ตอนที่แล้วบทที่ 2 เหตุผลที่ถูกเลือก?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 การเกิดใหม่!

บทที่ 3 หลิวจู่เสียน 


บทที่ 3 หลิวจู่เสียน 

ก่อนที่สาวใช้จะเข้ามา หลิวจู่เสียนก็รีบยืดตัวให้ตรง เปลี่ยนกริยาท่าทางที่ดูสบายๆ มาเป็นสง่างามในทันที

ซึ่งหากเปรียบเทียบจากเมื่อครู่นี้ที่ดูแล้วเป็นเด็กสาวน่ารักจอมซุกซน ในตอนนี้เธอคือหญิงสาวผู้สูงศักดิ์บุตรตรีแห่งคณบดีสถานศึกษาฮันหลิน

หลังจากจัดท่าทางให้ดูเป็นทางการมากขึ้นแล้ว สาวใช้ที่ดูค่อนข้างมีอายุที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของหลิวจู่เสียน ก็รินน้ำชาให้และวางไว้อย่างเรียบร้อยตรงหน้าของเธอ

เมื่อเห็นสาวใช้เดินกึ่งวิ่งเข้ามาอย่างไม่ระมัดระวัง! ดวงตากลมโตของหลิวจู่เสียนก็หรี่ลงด้วยความไม่พอใจ

“ลู่ยี่! ทำไมเจ้าจึงแสดงอาการตื่นตระหนก และส่งเสียงดังมากขนาดนี้!”

สาวใช้ชื่อลู่ยี่ ที่รีบเข้ามาเดิมทีเธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก! แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าอันงดงามและสีหน้าที่สงบของคุณหนูของเธอ อาการตื่นตระหนกของเธอนั้นก็ค่อยๆจางหายไปอย่างน่าอัศจรรย์?

อย่างไรก็ตามเมื่อเธอนึกถึงข่าวที่เพิ่งได้ยินมา ลู่ยี่ก็เริ่มพูดออกมาเสียงดังอีกครั้ง!

“คุณหนูนี่มันแย่มากจริงๆนะเจ้าคะ! วันนี้นายท่านกลับมาจากประชุมขุนนางต่อหน้าพระพักตร์องค์ฮ่องเต้ ว่ากันว่าเมื่อเช้านี้มีพระราชกฤษฎีกาจากพระองค์ พระราชทานตัวคุณหนูให้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียน! และเมื่อครู่นี้ข้ายังได้ยินมาว่านายหญิงยังสั่งให้คนมาตามคุณหนูเพื่อไปพบอีกด้วยนะเจ้าคะ!”

หลิวจู่เสียนยังคงมีสีหน้าที่สงบมาก เธอพยักหน้าเบาๆ ราวกับว่าคำพูดของสาวใช้เมื่อครู่นี้ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเธอ แต่เป็นการบอกเกี่ยวกับสภาพดินฟ้าอากาศเพียงเท่านั้น!

“คุณหนูสามเจ้าขา!! นั่นคือเจ้าชายจอมวายร้ายในตำนานเลยนะเจ้าคะ! เจ้าชายผู้นี้ มากด้วยตัณหา เกเร เป็นอันธพาลที่ไร้ยางอาย ชอบทำร้ายผู้คน แม้แต่ผู้หญิงเขาก็ไม่เว้นและยังทำร้ายจนบาดเจ็บหนักอีกด้วย…”

ลู่ยี่ไม่เข้าใจว่าทำไม? คุณหนูของเธอถึงได้สงบมากขนาดนี้! นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตในอนาคตของตนเอง! เธอคิดว่าหากเป็นตัวของเธอเอง! ป่านนี้เธอคงตื่นตระหนกเป็นแทบจะเป็นลมอย่างแน่นอน

หลิวจู่เสียนยังคงพยักหน้าเบาๆ และเพียงพูดว่า “อืม! ข้าเข้าใจแล้ว!”

ก่อนที่จะโบกมือเบาๆ เป็นสัญญาณว่าให้สาวใช้ผู้ตื่นตูมคนนี้ออกไปได้!

หลังจากที่สาวใช้จากไปด้วยสีหน้ากังวลและงงงวย! ในเวลานี้จึงเหลือเพียงแค่หลิวจู่เสียน และสาวใช้คนสนิทของเธอ

หลิวจู่เสียนจึงแสดงสีหน้าอันแท้จริงของเธอออกมา คิ้วของเธอก็ขมวดเข้าหากัน ดวงตากลมโตที่มีขนตายาวงอน จ้องมองไปในความว่างเปล่าอย่างลึกล้ำ ราวกับว่าเธอกำลังจ้องมองดูศัตรูของเธอจากในระยะไกล?

แคร็กกก!!

จู่ๆก็มีเสียงบางอย่างแตกหัก!

สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างก้าวไปข้างหน้าจับมือของหลิวจู่เสียน ออกจากมุมโต๊ะที่แตกหัก ก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อยและพูดเบาๆว่า

“คุณหนูเจ้าคะ! ถึงแม้ว่าในตอนนี้คุณหนูจะรู้สึกโกรธ แต่ได้โปรดอย่าทำร้ายข้าวของเลยได้มั้ยเจ้าคะ! ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้จะแก้ตัวกับนายหญิงว่าอย่างไรอีก! คุณหนูเปลี่ยนโต๊ะหนังสือไปหลายตัวมากแล้ว และเหตุผลว่าโต๊ะหนังสือโดนหนูแทะก็ไม่น่าจะใช้ได้แล้วด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ”

เมื่อหลิวจู่เสียนได้ยินโม่จู สาวใช้คนสนิทที่เป็นเหมือนพี่สาวพูดเช่นนั้น เธอก็มองไปที่มุมหักของโต๊ะหนังสือ ก่อนหน้ามุ่ยทำปากยื่น แล้วพูดว่า

“ฮึ~ พี่โม่จู! ท่านก็บอกท่านแม่ไปว่าโต๊ะหนังสือตัวนี้ถูกแมวป่าที่กำลังไล่จับหนู ข่วนจนมุมโต๊ะหัก และขอเปลี่ยนโต๊ะตัวใหม่!”

พี่สาวโม่จู สาวใช้คนสนิทยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับคุณหนูของเธอ เธอรับหน้าที่ดูแลคุณหนูสามมาตั้งแต่ยังเด็ก กล่าวได้ว่าเธอรักคุณหนูสามของเธอมาก เรียกว่าตายแทนได้เลยทีเดียว!

“คุณหนูเจ้าคะ! แมวป่าไม่ได้มีกรงเล็บที่แข็งแรงพอที่จะสามารถทำให้มุมโต๊ะหักได้ แค่ข้ออ้างรอยหนูแทะในครั้งก่อนๆ ก็แย่มากพอแล้ว!”

หลิวจูเสียนยังคงทำหน้ามุ่ย จ้องมองไปยังโม่จู ด้วยความไม่พอใจเหมือนเด็กๆ !

“พี่โม่จู! ข้าพบว่านับวันท่านก็ยิ่งบ่นเก่งเหมือนคนแก่มากขึ้นไปทุกทีแล้วนะ! หากเป็นเช่นนี้ต่อไปหน้าของพี่จะแก่และเหี่ยวย่นก่อนวัยจนกลายเป็นนางแม่มดร้ายอย่างแน่นอน!”

ถึงแม้ว่าหลิงจู่เสียนจะบ่นและทำสีหน้าไม่พอใจโม่จู แต่เธอก็รักและเคารพสาวใช้ที่ชื่อโม่จูคนนี้ไม่ต่างจากพี่สาวแท้ๆของเธอเลยทีเดียว

“คุณหนู! ข้าจริงจังนะเจ้าคะ! หากเป็นเช่นนี้บ่อยครั้ง! คนอื่นอาจจะสงสัยเอาได้ ความแข็งแกร่งและพลัง…”

โม่จูพูดอย่างใจเย็น และเมื่อพูดถึงท้ายประโยคเธอก็หยุดพูด พร้อมกับจ้องมองไปยังคุณหนูสามของเธอ ซึ่งทั้งคุณหนูและสาวใช้ สามารถเข้าใจในความหมายของประโยคคำพูดที่พูดไม่จบได้เป็นอย่างดี

หลิวจู่เสียน ไม่ตอบโต้อีกต่อไปเธอทำเพียงแค่สะบัดใบหน้าแบบงอนๆ และหันไปล้างมือที่เปื้อนถ่านในอ่างน้ำ ที่วางอยู่ด้านข้าง!

หลังจากจัดระเบียบเสื้อผ้าและร่างกายเสร็จแล้ว เธอก็นั่งตัวตรงอย่างสง่างาม เพื่อรอให้สาวใช้ของท่านแม่เข้ามา

หลิวจู่เสียนรอไม่นานนัก! สาวใช้คนสนิทของมารดาเธอก็เข้ามา และเชิญเธอไปยังอาคารหลักของคฤหาสน์ตระกูลหลิว ตามคำพูดของนายผู้หญิง

หลิวจู่เสียนยืนขึ้นช้าๆ โม่จูที่อยู่ทางด้านหลัง ก็หยิบเสื้อคลุมสีเข้ม มาสวมทับให้กับคุณหนูของเธอ หลังจากนั้นหลิวจู่เสียนก็เดินตามสาวใช้ผู้นั้นออกไป

เมื่อเธอมาถึงห้องโถงหลัก เธอก็สังเกตเห็นได้ว่าสีหน้าบิดาและมารดาของเธอนั้นไม่ค่อยจะดีนัก

โดยเฉพาะท่านแม่ของเธอนั้นยังคงถือผ้าเช็ดหน้าเพื่อซับน้ำตาอยู่ตลอดเวลา

หลิวจู่เสียนสามารถเข้าใจได้ว่าในเวลานี้มารดาของเธอนั้นทุกข์ใจมากเพียงใด เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ และเดินตรงเข้าไปเพื่อทักทายท่านพ่อและท่านแม่ จากนั้นเธอก็นั่งลงอีกเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของทั้งคู่อย่างเรียบร้อย

หลิวเจิ้งหยางและภรรยา มองดูลูกสาวคนเล็กด้วยด้วยความรัก และในแววตายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสารอีกด้วย!

ในเวลานี้เมื่อทั้งสองคน สังเกตดูรูปลักษณ์ของบุตรีของตน ทั้งคู่ก็สังเกตได้ว่าบัดนี้ลูกสาวตัวน้อยของพวกเขานั้นได้เจริญเติบโตจนเป็นสาวแรกรุ่นแล้ว!

ใบหน้าเรียวยาวราวกับเมล็ดแตงโม ผมสีดำยาวราวกับน้ำหมึก คิ้วคมเข้มโก่งได้รูปเป็นคันศร ขนตางอนยาวและนัยน์ตากลมโตราวกับสีนิล จมูกโด่งเป็นสันอย่างได้รูป ริมฝีปากแดงเป็นกระจับจนน่าดึงดูดใจ แต่ที่น่าทึ่งมากกว่านั้นนั่นก็คือผิวขาวอมชมพูที่สว่างราวกับแสงพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ!

ทั้งคู่ต่างเชื่อมั่นได้ว่าบุตรีของตนนั้นเป็นเด็กสาวที่สวยสุดในเมืองหลวงเลยก็ว่าได้ และเมื่อรวมเข้าท่าทางที่เรียบร้อยและสง่างาม รวมถึงนิสัยที่มีความกตัญญู ก็สามารถรู้ได้ทันทีเลยว่าบุตรีของพวกเขาจะต้องเป็นแม่บ้านที่ดีของสามีในอนาคตอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ลูกสาวคนเล็กผู้นี้ ยังอ่อนโยนและฉลาดเฉลียวมากอีกด้วย ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจมากที่สุดของคนทั้งคู่

อย่างไรก็ตามลูกสาวตัวน้อยๆ ที่พึ่งจะย่างเข้าสู่วัยอันสดใส กำลังจะถูกบังคับให้แต่งงานกับเจ้าชายอันธพาลจอมเสเพล ที่เลวร้ายที่สุดแห่งเมืองหลวง! และชีวิตของเธอนับจากนี้ไปคงจะไม่มีความสุขอย่างแน่นอน! แล้วจะไม่ทำให้พวกเขาที่เป็นบิดาและมารดาเศร้าโศกเสียใจได้อย่างไร?

หลิวเจิ้งหยางและภรรยา ไม่เคยคิดที่จะใช้ลูกๆของตนเพื่อบรรลุความสำเร็จ ทั้งคู่รู้สึกว่าความเป็นอยู่ในทุกวันนี้ก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว

ความปรารถนาสุดท้ายของทั้งคู่นั่นก็คืออยากให้ลูกๆ ทุกคน อยู่ดีมีสุขไปตลอดชีวิต!

“ท่านพ่อท่านแม่! ที่พวกท่านให้ข้ามาที่นี่คงจะมีเรื่องที่สำคัญมาก แจ้งแก่ข้าใช่หรือไม่?”

หลิวจู่เสียนพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส เนื่องจากบิดาและมารดาของเธอนิ่งเงียบอยู่นาน เธอจึงเป็นฝ่ายริเริ่มเพื่อให้ทั้งคู่บอกข่าวสำคัญแก่เธอ!

เมื่อคุณหญิงหลิวได้ยินคำพูดของบุตรี เธอก็ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นปาดน้ำตา และเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกครั้ง

หลิวเจิ้งหยางเองก็รู้สึกเศร้าใจไม่ต่างกัน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและถอนหายใจอยู่หลายครั้ง ก่อนจะกะแอมในลำคอเบาๆแล้วพูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า

“เสียนเอ๋อ! พ่อมีข่าวที่ไม่ค่อยจะดีนัก ต้องการแจ้งให้กับเจ้าทราบ พ่อหวังว่าเจ้าจะทำใจยอมรับและไม่ตื่นตระหนกตกใจมากเกินไป!”

“ค่ะท่านพ่อ! ลูกกำลังตั้งใจฟังอยู่!”

หลิวจู่เสียนพูดตอบรับด้วยน้ำเสียงที่สงบ! ด้วยทัศนคติอันมั่นคงและผ่อนคลายดังแม่น้ำสายใหญ่ที่เย็นฉ่ำ ทำให้หลิวเจิ้งหยางผู้เป็นบิดารู้สึกสบายใจมากขึ้น

“ลูกเอ้ย~ เมื่อเช้านี้พ่อได้ไปประชุมขุนนางต่อหน้าพระพักตร์ขององค์ฮ่องเต้ หลังจากการพูดคุยเกี่ยวกับการว่าราชการจบลงแล้ว พระองค์ก็หันมาพูดคุยกับพ่อ โดยมีพระราชกฤษฎีกาเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าต้องการให้เจ้านั้นแต่งงานกับเจ้าชายฉินเสี่ยวเทียนแห่งเมืองอันหยาง หลังจากนี้อีก 2 เดือน!”

“เฮ้อ~ ลูกรัก ถึงว่าแม้ว่าพ่อของเจ้าผู้นี้จะมีความสามารถไม่มากพอ และทั้งชีวิตอาจจะเป็นได้แค่คณบดีในสถานศึกษาจนเกษียณอายุราชการ แต่พ่อเธอก็ไม่เคยคิดที่จะแลกเปลี่ยนความสุขของลูกๆ เพื่อตำแหน่งขุนนางหรือความเจริญก้าวหน้าใดๆ ทั้งหมดที่พ่อและแม่คิดเอาไว้เสมอนั่นก็คือ ลูกๆของพ่อและแม่ทุกคน จะมีครอบครัวที่ดีและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ตลอดไป…”

เมื่อคำพูดมาถึงประโยคนี้ หลิวเจิ้งหยางก็หยุดชั่วคราว เขารู้สึกสะเทือนอารมณ์จนจุกแน่นในอก ดวงตาของเขานั้นเป็นปื้นสีแดงเล็กน้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ก่อนจะพูดต่อไปว่า

“แต่ด้วยเป็นพระราชโองการของพระองค์ท่าน หากพวกเราคิดฝ่าฝืนนั่นเท่ากับเป็นการไม่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินและองค์ฮ่องเต้ และโทษที่จะได้รับนั้นก็หนักหนาสาหัสและรุนแรงมากเช่นเดียวกัน ตระกูลของเราอาจจะถึงคราวจบสิ้น…”

หลิวเจิ้งหยางเป็นคนซื่อสัตย์และเป็นขุนนางที่ภักดีต่อราชวงศ์และแผ่นดินมาโดยตลอด ความรักชาติฝังแน่นอยู่ในกระดูกของเขา คนเช่นเขานั้นก็ไม่ต่างจากเหล่าแม่ทัพนายกองและทหารกล้า ที่สามารถสละชีวิตเพื่อแผ่นดินได้ เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะทำให้เขาคิดจะฝ่าฝืนพระราชโองการขององค์ฮ่องเต้นั้นย่อมไม่มีทางเป็นไปได้

“ท่านพ่อ! โปรดผ่อนคลายและสบายใจเถิด! ลูกเข้าใจดี!”

หลิวจู่เสียนพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เธอสามารถเข้าใจได้ดีว่าบิดาของตนนั้นคิดอย่างไร

“เนื่องจากองค์ฮ่องเต้พระราชทานตัวลูกให้แก่เจ้าชายฉินแล้ว! ลูกก็มิคิดขัดขืนอันใดให้เสื่อมเสียข

องวงศ์ตระกูล ท่านพ่อท่านแม่ได้โปรดวางใจและผ่อนคลายเถอะ ไม่ต้องเป็นกังวลในตัวลูกหรอกเจ้าค่ะ!”

…. …..

จบบท

…. ….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด