บทที่ 29 บุกโจมตีเผ่าอื่น
บทที่ 29 บุกโจมตีเผ่าอื่น
เดิมทีแล้วปุโรหิตเฒ่าก็คิดจะไปด้วย แต่เนื่องจากปัญหาสุขภาพ เขาจึงต้องยอมอย่างไม่เต็มใจ
โรคของเขาหลังจากได้รับพรจากเทพแห่งแสงเมื่อครั้งที่แล้วดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังคงทนกับการเดินทางได้ไม่ไหว
"วางใจเถอะ" หัวหน้าเผ่าพยักหน้าอย่างจริงจัง
ปุโรหิตเฒ่าที่ยืนนิ่งยกมือขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นคนข้างหน้าหรือข้างหลัง ต่างก็หันไปมองที่สิ่งที่เขาถืออยู่ในมือ
"ข้าจะฝากศิลาศักดิ์สิทธ์ไว้กับท่าน"
ปุโรหิตเฒ่าพูดอย่างเคารพและยื่นศิลาศักดิ์สิทธิ์ให้หัวหน้าเผ่า
หัวหน้าพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและยกมือรับศิลาศักดิ์สิทธิ์ให้อย่างสุภาพ
หลังจากรับศิลาศักดิ์สิทธิ์แล้ว หัวหน้าหันไปมองที่กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลัง
"ชาวเผ่าทุกคน เตรียมตัวออกเดินทาง สู้เพื่อเทพของพวกเรา"
"สู้..."
ในเสียงเชียร์ที่ดังสนั่น หัวหน้าพา 30 กว่าคนเดินไปข้างหน้า โดยมีปุโรหิตเฒ่าและคนอื่นๆ ยืนมอง
ในขณะที่พวกเขากำลังออกเดินทางนั้น
ที่เผ่าน้ำแข็ง ก็เตรียมที่จะส่งทีมสำรวจออกไปเช่นกัน
........
ระหว่างทาง
“ผู้เฒ่าจี้ เราควรไปทางไหน?”
หัวหน้าเผ่าหันศีรษะไปถามชายชราที่เดินอยู่ข้างๆ
ชายชราใบหน้ามีแต่ริ้วรอยเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง “เราเดินตามแม่น้ำสายนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงทางล่างก็จะเจอ”
พูดจบ เขาหันไปมองป่าไม้เขียวชอุ่มรอบๆ
หัวหน้าเผ่าพยักหน้า เรียกพรรคพวกให้เดินตามแนวแม่น้ำไกลถ้ำออกไปเรื่อยๆ
ในศิลาศักดิ์สิทธิ์ ซูหยุนมองแม่น้ำสายใหญ่ด้วยความครุ่นคิด
แม่น้ำกว้างกว่าสิบเมตร ยิ่งไปใกล้จุดศูนย์กลางสีน้ำยิ่งดำสนิท ไม่อาจคาดเดาความลึกของแม่น้ำได้เลย
เสียงน้ำไหลดัง “ซ่า ซ่า” ไม่ขาดสาย
เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำ บริเวณสองฝั่งแม่น้ำมีต้นไม้สูงใหญ่น้อยมากเนื่องจากน้ำท่วม ทำให้การเดินทางของพวกเขาสะดวกสบายขึ้น
ระหว่างทาง พวกสัตว์ป่าที่ลงมาดื่มน้ำปรากฏให้เห็นเป็นครั้งคราว รวมถึงสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่บางชนิด
แต่เมื่อเห็นกลุ่มคนกว่า 30 คนนี้ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็ทำให้มันเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว
เดินไปได้ประมาณสองสามกิโลเมตร ใบหน้าของทุกคนเริ่มแสดงอาการเหนื่อยล้า
“เดี๋ยวก่อน!”
ผู้เฒ่าจี้ตาเบิกกว้างร้องออกมา รีบวิ่งไปข้างหน้า
เมื่อถึงที่หมาย เขาก้มลงมองพื้นอย่างละเอียด แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างตื่นเต้นพลางร้องเรียก “หัวหน้าเผ่า น่าจะอยู่ใกล้ๆ นี้แล้ว ข้าพบร่องรอยที่คนทิ้งไว้!”
หัวหน้าเผ่านำคนเดินตามมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาก้มลงมองพื้นเพื่อดูว่ามันคืออะไร
คนอื่นๆ เองก็มองตาม และจากนั้นสีหน้าก็ดูแปลกประหลาดขึ้นมาทันที
“นี่มัน…”
เพียงเห็นกองของเหลวสีดำเหลืองที่มีกลุ่มแมลงวันบินวนอยู่ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
“ผู้เฒ่าจี้ นี่คือร่องรอยที่เจ้าว่าหรือ?”
ชายคนหนึ่งในกลุ่มชื่อ "ซื่อโถว" ทนไม่ไหว ถามออกมาทันที
สิ่งของสีเหลืองมีกลิ่นฉุนที่อยู่บนพื้นนั้นทำให้คนมองรู้สึกไม่สบายลูกตา
“ถูกต้อง!” เฒ่าจี้ตบหน้าอกอย่างภาคภูมิใจ “จากประสบการณ์หลายปีของข้า นี่ต้องเป็นสิ่งที่คนทิ้งไว้แน่นอน!”
เขาโบกมือเรียก “พวกเจ้าลองมาดูรูปร่างของมัน จากนั้นลองดมกลิ่นอันคุ้นเคยนี้ เจ้าจะรู้ว่าข้าไม่ได้โกหก!”
“เอ่อ… ไม่ดีกว่า…”
ซื่อโถวฝืนยิ้ม พลางรีบเงียบปาก
ในใจเขาพึมพำ “รูปร่างกับกลิ่น? ตาเฒ่านี่คงไม่มีรสนิยมแปลกๆ ใช่ไหม?”
คิดอะไรบางอย่าง เขามองผู้เฒ่าจี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง
ในศิลาศักดิ์สิทธิ์ ซูหยุนเองก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก รู้สึกประหลาดใจที่ในเผ่ายังมีคนที่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดาและมีทักษะที่ไม่เหมือนใครแบบนี้
“แค่กๆ…” หัวหน้าเผ่ากระแอมสองสามครั้ง รีบเบี่ยงเบนความสนใจ กล่าวอย่างจริงจัง “ในเมื่อมันเป็นร่องรอยของคน พวกเราก็ไปหาต่อแถวนี้กัน!”
“ได้ครับ!”
ทุกคนตอบพร้อมเพรียง
กลุ่มคนเริ่มค้นหาในบริเวณใกล้เคียง
ด้วยพลังของคนจำนวนมาก ไม่นานนักพวกเขาก็พบเบาะแสใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
“เจอแล้ว! รีบมาดูเร็ว!”
คนอื่นๆ รีบกรูกันเข้ามา
“ตรงนั้นมีคน!”
ทุกคนมองไปยังทิศทางที่ชายคนนั้นชี้ไป
ปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งที่สวมกระโปรงหนังสัตว์ ร่างกายผอมแห้งยิ่งกว่าคนในเผ่าของพวกเขา ปรากฏขึ้นให้เห็น
ขณะเดียวกัน เมื่อชายคนนั้นเห็นพวกเขา ก็ถูกเสียงฝีเท้าทำให้ตกใจ
ซานผู่หันกลับมามองด้วยความระแวดระวัง ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นสัตว์ป่า แต่พอเพ่งมองชัดๆ เขาก็เผยสีหน้าตื่นกลัว
“พวกเจ้าเป็นใคร?”
พวกต่างเผ่ามาจากที่ไหน?
พวกเขาต้องการอะไร?
สองความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัว ก่อนที่เขาจะไม่พูดพร่ำทำเพลง หันหลังแล้ววิ่งหนีทันที!
ไม่ว่าเหตุผลที่พวกเขามาที่นี่คืออะไร ซานผู่ก็มั่นใจว่าพวกเขาไม่ได้มาดี คนต่างเผ่ามักไม่มีน้ำใจเสมอ เขาไม่อยากตาย
“ตามไป!”
หัวหน้าเผ่าออกคำสั่งเสียงเข้ม พร้อมนำกลุ่มคนวิ่งตามไป
แต่พวกเขาไม่ได้เร่งจับจริงจัง เพราะยังต้องการให้ชายคนนั้นนำทางต่อไปหาที่อยู่ของเผ่าเขา
ซานผู่หอบหายใจหนัก ฝีเท้าสะเปะสะปะ วิ่งไปจนถึงหน้าปากถ้ำแห่งหนึ่ง
เขาตะโกนด้วยความตื่นตระหนก “พวกเจ้า! มีคนต่างเผ่าอยู่ที่นี่ ช่วยข้าด้วย!”
“อะไรนะ คนต่างเผ่า?”
คนที่อยู่ใกล้ปากถ้ำหน้าเปลี่ยนสี รีบรวมตัวกัน และบางคนวิ่งเข้าไปในถ้ำเพื่อเรียกคนออกมา
หัวหน้าเผ่าเฝ้ามองถ้ำที่เล็กกว่าที่พักของพวกเขา ใบหน้าดุดันของเขาเริ่มปรากฏรอยยิ้มออกมา
เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือ แต่เลือกที่จะรอให้คนในเผ่าฝ่ายตรงข้ามออกมารวมตัว
ประมาณสิบกว่านาทีต่อมา คนจากในถ้ำและป่ารอบๆ ค่อยๆ เดินออกมา
ชายฉกรรจ์หลายสิบคนทำให้เผ่านี้ระมัดระวังตัวอย่างมาก พวกเขาจึงเรียกคนส่วนใหญ่ในเผ่าออกมา
เมื่อทุกคนมาถึงครบ พวกเขาจึงค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นบ้าง
ผู้คนร้อยกว่าชีวิตยืนกันหนาแน่น ความได้เปรียบด้านจำนวนทำให้สายตาที่พวกเขามองกลุ่มคนต่างเผ่าเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร
ชายร่างกำยำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเดินออกมาจากฝูงชน
“พวกคนต่างเผ่า! มาที่เผ่าของพวกเราต้องการอะไร?”
เขาชี้อาวุธในมือมาที่พวกเขา พร้อมตวาดเสียงดุ “ถ้าไม่พูดมาให้ชัด พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ถอยกลับไปเลยวันนี้!”
จำนวนคนที่มากกว่าให้ความมั่นใจกับเขา ทำให้ท่าทีของเขาหยิ่งผยองและไม่เห็นกลุ่มคนต่างเผ่าเพียงไม่กี่สิบคนอยู่ในสายตา
ในความคิดของคนโบราณเหล่านี้ที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ชั้นเชิง การที่มีคนเยอะกว่าหมายถึงเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ
หากเกิดการต่อสู้ พวกเขามีคนมากถึงขนาดนี้ แม้ต้องรุมกลุ่มคนต่างเผ่าไม่กี่สิบชีวิต ก็ไม่มีทางที่พวกนั้นจะชนะได้
“พวกเราคือคนของเผ่าหยานหวง” หัวหน้าเผ่าเผยรอยยิ้มมั่นใจ พร้อมลูบก้อนศิลาศักดิ์สิทธิ์ในเสื้อ เดินออกมาข้างหน้า
“วันนี้พวกเรามาเพื่อรับพวกเจ้าเข้าร่วมเผ่าของเรา”
เสียงทุ้มหนักประกาศเจตนาออกมาอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่คิดอ้อมค้อมแม้แต่น้อย
คำพูดของเขาทำให้กลุ่มคนอีกฝ่ายทั้งร้อยกว่าชีวิตแสดงความไม่พอใจและโกรธจัด
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
“อยากตายหรือไง!”
พวกเขาตะโกนด้วยความโมโห พร้อมยกอาวุธขึ้นชี้กลุ่มคนต่างเผ่า
“ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?” หัวหน้าเผ่าซานหัวเราะลั่น ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิต
“ฮ่าๆๆ...แค่พวกเจ้ากลุ่มกระจ้อยร่อยนี้ ยังกล้ามาบุกเผ่าซานของพวกข้า?”
เสียงหัวเราะของเขาดังลั่น จนคนอื่นๆ รอบข้างพลอยขำตาม พากันหัวเราะอย่างเต็มที่
“ฮ่าๆๆ... ถูกแล้ว! พวกน้อยนิดแค่นี้ยังกล้าบุกมาทำอวดดีในเผ่าของพวกเรา ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!”
(จบตอนที่ 29 )