บทที่ 32 รีบกลับมาเถอะ
บทที่ 32 รีบกลับมาเถอะ
กลุ่มคนจากเผ่าน้ำแข็งเดินทางมุ่งหน้าสู่เป้าหมายอย่างช้าๆ เพราะเส้นทางที่เต็มไปด้วยป่ารกร้าง นั่นจึงทำให้การเดินทางล่าช้า
ผู้ที่นำหน้าอยู่สามคนที่ดูเหมือนมีตำแหน่งสูง ขณะที่ด้านหลังตามมาด้วยชายชกรรจ์อีก 8 คน
“จ้าน น่าจะอยู่ทางนี้ไม่ผิดแน่”
ชายร่างกำยำท่าทางดุดันชื่อ เหย่ ใช้มีดกระดูกในมือฟันพุ่มไม้ตรงหน้า เสียง “แคว่กๆ” ดังขึ้นเถาวัลย์และพุ่มหนามถูกผ่าออกเป็นสองซีก
ชายใบหน้าหยาบกร้านชื่อ จ้าน หันมามองเหย่ก่อนพยักหน้าเล็กน้อย
“น่าจะใช่ แถวนี้แหละ เราลองหาดูอีกหน่อย”
ชายรูปร่างคล้ายหมี ชื่อ สง บ่นพึมพำ “ที่นี่มันอะไรนักหนา มีแต่พุ่มหนามนี่เต็มไปหมดพวก”
สงกับเหย่ช่วยกันกำจัดพุ่มหนามอย่างหงุดหงิด
หลังจากเดินฝ่าพุ่มหนามไปอีกพักหนึ่ง ทางด้านหน้าก็เปิดกว้างขึ้น พุ่มหนามเริ่มหนาแน่นลดน้อยลง
“ในที่สุดก็หลุดออกมาได้”
เหย่สูดลมหายใจลึก รู้สึกปลอดโปร่งสักที
หลังจากให้คนในเผ่าที่ตามมาได้พักผ่อนเสร็จ จ้านก็ออกคำสั่ง “พวกเจ้าลองไปสำรวจดูแถวๆ นี้”
ทั้ง 8 คนตอบรับคำอย่างรวดเร็วและแยกย้ายออกไป
จ้าน เหย่ และสง นั่งพักบนพื้นอย่างสงบ รอคอยข่าวจากคนที่ส่งไปสำรวจ
ไม่นาน คนทั้ง 8 ก็ทยอยกลับมา
“ท่านจ้าน พวกเราพบว่ามีหมู่บ้านอยู่ใกล้ๆ นี้”
1 ใน 8 คนนั้นก้าวออกมารายงาน
“จริงรึ?”
ทั้ง 3 คนหันมาสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย แววตาฉายแววแปลกใจ
“พาพวกข้าไปดูซิ”
“ได้เลยครับ”
กลุ่มคนเดินต่อไปอีกไม่นานก็มาถึงใกล้ปากถ้ำแห่งหนึ่ง
จากตำแหน่งนั้น มองไปด้านหน้าก็สามารถเห็นคนในเผ่าหยานหวงเดินเข้าออกอย่างไม่ขาดสาย
“มีคนอยู่จริงๆ ไปกันเถอะ ไปดูกันหน่อย”
เหย่ยิ้มกว้าง รอยยิ้มนั้นปราศจากความกังวลเหมือนเขาไม่กลัวเลยว่าการเปิดเผยตัวจะมีผลอะไร
คนทั้ง 8 ด้านหลังมองเหย่อย่างนับถือ ไม่มีใครเอ่ยค้านแม้แต่คำเดียว กลับพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเต็มใจ
พวกเขาต่างก็เคยเห็นพลังของท่านเหย่มาก่อน ซึ่งเป็นพลังที่ไม่ใช่คนธรรมดาจะสามารถต่อต้านได้เลย และเผ่านี้ที่พวกเขามองว่าเป็นเพียงชนเผ่าอ่อนแอที่อาศัยอยู่ในถ้ำ ย่อมไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย
เหย่เดินออกมาจากที่ซ่อนอย่างอาจหาญและหยิ่งผยอง ยืนเด่นชัดอยู่หน้าปากถ้ำ
เขายืนกอดอก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม สายตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส
“เจ้าเป็นใคร?”
การปรากฏตัวอย่างชัดเจนของคนแปลกหน้าทำให้ชาวเผ่าหยานหวงสังเกตเห็นได้ในทันที พวกเขารีบตั้งท่าเตรียมพร้อมและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงระวังตัว
เหย่ไม่สนใจในคำถาม กลับมองสำรวจสภาพแวดล้อมรอบถ้ำด้วยสายตาดูแคลนเหมือนเจ้าขุนมูลนายที่มาเดินสำรวจย่านสลัม
ทันใดนั้น เขาเหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงอุทานเสียงดัง “ไฟ? เป็นไปได้ยังไง!”
“ไฟ?”
คนอื่นที่ตามมาได้ยินก็หันไปมอง และพวกเขาก็สังเกตเห็นกองไฟที่กำลังลุกโชติช่วงอยู่หน้าถ้ำ
แต่สิ่งนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย หมู่บ้านอ่อนแอแบบนี้จะครอบครองไฟได้อย่างไรกัน?
ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาตกตะลึงในทันที
สิ่งแรกที่พวกเขาคิดได้คือ “หรือว่ามีไฟสวรรค์ตกลงมาใกล้ๆ เผ่านี้โชคดีเก็บมาได้?”
แม้ว่าความคิดนี้จะฟังดูน่าประหลาด แต่พวกเขาก็เชื่อว่ามีทางเป็นไปได้นี้เพียงอย่างเดียว เพราะมันเป็นทางเดียวที่พวกเขาสามารถยอมรับได้
ด้วยความหยิ่งทะนง พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีเหตุผลอื่นที่อธิบายได้
หลี่ที่มองพวกเขาอยู่ รู้สึกถึงลางไม่ดีในทันที และเมื่อนึกถึงสิ่งที่เทพแห่งแสงกล่าวถึงเรื่อง “เทพปีศาจ” เขาก็สังหรณ์ในใจและเชื่อมโยงสถานการณ์นี้ได้ทันทีว่า “หรือว่าคนพวกนี้เป็นเหล่าผู้ศรัทธาในเทพปีศาจ!”
“เจ้าคือคนของหมู่บ้านนี้ใช่หรือไม่ ข้ามีคำถามจะถามเจ้า หวังว่าเจ้าจะตอบตามความจริง”
เหย่พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนออกคำสั่ง พร้อมหันสายตามามองหลี่
สีหน้าของหลี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ความสงสัยในใจยิ่งชัดเจนขึ้นว่าคนพวกนี้น่าจะเป็นผู้ศรัทธาของเทพปีศาจอย่างแน่นอน!
“เร็ว! รีบไปตามคนมา!”
เขาผลักคนในเผ่าที่อยู่ข้างๆ ด้วยความรีบร้อน คนเหล่านั้นอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบหันหลังวิ่งกลับเข้าไปในถ้ำ
เหย่และพรรคพวกไม่ได้ขัดขวางพวกแต่อย่างใด เพราะในสายตาของพวกเขา คนพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับมดแมลงที่สามารถบดขยี้ได้ง่ายดาย ต่อให้เรียกคนมาเพิ่มอีกก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเขา
...
ในถ้ำ
“ท่านปุโรหิต! เกิดเรื่องแล้ว! ผู้ศรัทธาของเทพปีศาจบุกมาแล้ว!” คนที่มาส่งข่าวพูดด้วยเสียงหอบเหนื่อย
“อะไรนะ?”
ปุโรหิตเฒ่าหน้าซีดทันที เขาลุกพรวดและเริ่มเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย “ทำไมถึงต้องเป็นตอนนี้...ในขณะที่ท่านเทพไม่อยู่ ทำไมพวกมันถึงเลือกมาในเวลานี้! เฮ้อ...”
เขาถอนหายใจอย่างหนักใจ
ต้องหาวิธีแก้ไขให้ได้ ไม่อย่างนั้นเผ่าอาจถึงคราวล่มสลายได้เลย!
แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง เขาก็คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับความต่างของพลัง ทุกๆ ความคิดก็ดูเหมือนจะไม่มีความหมายอะไรเลย
“อธิษฐาน! เราต้องรีบอธิษฐาน! ขอให้ท่านเทพได้ยินเสียงของพวกเราเถอะ! ตอนนี้มีเพียงท่านเทพเท่านั้นที่ช่วยเราได้!”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ไม่นาน ด้วยคำสั่งของปุโรหิตเฒ่า ชาวเผ่าจำนวนมากจึงเริ่มต้นการอธิษฐานอย่างเงียบๆ
“ท่านเทพ...”
เสียงสวดอธิษฐานอย่างศรัทธาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
...
อีกด้านหนึ่ง ซูหยุน ที่กำลังจะเดินทางกลับเผ่าในอีกไม่ช้า จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เสียงอธิษฐานดังขึ้นต่อเนื่องในหูของเขา
หากมีเพียงคนเดียวอธิษฐาน เขาอาจจะไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อมีคนจำนวนมากอธิษฐานพร้อมกัน มันก็เหมือนกับการทำพิธีกรรมบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที
“เกิดเรื่องขึ้นแล้วสินะ?”
เขารีบส่งจิตสำนึกเข้าสู่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อตั้งใจฟังเสียงเหล่านั้น
ในไม่ช้า เขาก็เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด
“ดีมาก!”
ในดวงตาของซูหยุนมีแสงเปล่งประกาย รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏบนใบหน้าของเขา “ข้ายังไม่ได้ไปหาเจ้า เจ้ายังกล้าบุกมาหาข้าเอง!”
หลังจากพูดจบ เขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะลอยออกจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทันที
...
ภายนอก
ผู้คนต่างพากันตกตะลึง มองหินศักดิ์สิทธิ์ที่เริ่มเปล่งแสงด้วยความไม่เข้าใจ
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะทำอะไร ร่างหนึ่งก็ลอยออกมาจากหินศักดิ์สิทธิ์ และในพริบตา ร่างนั้นก็พุ่งหายไปยังที่ห่างไกล
“ท่านเทพ?”
ผู้คนต่างตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านเทพถึง พุ่งออกไปอย่างกะทันหัน
แม้ซูหยุนจะร้อนใจ แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะใส่ใจพวกเขา เขาส่งข้อความสั้น ๆ ถึงหัวหน้าเผ่าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมุ่งสมาธิไปที่การบินมุ่งหน้ากลับไปที่อยู่ของเผ่า
เมื่อหัวหน้าเผ่าได้รับข้อความ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีอย่างหนัก รีบหันไปเรียกสมาชิกในเผ่า
กลุ่มคนเริ่มเร่งฝีเท้ามุ่งหน้ากลับไปยังเผ่าอย่างรวดเร็ว!
โชคดีที่พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากเผ่ามากนัก
ระหว่างการบิน ซูหยุนดึงเส้นศรัทธาของปุโรหิตเฒ่าขึ้นมา
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไม่ว่าเจ้าจะต้องทำอะไร จงถ่วงเวลาให้ข้าสักหน่อย!”
ปุโรหิตเฒ่าที่กำลังอธิษฐานอยู่ รู้สึกตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยิน
เขาเข้าใจถึงความหมายที่ท่านเทพกล่าว เทพเจ้ากำลังจะมา!
พวกเขารอดแล้ว!
……
เหย่เห็นชายคนนั้นเมินเฉยต่อเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ คนธรรมดาคนนี้กล้าดียังไงถึงเมินเขา?
นานแค่ไหนแล้ว?
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาแบบนี้?
“เจ้าจะถามอะไร?” หลี่ที่สังเกตเห็นสีหน้าของเขา จึงตอบด้วยน้ำเสียงที่ระแวดระวัง
“เจ้าเคยเห็นคนสามคนที่มาแถวนี้ไหม?” เหย่ส่งเสียงเย็นชา พลางถามขึ้น
“ไม่เคย!” หลี่ตอบอย่างหนักแน่นด้วยสีหน้าราบเรียบ พร้อมส่ายหัวทันที
“แล้วพวกเจ้าหล่ะ?” เหย่หรี่ตาลงเล็กน้อย มองไม่เห็นความผิดปกติจากหลี่ จึงหันไปถามคนอื่น ๆ
(จบตอนที่ 32 )