ตอนที่ 24 เด็กสาวลึกลับ
ตอนที่ 24 เด็กสาวลึกลับ
หลังจากที่สวี่จื้อพูดอย่างนั้น คนที่อยู่อีกฝั่งก็คิดแบบเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มเดินเข้ามาใกล้สวี่จื้อ
หลังจากเดินเข้ามาใกล้ๆ สวี่จื้อก็มองเห็นรูปร่างหน้าตาของพวกเขาทั้งสองอย่างชัดเจน หนึ่งในนั้นเป็นชายในวัยสามสิบ และเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่ดูเหมือนอายุประมาณสิบสี่หรือสิบห้าปี
เมื่อดูจากเสื้อผ้า และทัศนคติของพวกเขาทั้งสองแล้ว พวกเขาควรจะมีชีวิตที่ดี อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีอาหาร เสื้อผ้า และน้ำเพียงพอด้วย
และดวงตาของพวกเขาก็ยังใสกระจ่างอยู่
สวี่จื้อไม่มีโอกาสมองดูในกระจกว่าดวงตาของเธอยังดูปกติหรือไม่ หลังจากย้ายจิตสำนึกเข้ามาอยู่ในร่างวิญญาณ แต่เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของคนทั้งสอง ดวงตาของเธอคงจะดูเหมือนคนปกติทั่วไป
อาจเป็นเพราะร่างวิญญาณไม่แสดงพลังที่ชัดเจน เธอจึงไม่ถือว่าเป็นหนึ่งในสาวกหรือเปล่า?
แต่เมื่อพิจารณาจากสกิลของร่างวิญญาณ เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวพันกับพลังเลือดอย่างแน่นอน
ความคิดมากมายแวบขึ้นมาในใจของสวี่จื้อ เธอเดาว่าบางทีแก่นพลังที่ใช้ไปอาจไม่เพียงพอที่จะปลุกพลังจริงๆ ของร่างวิญญาณได้ ดังนั้นเธอจึงไม่แสดงรูปลักษณ์ที่ชัดเจนของผู้ปลุกพลังสายนั้นๆ
แต่หากเธอเพิ่มแก่นพลังมากยิ่งขึ้น สวี่จื้อก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถระงับความกระสับกระส่ายได้อย่างราบรื่นเหมือนกับที่ทำในตอนนี้หรือเปล่า
หากมีโอกาส เธอก็อยากลองตรวจสอบดู แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ คนสองคนที่อยู่ตรงหน้า
สวี่จื้อฟื้นคืนสติ มองไปที่ทั้งสองคนแล้วถามว่า “พวกคุณเป็นใคร”
“โอ้ สวัสดี ผมชื่อหยานซ่งหลิน และนี่คือลูกสาวของผม หยานหรุ่ย พวกเราอาศัยอยู่แถวๆ นี้ แล้วคุณล่ะ?”
ชายที่ชื่อหยานซ่งหลินแสดงออกให้เห็นถึงความสง่างามทั้งในน้ำเสียง ท่าที และสีหน้า คาดว่าก่อนวันสิ้นโลกเขาเกิดในครอบครัวที่ดี และชีวิตหลังวันสิ้นโลกก็ไม่ได้ยากลำบากจนเกินไป นิสัยใจคอของเขาจึงไม่เสื่อมถอยลง
“ฉันมาจากที่อื่น” สวี่จื้อพูดได้เพียงเท่านี้
พ่อลูกคู่นี้น่าจะอาศัยอยู่แถวนี้มานาน และพวกเขาต้องรู้ไม่มากก็น้อยว่ามีใครถูกทิ้งไว้บ้างหลังเมืองถูกปิดตาย ไม่มีประโยชน์ที่จะโกหก
เมื่อเห็นว่าสวี่จื้อตอบสั้นๆ หยานซ่งหลินก็เข้าใจแล้วว่าเธอไม่ต้องการเปิดเผยอะไรไปมากกว่านี้ และโดยธรรมชาติแล้วเขาก็ไม่ได้บังคับ สิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญ
“ถ้าคุณไม่มีที่จะไป จะมากับเราก็ได้นะ”
“ไม่ต้องห่วง เราได้ก่อตั้งฐานเล็กๆ ขึ้น ตอนนี้มีกันอยู่ประมาณ 30 คน ทุกคนต่างเป็นผู้อาศัยในบริเวณใกล้เคียง แล้วเราได้ส่งคนออกไปทุกวันเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต บรรยากาศ และผู้คนในนั้นก็ไม่เลว ด้วยความช่วยเหลือของผู้ปลุกพลัง จึงปลอดภัยกว่าที่อื่นๆ ภายนอกมาก”
ประโยคนี้ ก็ดูคุ้นเคยมากเช่นกัน
แน่นอนว่าสวี่จื้อไม่สามารถเข้าร่วมได้จริงๆ เธอจะหายไปภายในเวลาอีก 10 นาที!
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ที่จะสอบถามข้อมูลเอาไว้ก่อน ดังนั้นหลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็ถามว่า “แม้ว่าการอยู่ข้างนอกสำหรับฉันจะไม่ปลอดภัยก็จริง แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าหากฉันไปกับคุณแล้วจะปลอดภัยจริงๆ”
นี่เป็นคำถามปกติ หลายคนต่างคิดเช่นนี้
ดูเหมือนว่าหยานซ่งหลินจะถูกถามคำถามนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว เขาจึงยิ้มอย่างรู้เท่าทัน
“ผมเข้าใจว่าคุณกังวลเรื่องอะไร แต่ผมก็รับรองได้อย่างมั่นใจว่าหากไปกับเราจะไม่มีใครทำร้ายคุณได้อย่างแน่นอน”
มีความมั่นใจอย่างยิ่งในคำพูดของหยานซ่งหลิน และน้ำเสียงของเขาก็ทำให้สวี่จื้อรู้สึกแปลกๆ
“อะไรทำให้คุณมั่นใจถึงขนาดนั้น” เธอถาม
หยานซ่งหลินยิ้มและพูดว่า “ในฐานของเรา มีคนที่คอยตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนจะปลอดภัย และอันตรายจะไม่มาจากผู้คนรอบตัว”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ก็เกือบจะบอกเป็นนัยแล้ว
โลกนี้ไม่ได้มีเพียงคนธรรมดาอีกต่อไป มีผู้ปลุกพลังรวมอยู่ด้วย
ดูเหมือนในฐานของเขา จะมีผู้ปลุกพลังที่สามารถตรวจสอบคนรอบๆ ตัวได้
สวี่จื้อ คิด เธออยากรู้จริงๆ มันเป็นสกิลพิเศษแบบใด มันเป็นพาสซีฟสกิล หรือแอคทีฟสกิล?
เธอยังรู้น้อยเกินไปเกี่ยวกับสกิลพิเศษ เธอจึงไม่สามารถบอกได้ว่าพลังต่างๆ มีสกิลพิเศษแบบไหนบ้าง หากไม่ใช่เพราะไม่มีเวลา สวี่จื้อก็คงอยากจะกลับไปพร้อมกับพวกเขาแล้วดูด้วยตาตัวเอง
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ถามว่า “จากที่นี่ ต้องใช้เวลากี่นาทีกว่าจะกลับไปถึงฐานของคุณ?”
“ประมาณครึ่งชั่วโมง”
“น่าเสียดาย” สวี่จื้อถอนหายใจด้วยความเสียดาย
หยานหรุ่ยรู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอได้รับการปกป้องอย่างดีจากครอบครัวก่อนวันสิ้นโลก เธอไม่ได้ทนทุกข์ทรมานมากนักหลังจากวันสิ้นโลกมาถึง ทำให้เธอไม่ค่อยมีประสบการณ์ และอ่านคนไม่ออกนัก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงประมาท และยังดูไร้เดียงสา
สำหรับฐานผู้ลี้ภัยที่เธออยู่นั้น เป็นสถานที่ๆ ดีจริงๆ อย่างน้อยก็ไม่เลวสำหรับพวกเธอสองพ่อลูก
“มีอะไรเหรอ ทำไมคุณถึงกลับไปพร้อมกับเราไม่ได้?” เสียงที่ไร้เดียงสาของเด็กสาวดังขึ้นหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นเด็กสาวที่อายุไม่ต่างกันมาก เธอก็รู้สึกใกล้ชิด และอยากได้เพื่อนใหม่
“เพราะว่านี่เป็นเพียงร่างโคลนที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังพิเศษของฉัน มันสามารถคงอยู่ได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ฉันจึงไม่สามารถกลับไปพร้อมกับพวกคุณได้”
เหตุผลที่สวี่จื้อตอบอย่าง ‘ตรงไปตรงมา’ ประการแรก เธอต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับฐานผู้ลี้ภัยแห่งนี้ หากเธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้งโดยบังเอิญ เธอก็อยากไปดูที่นั่นด้วยตาตัวเอง และพูดคุยกับพวกเขา
ประการที่สอง เพื่อให้คนอื่นๆ เข้าใจผิดเกี่ยวกับพลังพิเศษที่เธอมี มันเป็นข้อได้เปรียบที่ต้องประโยชน์อย่างแน่นอน
เป็นการดีที่สุดที่จะทำให้ผู้คนตัดสินผิดว่าพลังพิเศษของเธอคือ การสร้างร่างโคลน พวกเขาจะไม่ได้ไม่คิดจะทำสิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อตัวเธอ เพราะนั่นเป็นเพียงความพยายามที่สูญเปล่า
ยิ่งไปกว่านั้น การพูดแบบนี้ยังเป็นการบอกว่าตัวเธอนั้นเป็นหนึ่งในผู้ปลุกพลัง ซึ่งช่วยให้เธอเข้าตากอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น และเมื่อได้พบหน้า และพูดคุยกันครั้งต่อไป พวกเขาก็ต้องปฏิบัติต่อเธออย่างจริงจัง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สวี่จื้อก็ถามตรงๆ "ที่แห่งนี้เรียกว่าอะไร มีสถานที่ใกล้เคียงอะไรบ้าง?"
หยานซ่งหลินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตอบว่า “ที่นี่คือชุมชนวิลล่าหนานซาน บริเวณใกล้เคียงมีสถานีรถไฟใต้ดิน โรงเรียนประถมฉงหมิง และสนามกอล์ฟกันหมิง”
เมื่อสวี่จื้อได้ยินชื่อ เธอก็รู้ว่านี่คือ ‘พื้นที่ของคนรวย’
สวี่จื้อถามสถานที่ใกล้เคียงเพื่อที่เธอจะได้ค้นหาได้อย่างรวดเร็ว หากบังเอิญสุ่มเกิดแถวๆ นี้อีก
หยานซ่งหลินรู้สึกสับสนเล็กน้อย ปกติแล้วทุกคนในเมืองต่างรู้จักชุมชนวิลล่าหนานซาน
ที่นี่เป็นสถานที่ๆ มีชื่อเสียงที่สุดในเมือง มันโด่งดังมากจนคนนอกส่วนใหญ่ก็ยังเคยได้ยินชื่อ
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจตอบ ประการแรก สวี่จื้อไม่ได้ถามถึงที่ตั้งของฐานตรงๆ การค้นหาที่ตั้งจริงๆ จากบริเวณกว้างขวางรอบๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะหลังจากเมืองเต็มไปด้วยหมอก และอันตราย ประการที่สอง เขาเชื่อใจในพลังของผู้คนที่อยู่ที่นั่น
มีผู้ปลุกพลังหลายคนในหมู่พวกเขา แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนาร้าย แต่หยานซ่งหลินก็มั่นใจว่าพวกเขาสามารถรับมือได้
นอกจากนี้ เขาเชื่อใน ‘บุคคลนั้น’ หากมีบางอย่างแปลกๆ กับสวี่จื้อ อีกฝ่ายก็จะสามารถบอกได้ในทันที
เมื่อสวี่จื้อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป เขาก็พูดต่อว่า “แซ่ของฉันคือสวี่ ครั้งต่อไปที่เราพบกัน ฉันก็อยากไปที่ฐานของคุณสักครั้ง หวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นเราจะได้แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน”
“อีกอย่าง ฉันค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับคนๆ นั้นที่คุณพูดถึงไม่น้อย”
หลังจากที่สวี่จื้อพูดด้วยรอยยิ้ม หยานซ่งหลินดูเหมือนจะตอบรับด้วยความสงบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาพึมพำอยู่ในใจว่าเด็กสาวคนนี้แม้จะดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่ก็ทำให้รู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
เขาไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ตอนแรกเธอดูเหมือนจะระวังตัวมาก ทันใดนั้นเธอก็เปิดเผยว่าตัวเองเป็นผู้ปลุกพลัง และบอกความสามารถของตัวเองเสร็จ
และตอนนี้เธอก็ไม่ได้เก็บความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคนที่เขาพูดถึง และฐานเป็นความลับเลย และไม่กลัวว่าความอยากรู้อยากเห็นนี้จะดึงดูดความสนใจของใคร
เธอไม่รู้ว่านี่คือชุมนุมวิลล่าหนานซาน ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่หรืออยู่ใกล้บริเวณแถวๆ นี้แน่นอน แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ได้ยังไง
ทุกคนต่างรู้ดีว่า ในช่วงเช้าตรู่ ไม่ควรออกมาเตร็ดเตร่ข้างนอก และตอนนี้ก็เป็นเวลาตีห้าครึ่งแล้ว
ทันใดนั้น เด็กสาวลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางสายหมอก ซึ่งทำให้หยานซ่งหลิน และหยานหรุ่ยรู้สึกระแวดระวัง แต่ก็แฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย