บทที่ 240 เรื่องประหลาดในเมือง ตอนที่ 7
บทที่ 240 เรื่องประหลาดในเมือง ตอนที่ 7
เหราเมิ่งฮวาได้รับโทรศัพท์หลังจากกลับถึงบ้านได้สักพัก อันที่จริง ตอนที่เธอไม่สามารถติดต่อผางสุ่ยเยว่ได้นั้น เธอก็พอจะเดาได้แล้วว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
เมื่อได้รับสาย เธอก็ทำได้เพียงคิดว่า “แบบนี้จริงๆ ด้วย”
เธอใจเย็น แต่เซี่ยงเสี่ยวซิงกลับไม่สามารถสงบได้
เซี่ยงเสี่ยวซิงเป็นผู้หญิงผมสั้นที่ใจร้อน ตามคำพูดของกู่เถียนเถียน เธอเหมือนประทัดที่พร้อมจะถูกจุดให้ระเบิด
เมื่อรู้ว่าผางสุ่ยเยว่เกิดเรื่อง เซี่ยงเสี่ยวซิงก็พูดในห้องด้วยเสียงดังลั่นโดยไม่ได้ลดเสียง ทำให้เวินซวีที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาได้ยินเรื่องราวคร่าวๆ
เซี่ยงเสี่ยวซิง: “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ? เราก็เจอผีเหมือนกัน แต่พลังมันต่ำมาก ผางสุ่ยเยว่ก็มีดาบไม้พีช ถึงจะเป็นผีในภารกิจระดับสูง เธอก็น่าจะรับมือได้บ้าง และที่สำคัญ หัวหน้าเองก็ตามไปหาเธอทันเวลาแล้ว”
เหราเมิ่งฮวา: “อย่างไรก็เถอะ เธอตายไปแล้ว ตอนฉันไปถึงป้ายรถเมล์ก็ไม่เห็นเธอแล้ว”
เซี่ยงเสี่ยวซิง: “แค่ไม่กี่นาทีเอง เธอก็หายตัวไปแล้ว ถึงเธอจะมีอุปกรณ์ไม่มาก แต่แค่ช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้ก็ถูกจัดการได้แล้ว งั้นพวกเราที่เหลือจะเป็นยังไงต่อ?”
เธอเริ่มกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง แม้ว่าผางสุ่ยเยว่จะเป็นคนที่มีพลังน้อยที่สุดในทีม แต่แค่การใช้อุปกรณ์ในครั้งเดียวก็น่าจะพอให้รอดได้ แต่ผลกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เหราเมิ่งฮวาไม่อยากพูดอะไรมากอีกแล้ว เธอเพียงแค่อยากหาทางให้จบภารกิจนี้โดยเร็วที่สุด
เหราเมิ่งฮวา: “เรื่องงานอื่นๆ ช่างมันก่อน คิดให้ออกดีกว่าว่าภารกิจนี้จะจบยังไง ผางสุ่ยเยว่น่าจะเจอผีที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ถ้าเรายังออกไปจากที่นี่ไม่ได้ ผลลัพธ์คงไม่ต่างจากเธอ”
เซี่ยงเสี่ยวซิงเดินวนไปวนมาในห้องด้วยความร้อนใจ ขณะที่เวินซวีกินแอปเปิลคำสุดท้ายแล้วลุกขึ้นยืน
...
เวินซวี: “ทีมของพวกเขาเกิดเหตุที่ป้ายรถเมล์ เวลาที่เกิดเรื่องสั้นมาก เพื่อนร่วมทีมไปถึงก็ช่วยไม่ทันแล้ว”
เสิ่นชงหราน: “น่าจะเหมือนกับข่าวที่เคยออกก่อนหน้านี้ คนที่ถูกควบคุมให้เดินออกจากถนนชุนซี”
เฟิงอี้เฉิน: “คงประมาณนั้น พรุ่งนี้ลองติดตามข่าวดูอีกที”
กู่เถียนเถียน: “พอพูดถึงภารกิจระดับสูง ผีก่อนหน้านี้ที่เราเจอพลังต่ำมาก พวกเขาก็น่าจะจัดการได้ง่าย แต่ทำไมครั้งนี้ถึงเลวร้ายขนาดนี้?”
เสิ่นชงหราน: “แต่เธอเคยบอกว่าผีก่อนหน้านี้จัดการยากไม่ใช่เหรอ?”
กู่เถียนเถียน: “ใช่ มันชอบขู่ฉันมาก พลังมันก็ไม่ได้อ่อนแอ แต่ก็ไม่ยากเกินจะจัดการ ครั้งหน้าจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
เวินซวี: “สถานการณ์แบบนี้แย่จริงๆ พรุ่งนี้เราต้องใช้เวลาเพิ่มเติมหาข้อมูลเรื่องเล่าเขย่าขวัญ ไม่งั้นเหมือนที่ทีมของพวกเขาพูดไว้ เราคงออกไปไม่ได้ และผลลัพธ์คงไม่ดีแน่”
แม้เวินซวีจะทำภารกิจระดับสูงมาหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอภารกิจที่ไม่มีเป้าหมายชัดเจนเช่นนี้
หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นชงหรานและเฟิงอี้เฉินก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ ซึ่งสอบถามเกี่ยวกับผางสุ่ยเยว่ และขอให้พวกเขาไปให้ปากคำเมื่อมีเวลา
เสิ่นชงหรานผ่านค่ำคืนโดยไม่ได้ฝันอีกตามเคย เธอคิดถึงช่วงเวลาที่เคยฝันและได้เบาะแสจากความฝัน แต่พลังนี้กลับใช้งานได้ยากเกินไป
เช้าวันต่อมา เธอและเฟิงอี้เฉินนั่งรถไปทำงานด้วยกัน ก่อนออกจากบ้าน พวกเขาเห็นจี้หยวนหมิงที่ดูอารมณ์เสียสุดๆ เมื่อเห็นทั้งคู่ เขาก็ทำหน้าไม่พอใจ
เมื่อถึงที่ทำงาน เสิ่นชงหรานเห็นกลุ่มเพื่อนร่วมงานกำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่
เสิ่นชงหราน: “คุยอะไรกันอยู่?”
ชายสวมแว่นที่เป็นผู้นำการสนทนาโบกมือเรียกเธอ “มานี่สิ เรากำลังคุยเรื่องอุบัติเหตุรถชนเมื่อคืน”
เมื่อนึกถึงผู้ทำภารกิจที่เคยพักอยู่ใต้หลังคาเดียวกันกับเธอที่เสียชีวิต เธอจึงเดินเข้าไป
หลังจากเธอนั่งลง ชายสวมแว่นก็พูดต่อ “เธอรู้เรื่องอุบัติเหตุเมื่อคืนใช่ไหม? เกิดที่ถนนชวนหยาง ฉันเคยเล่าเรื่องผีจากโพสต์นี้ให้เธอฟังใช่ไหม ตอนนั้นคนที่ตายก็วิ่งไปที่ถนนแบบไม่มีสาเหตุ และเมื่อคืนผู้หญิงที่ประสบอุบัติเหตุก็เหมือนกัน กล้องวงจรปิดถ่ายภาพไว้ได้ชัดเจน”
เพื่อนร่วมงานบางคนถอนหายใจ “เด็กสาวตัวเล็กๆ ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้ ฉันดูคลิปแล้ว เธอยืนอยู่ข้างถนนพักหนึ่ง จากนั้นพุ่งตัวไปตอนรถบรรทุกกำลังมา เมื่อคืนฉันเห็นข่าวในช่องท้องถิ่นพอดี”
“ฉันก็ได้ดูเหมือนกัน ตอนนั้นสามีฉันยังบอกเลยว่าโชคไม่ดีจริงๆ ที่เจอคนที่เหมือนจงใจหาเรื่องตายแบบนี้”
เสิ่นชงหรานก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไร ชายสวมแว่นเห็นดังนั้นก็แซวขึ้นว่า “อะไรกัน กลัวจนพูดไม่ออกแล้วเหรอ?”
เสิ่นชงหรานส่ายหน้า “เปล่าหรอก ผู้หญิงที่เกิดเหตุคนนั้นคือหนึ่งในรูมเมตที่เช่าบ้านร่วมกับฉัน”
เพื่อนร่วมงานต่างตกใจ “อะไรนะ! บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ!”
“จริงเหรอ? เธอคนนั้นมีปัญหาอะไรหรือเปล่าถึงทำแบบนั้น?”
“ใช่ หรือว่าไปทะเลาะกับใครมาจนทำอะไรโดยไม่คิด?”
เสิ่นชงหรานตอบ “ไม่มีใครทะเลาะกับเธอหรอก พวกเราเช่าบ้านอยู่ด้วยกันสี่คน แยกกันอยู่คนละห้อง ปกติเราไม่ค่อยได้กินข้าวด้วยกัน และพูดคุยกันน้อยมาก วันนี้บ่ายฉันตั้งใจจะลางานไปให้ปากคำกับตำรวจ”
เพื่อนร่วมงานต่างถอนหายใจ “งั้นคงต้องสอบถามจากครอบครัวเธอแล้วล่ะ”
“เสียดายนะ เด็กสาวสวยๆ โดนรถชนจนสภาพแบบนั้น”
หลังจากพูดคุยเรื่องนี้กันได้ไม่นาน ทุกคนก็กลับไปทำงานต่อ
เสิ่นชงหรานกลับมานั่งที่โต๊ะ เธอเริ่มค้นหาข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้ และได้ดูวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่าผางสุ่ยเยว่อยืนตัวตรงอยู่ริมถนน นิ่งสนิทอยู่นานหลายนาทีโดยไม่ขยับศีรษะเลย
แต่ทันทีที่รถบรรทุกแล่นมาใกล้ เธอกลับวิ่งพุ่งออกไปโดยไม่มีความลังเล ซึ่งเหมือนกับกรณีของชายหนุ่มที่เกิดเหตุไปก่อนหน้านี้
เสิ่นชงหรานดูวิดีโอซ้ำอีกครั้ง และพบว่าท่าทางการวิ่งของผางสุ่ยเยว่แปลกประหลาดมาก เธอวิ่งด้วยขาที่เหยียดตรงไปข้างหน้า มันดูผิดธรรมชาติอย่างสิ้นเชิง
ไม่แปลกใจเลยที่ความคิดเห็นใต้คลิปต่างบอกว่าการตายของเธอดูน่าสงสัย เสิ่นชงหรานคิดในใจว่า มันต้องเป็นฝีมือของผีร้ายแน่นอน
เธอปิดวิดีโอและจัดการงานอื่นเล็กน้อยก่อนจะเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเล่าเขย่าขวัญเพิ่มเติม พร้อมทั้งยื่นคำขอลางาน
หัวหน้างานที่ทราบเรื่องก็อนุญาตให้เธอลางานสามชั่วโมงทันที ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
จากนั้นเธอค้นหาคลิปของชายหนุ่มที่เคยเกิดเหตุ และพบว่าแทบไม่มีใครพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เสิ่นชงหรานตัดสินใจเริ่มดำเนินการโพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ในฟอรัม
ก่อนหน้านี้ เธอได้ปรึกษาเพื่อนร่วมทีมว่าจะโพสต์อย่างไรให้ไม่ถูกติดตามได้ง่าย เวินซวีช่วยสร้างบัญชีใหม่ให้เธอและแนะนำให้ใช้คอมพิวเตอร์เฉพาะเครื่องหนึ่งในการโพสต์
เมื่อเข้าสู่ระบบบัญชีใหม่ เธอเปรียบเทียบพฤติกรรมในวิดีโอของชายหนุ่มและผางสุ่ยเยว่ ซึ่งแสดงท่าทางประหลาดเหมือนกันตอนพุ่งไปยังถนน
หลังจากโพสต์เสร็จ เธอกลับไปทำงานต่อ
ใกล้เที่ยงก่อนเลิกงาน เธอเข้าไปดูโพสต์อีกครั้งและพบว่ามันกลายเป็นกระแสไวรัลแล้ว
สิ่งที่ทำให้คนสนใจมากคือท่าทางประหลาดของชายหนุ่มและผางสุ่ยเยว่ที่วิ่งออกไปยังถนน ทั้งคู่มีลักษณะเหมือนกันจนหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเชื่อมโยงถึงเรื่องลี้ลับ
เมื่อเห็นโพสต์ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น เธอหวังว่าชาวเน็ตจะสามารถให้เบาะแสที่มีประโยชน์ได้
หลังจากบอกลาพนักงานในบริษัท เธอไปพบเฟิงอี้เฉิน ทั้งสองจะไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ
ก่อนหน้านั้น พวกเขาแวะร้านอาหารเพื่อทานข้าว เสิ่นชงหรานเล่าเรื่องโพสต์ของเธอให้เฟิงอี้เฉินฟัง
“บัญชีที่ใช้โพสต์ เวินซวีช่วยฉันสร้างให้ คอมพิวเตอร์ก็เป็นของเขา เขาบอกว่าจะไม่มีใครตามหาข้อมูลได้ ตอนนี้โพสต์ได้รับความสนใจมาก ฉันเริ่มกังวลว่ามันจะปลอดภัยจริงไหม”
เฟิงอี้เฉินจิบซุปแล้วพยักหน้า “อย่ากังวล เวินซวีเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ เขาจัดการได้แน่ เวลาให้ปากคำก็แค่บอกความกังวลของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็พอ...”
..........