บทที่ 113 สุสานลับชั้นสอง
บทที่ 113 สุสานลับชั้นสอง
เสี่ยวเหลียงและสามพี่น้องตระกูลฮั่นรีบวิ่งเข้ามาดูหนังสือสกิลภายในเมืองของลู่หยางด้วยความสงสัย
“ลูกพี่ มันคือหนังสือสกิลอะไรงั้นเหรอครับ?” เสี่ยวเหลียงถาม
ลู่หยางทำการกดแชร์รายละเอียดของสกิลให้ทุกคนดู
เฟลมสตอร์ม
ประเภท เวทมนตร์ธาตุไฟ
มานาที่ต้องใช้ 65
เวลาร่าย 3 วินาที
ระยะ 30 เมตร
รายละเอียด ปล่อยพายุเพลิงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 เมตรไปยังตำแหน่งที่กำหนด สร้างความเสียหายธาตุไฟ 164 หน่วยพร้อมสร้างสถานะเผาไหม้ 22 หน่วยต่อวินาทีเป็นเวลา 3 วินาที พายุเพลิงมีโอกาส 20% ที่จะทำให้เป้าหมายในพื้นที่ติดสตั๊น
“มันก็ดูไม่ได้มีอะไรพิเศษนี่ครับ” ฮั่นเฟยพูดอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมลู่หยางถึงมีท่าทีตื่นเต้นขนาดนั้น
“กว่าจะร่ายเวทมนตร์ 3 วินาที ศัตรูมันก็คงจะวิ่งหนีออกไปจนหมดแล้ว” ฮั่นอวี่พูดอย่างไม่เข้าใจด้วยเช่นกันและเขาก็รู้สึกว่าตัวเองสามารถหลบหนีจากสกิลนี้ได้อย่างง่ายดาย
“ดูนี่นะ” ลู่หยางกล่าว ก่อนจะมีเปลวไฟเป็นจำนวนมากปะทุออกมาจากร่างของนักเวทหนุ่ม
ร่างของลู่หยางกลายเป็นแสงสีขาวก่อนที่เขาจะไปปรากฏตัวท่ามกลางซอมบี้ทั้งห้าตัวที่เพิ่งลุกขึ้นมาจากพื้น จากนั้นเขาก็ใช้คทากระทุ้งลงไปบนพื้น
เฟลมสตอร์ม!
พายุเพลิงเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 เมตรปะทุขึ้นใต้ฝ่าเท้าของซอมบี้อย่างรุนแรง แล้วมันก็เป็นพายุที่มีความสูงขึ้นไปในอากาศถึง 5 เมตร
-584
ตัวเลขความเสียหายปรากฏขึ้นเหนือศีรษะซอมบี้แต่ละตัวพร้อมกับสัญลักษณ์ติดสตั๊นเป็นเวลา 2 วินาที
ซอมบี้ที่เพิ่งฟื้นคืนชีพมีพลังชีวิตเพียงแค่ประมาณ 800 หน่วย หลังจากพวกมันถูกโจมตีไปไม่ถึง 2 วินาทีในที่สุดพวกมันก็ตายลงกับพื้น
“ลูกพี่สามารถสร้างพายุเพลิงขึ้นมาได้ทันทีและยังทำให้เป้าหมายติดสตั๊นได้ด้วยงั้นเหรอครับ?” เสี่ยวเหลียงถามอย่างตกใจโดยมีทั้งสามพี่น้องกำลังมองมาอย่างประหลาดใจด้วยเช่นกัน
“ถ้าเป็นแบบนี้พวกนายคิดว่ายังจะหลบได้อยู่อีกไหม?” ลู่หยางเดินกลับมาถาม
“ถ้าพี่คอมโบสกิลแฟลชกับเฟลมสตอร์มเข้าด้วยกันแบบนั้นผมคงหลบไม่ได้แน่ ๆ” ฮั่นเฟยกล่าวอย่างทึ่ง ๆ
“แล้วถ้าฉันใช้เฟลมเบิร์ดออกมาด้วยล่ะ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวเหลียงและสามพี่น้องตกตะลึงอยู่กับที่ เพราะถ้าหากลู่หยางใช้สกิลแฟลชกระโดดเข้าสู่สนามรบ, ใช้เฟลมสตอร์มทำให้ศัตรูติดสถานะมึนงง ก่อนจะใช้เฟลมเบิร์ดเพื่อสร้างความเสียหาย คอมโบนี้ก็จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับเป้าหมายทุกคนในระยะได้มากกว่า 1,000 หน่วย
เสี่ยวเหลียงเป็นนักรบสายป้องกันเลเวล 11 ที่เพิ่มค่าสถานะพลังกาย 2 หน่วยและความอดทน 3 หน่วย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเต็มยศ เด็กหนุ่มก็มีพลังชีวิตรวม ๆ อยู่เพียงแค่ประมาณ 900 หน่วยเท่านั้น
แน่นอนว่าผู้เล่นอาชีพอื่นที่ไม่ใช่สายป้องกัน แม้พวกเขาจะสวมใส่อุปกรณ์ระดับเงินเต็มทั้งตัวแต่มันก็ไม่มีทางที่ใครจะมีพลังชีวิตเหนือกว่า 1,000 หน่วยในช่วงเวลานี้อย่างแน่นอน
“แบบนี้ถ้าใครโดนคอมโบของลูกพี่เข้าไปก็แทบจะการันตีความตายได้เลย” เสี่ยวเหลียงกล่าวโดยมีพี่น้องทั้งสามพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ตอนนี้พวกนายเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงดีใจขนาดนั้น” ลู่หยางกล่าว
ด้วยคทาดีวายไฟร์สตาฟประกอบกับสกิลเฟลมสตอร์มที่เพิ่งได้รับมา ลู่หยางก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัวผู้เล่นกลุ่มไหนอีกต่อไป เพราะถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีจำนวนมากกว่าเขา แต่คนพวกนั้นก็ไม่มีทางทนรับคอมโบการเทเลพอร์ตไปสร้างความเสียหายในระยะประชิด หรือมันก็หมายความว่ายิ่งอีกฝ่ายมีคนมามากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งเกิดความสูญเสียมากขึ้นไปเท่านั้น
เสี่ยวเหลียงพร้อมกับพี่น้องทั้งสามพยักหน้าพร้อมกันหลังจากได้จินตนาการถึงคอมโบที่ลู่หยางพูดถึง
ลู่หยางเก็บหนังสือสกิลอีกเล่มขึ้นมาจากพื้น ซึ่งมันก็คือหนังสือสกิลไฟร์วอลล์ ชายหนุ่มจึงทำการเรียนรู้สกิลนี้ในทันทีและมันก็ทำให้อาซันนิสท์สตาฟถูกถอดออกจากรายการอุปกรณ์ของเขาโดยสมบูรณ์
“เอานี่ ฉันให้! ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่อาวุธที่มีพลังโจมตีเวทมนตร์สูงนัก แต่มันก็มีสกิลไฟร์วอลล์ติดมาด้วย ต่อไปถ้าพี่ไม่อยู่เธอก็ใช้สกิลไฟร์วอลล์จัดการกับพวกมอนสเตอร์ได้” ลู่หยางกล่าวขณะยื่นอาซันนิสท์สตาฟให้ฮั่นอิ่ง
ฮั่นอิ่งรับคทามาอย่างดีใจ เพราะแม้แต่คทาระดับเหล็กเลเวล 5 ก็ยังมีพลังโจมตีเวทมนตร์สูงไม่เท่าอาซันนิสท์สตาฟ ยิ่งไปกว่านั้นลู่หยางยังใส่อัญมณีสติปัญญาให้กับอาวุธชิ้นนี้ด้วย พลังโจมตีเวทของมันจึงแตกต่างจากสิ่งที่ลู่หยางพูดออกมามาก
“ขอบคุณค่ะ” ฮั่นอิ่งกล่าว
“ไม่ต้องเกรงใจ อย่าลืมว่าเธอคือน้องสาวของฉันนะ” ลู่หยางกล่าวก่อนจะมองดูอุปกรณ์ที่อยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับทุกคนว่า
“ลองดูซิว่ามีของอะไรดี ๆ อยู่อีกไหม? ไปเก็บพวกมันมาให้หมด”
ซอมบี้กว่า 300 ตัวดรอปอุปกรณ์และหนังสือสกิลลงมาอย่างมากมาย เสี่ยวเหลียงกับสามพี่น้องสามารถมองเห็นอุปกรณ์ที่ส่องประกายได้ตั้งแต่ระยะไกล ทุกคนจึงวิ่งเข้าไปเก็บไอเท็มเหล่านี้อย่างสนุกสนาน
ลู่หยางมองท่าทางของทุกคนด้วยรอยยิ้ม ซึ่งหลังจากที่ทุกคนเก็บไอเท็มจนเสร็จเขาก็นำทีมเดินกลับไปยังสามแยกอีกครั้ง ระหว่างทางพวกเขาก็ทำการสังหารมอนสเตอร์ไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดพวกเขาก็เข้าไปยังสุสานชั้นที่ 2
เมื่อเข้ามาในสุสานชั้นที่ 2 พวกลู่หยางก็ถูกล้อมรอบด้วยซอมบี้อย่างมากมาย และเมื่อประมาณการจากสายตา พวกมันก็น่าจะมีจำนวนมากกว่า 200 ตัว
“พี่ลู่หยางที่นี่มีมอนเยอะเลย วันนี้พวกเราต้องขึ้นถึงเลเวล 10 ได้แน่ ๆ” ฮั่นเฟยกล่าวอย่างดีใจ
“บางทีผมก็อาจจะมีโอกาสขึ้นถึงเลเวล 13” เสี่ยวเหลียงกล่าว
“ที่นี่มันคือสวรรค์ของการเก็บเลเวลจริง ๆ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับใช้สกิลไฟร์วอลล์ออกมา
เท่าที่เขาจำได้สุสานลับมีพื้นที่ทั้งหมด 3 ชั้น โดยพื้นที่แต่ละชั้นมีซอมบี้อยู่เป็นจำนวนมากและมันก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เขาพาพวกเสี่ยวเหลียงมีเลเวลเพิ่มขึ้นไปถึงเลเวล 15
หลังจากเดินทางต่อไป ลู่หยางก็มองเห็นก้อนแร่ขนาดใหญ่บริเวณกลางสุสานชั้นที่ 2
“ทุกคนช่วยกันขุดแร่เร็วเข้า แร่อื่น ๆ เอาไปขายกันตามสบายได้เลย แต่แร่เหล็กดำให้เอามาให้ฉัน” ลู่หยางกล่าว
“ได้ค่ะ/ครับ” พี่น้องทั้งสามถืออีเตอร์ก่อนจะเริ่มเข้าไปขุดแร่
ระหว่างนี้ลู่หยางก็ได้ใช้สกิลเผาพวกซอมบี้ต่อไป เมื่อเขาไม่จำเป็นจะต้องใช้เสี่ยวเหลียงช่วยแทงค์มอนสเตอร์แล้ว เขาก็ให้ฮั่นอิ่งส่งอีเตอร์ให้เสี่ยวเหลียง ก่อนที่จะให้เด็กสาวเข้ามาทำหน้าที่คอยล่อมอนสเตอร์บริเวณรอบ ๆ แทน
ลู่หยางนำทีมสังหารมอนสเตอร์ในสุสานชั้น 2 ตลอดทั้งวัน โดยมีเสี่ยวเหลียง, ฮั่นเฟยและฮั่นอวี่คอยขุดแร่ไปด้วย
พอถึงเย็นเลเวลของลู่หยางกับเสี่ยวเหลียงก็เพิ่มขึ้นมาถึงเลเวล 12 กับอีก 80% แล้ว ส่วนสามพี่น้องก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นมาจนถึงเลเวล 10
“เอาล่ะคืนนี้พอแค่นี้ก่อน” ลู่หยางกล่าว
“ไม่เล่นต่อแล้วเหรอครับ?” ฮั่นเฟยกล่าวอย่างอ่อนแอ
“ถ้าเล่นต่อระวังพ่อพวกนายจะว่าเอานะ” ลู่หยางกล่าว
เมื่อสองฝาแฝดมองดูเวลาพวกเขาก็ได้พบว่าตอนนี้พวกเขาเล่นเกมมาเกินกว่า 10 ชั่วโมงแล้ว ทั้งคู่จึงแสดงท่าทีตกใจออกมาในทันที
“แย่แล้ว! แบบนี้ต้องโดนพ่อดุแน่ ๆ เลย” ฮั่นอวี่กล่าวอย่างร้อนรน
“เราจะโดนพ่อทำโทษไหมเนี่ย?” ฮั่นเฟยแสดงท่าทีกังวลออกมาด้วยเช่นกัน
“ไม่เป็นไรหรอก ช่วงนี้ฉันตกลงกับอาจารย์เอาไว้แล้วว่าจะปล่อยให้พวกนายได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่” ลู่หยางกล่าวอย่างเห็นใจ
“เฮ้อ! โล่งอก” สองฝาแฝดกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“เสี่ยวเหลียง เดี๋ยวมาที่บ้านของฉันหน่อย ฉันจะได้แนะนำทุกคนให้รู้จักกันในโลกแห่งความเป็นจริง” ลู่หยางกล่าว
“ลูกพี่จะให้ผมไปนอนที่บ้านลูกพี่เลยไหม? เมื่อวานผมโอนเงินเข้าบัญชีพ่อกับแม่ไปแล้ว พวกเขาดีใจมากจนอนุญาตให้ผมเล่นเกมต่อได้ตามสบาย” เสี่ยวเหลียงกล่าว
“จะมานอนก็ได้แต่ในห้องไม่มีที่ว่างแล้วนะ ถ้าจะนอนนายก็ต้องมานอนห้องนั่งเล่นกับฉันพร้อมกับสองฝาแฝดนั่น” ลู่หยางกล่าว
“ไม่เป็นไรครับ สบายมาก” เสี่ยวเหลียงตอบ
“ถ้างั้นก็มาได้เลย เอาล่ะทุกคนออกจากเกมไปก่อนเดี๋ยวฉันขอจัดการธุระต่ออีกหน่อย” ลู่หยางกล่าว
ชายหนุ่มทำการจัดการแร่เหล็กดำ โดยวันนี้ถือว่าโชคดีมากที่เขาได้รับแร่เหล็กดำมามากกว่า 30 ก้อน ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาตีบวกได้อีกหกครั้ง
ลู่หยางท่องคาถาเพื่อเคลื่อนย้ายไปยังวิหารเทพอสูร ก่อนที่เขาจะวางแร่เหล็กดำไว้บนที่ว่างข้างแท่นบูชา จากนั้นชายหนุ่มก็กดออกจากเกม
ขณะเดียวกันพี่น้องทั้งสามก็กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหาร ซึ่งในระหว่างที่ลู่หยางเข้าไปช่วยเสี่ยวเหลียงก็แบกกระเป๋าเดินทางมาถึงบ้านเขาพอดี
ลู่หยางแนะนำเสี่ยวเหลียงให้ตระกูลฮั่นได้รู้จัก เมื่อเด็กหนุ่มได้รู้ว่าฮั่นจงเป็นอาจารย์ของลู่หยางและพี่น้องทั้งสาม เขาก็ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์อีกคน
“พรุ่งนี้นายลองฝึกขั้นพื้นฐานก่อน ถ้าทนได้ฉันจะรับนายเป็นศิษย์” ฮั่นจงกล่าว
เสี่ยวเหลียงไม่คิดว่าฮั่นจงจะตอบตกลง เขาจึงพูดออกไปอย่างตื่นเต้น
“ผมจะพยายามให้เต็มที่ครับ!”
ด้วยเหตุนี้บ้านของลู่หยางที่แออัดอยู่แล้วก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน แต่มันกลับไม่ได้ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าการใช้ชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบากเลย ในทางกลับกันทุกคนกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นมากยิ่งขึ้น
ถ้าพ่อแม่ลู่หยางกลับมานี่จะมีที่ให้เจ้าของบ้านไหมนะ? 5555