุ่มผู้กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในขณะนี้』

-จบ-

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด