ตอนที่ 1575 ศรัทธาแห่งดินแดนหยาน (ฟรี)
ตอนที่ 1575 ศรัทธาแห่งดินแดนหยาน
“คนตาบอดคนไหนที่กล้าทำลายหลุมศพ?! ช่างชั่วร้ายซะจริง! บรรพบุรุษของพวกมันคงจะต้องอับอายขายหน้าแน่ๆ!” หยวนเอ๋อกับหอยสังข์ที่กำลังจะออกจากหุบเหวได้ยินเสียงด่าทอ
หยวนเอ๋อกับหอยสังข์มองไปยังทิศทางของเสียง พวกนางเห็นร่างหนึ่ง
“หลังจากที่เสาหลักแห่งหายนะตุนซางถล่มลงมา มีคนมากมายจากเก้าดินแดนมาที่นี่” ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งที่ติดตามพวกนางมากล่าว
เมื่อเทียบกับเสาหลักแห่งหายนะต้นอื่นๆ แล้ว ตอนนี้ตุนซางนั้นปลอดภัยกว่า เพราะยังไงซะที่นั่นก็ยังคงมีสัตว์ร้ายน้อยกว่า
“เขาเป็นใคร?”
“ไอ้สารเลว! กล้าดียังไงถึงได้มาทำลายหลุมศพ? อย่าได้ให้ข้าเจอตัวเจ้าเชียวนะ! ไม่อย่างงั้นข้าจะถลกหนังเจ้าทั้งเป็นก่อนจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!” ชายคนนั้นเริ่มด่าทออีกครั้ง ทันทีที่มีคนถาม
“ไปดูกันเถอะ” หยวนเอ๋อพูดอย่างอยากรู้อยากเห็น
“คุณหนูฉี การที่พวกเราจะกลับไปตอนนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ”
“เรื่องนี้ก็สำคัญเช่นกัน”
หยวนเอ๋อไม่สนใจผู้ฝึกยุทธที่พยายามจะหยุดนาง นางเดินเข้าไปหา
หอยสังข์ติดตามนางไป
คนอื่นๆ ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องติดตามพวกนางไป
“มหาเซียนต้วนมู่?!” หยวนเอ๋อที่เดินเข้าไปหาเห็นชายคนนั้น รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
ต้วนมู่เตียนก็ตกใจเช่นกัน เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนสามารถเข้ามาใกล้เขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“มหาเซียนต้วนมู่กลับไปที่ดินแดนแห่งความว่างเปล่าแล้วไม่ใช่เหรอ? ท่านมาทำอะไรที่นี่?” ลูกน้องของจักรพรรดิซางจางที่เห็นต้วนมู่เตียนงุนงง
พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าต้วนมู่เตียนคือผู้พิทักษ์เสาหลักแห่งหายนะตุนซาง
“ยังไงซะข้าก็ยังคงเฝ้าเสาหลักแห่งหายนะที่ตุนซางมานาน การที่ข้าจะผูกพันกับมันนั้นเป็นเรื่องปกติ ในฐานะผู้พิทักษ์สถานที่แห่งนี้ การที่ข้าจะมาดูบ้างนั้นเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?” ต้วนมู่เตียนที่มองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อยกล่าว
“แน่นอน! แน่นอน!” หยวนเอ๋อหัวเราะคิกคัก “มหาเซียนต้วนมู่ ท่านกำลังด่าใครอยู่?” นางถาม
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่นึกถึงคนที่ข้าเกลียดในอดีต ข้าอยากจะทำลายหลุมศพนี้ทิ้งจริงๆ!” ต้วนมู่เตียนกระทืบเท้าลงบนพื้นดินจนเป็นหลุม
“ตกลง เชิญท่านทำต่อไป พวกเราขอตัวก่อน” หยวนเอ๋อพยักหน้า
“ข้าไม่ไปส่งพวกท่านหรอก”
หยวนเอ๋อ หอยสังข์ และลูกน้องของจักรพรรดิซางจาง บินจากไป
“ผู้อาวุโสลู่ อย่าได้โทษข้าเลย ข้าหวังว่าดวงวิญญาณของท่านบนสวรรค์จะปกป้องพวกเรา” ต้วนมู่เตียนที่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหันกลับไปมองพื้นดินที่เป็นหลุม
ลู่โจวกับวิซาร์ดปรากฏตัวขึ้นที่เส้นทางอักษรโบราณในศาลาปีศาจลอยฟ้าแห่งดินแดนดอกบัวทองคำ
ลู่โจวเห็นภูเขาทองคำเมื่อเขาเดินออกมาจากโถงอักษรรูน
นี่คือสถานที่ที่เขาเคยอยู่มานาน การที่เขาจะรู้สึกตื้นตันใจเมื่อกลับมายังสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก
ลู่โจวถอนหายใจ เขาลูบวิซาร์ดก่อนจะบินไปยังห้องโถงหลักของศาลาปีศาจลอยฟ้า ระหว่างทางเขาเห็นสี่ผู้อาวุโส
บางทีพลังฝึกฝนของลู่โจวอาจจะถึงขีดสุดแล้ว พวกเขาจึงไม่รู้ตัวว่าเขามา
“สี่ผู้อาวุโส สบายดีกันรึเปล่า?” ลู่โจวที่มองดูพวกเขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
สี่ผู้อาวุโสเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในทันที
ในเมื่อลู่โจวอยู่ในหุบเหวมานาน ผมและหนวดเคราของเขานั้นค่อนข้างยาว ตอนแรกสี่ผู้อาวุโสจำเขาไม่ได้ แต่พวกเขารู้จักวิซาร์ดและชุดคลุมวิเศษเป็นอย่างดี
“คารวะท่านเจ้าศาลา” เล้งลั่ว ซูยู่ชู ฝานหลี่เทียน และฮัววู่เด๋า โค้งคำนับพร้อมเพรียงกัน พวกเขาทักทายลู่โจวด้วยเสียงอันดัง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูสงบนิ่ง แต่พวกเขาก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะยังไงซะ 100 ปี ก็ผ่านไปแล้ว
ลู่โจวพยักหน้า เขากระโดดลงจากหลังวิซาร์ดและร่อนลงสู่พื้นดินตรงหน้าสี่ผู้อาวุโส เขายืนเอามือไขว้หลังและพยักหน้า
จากนั้นฝานจง ฮัวเยว่ซิง และโจวจีเฟิง ก็รีบวิ่งมาจากที่ไกลๆ เมื่อพวกเขาเห็นลู่โจว พวกเขาก็ตกตะลึง พวกเขาคิดว่าตัวเองคงจะตาฝาด พวกเขาลูบตาตัวเองก่อนจะมองดูลู่โจวอีกครั้ง เขาคนนั้นคือเจ้าศาลาแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย “คารวะท่านเจ้าศาลา!” พวกเขารีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“ไม่ต้องมีพิธีรีตอง” ลู่โจวโบกมือ
“ทำไมพวกเจ้าถึงได้มีน้อยขนาดนี้? คนอื่นๆ อยู่ที่ไหน?” ลู่โจวถามอย่างไม่เข้าใจหลังจากที่พวกเขาลุกขึ้นยืน
สี่ผู้อาวุโสก้มหัวลงด้วยความรู้สึกผิด พวกเขารีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “พวกเราไม่สามารถปกป้องเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนั้นได้ นางถูกดินแดนแห่งความว่างเปล่าจับตัวไปแล้ว”
ลู่โจวขมวดคิ้ว อารมณ์ของเขาทรุดลง “เกิดอะไรขึ้น?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
สี่ผู้อาวุโสเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาออกจากหุบเขาหอมหมื่นลี้ให้ฟัง จากนั้นพวกเขาก็ยังคงพูดถึงเรื่องที่ศิษย์จะต้องแยกย้ายกันไปในแต่ละดินแดนเพื่อที่จะรักษาสมดุลเอาไว้
“ข้าได้ยินมาว่าดินแดนแห่งความว่างเปล่ามีวัตถุที่สามารถระบุตำแหน่งพวกเราได้ แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้น คนที่ชื่อฉีเชิงคนนั้นเจ้าเล่ห์มาก มันเหมือนกับว่าเขารู้ว่าพวกเราจะปรากฏตัวขึ้นที่ไหน” ฝานหลี่เทียนกล่าว
“ฉีเชิง?” ลู่โจวขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“เขาเป็นผู้นำคนใหม่แห่งโถงถูเว่ย แต่มันค่อนข้างแปลก พลังฝึกฝนของเขานั้นสูงส่งกว่าข้ามาก แต่ตอนที่พวกเราสู้กัน ข้ารู้สึกได้ว่าเขากำลังออมมือ” ฝานหลี่เทียนกล่าว
“พี่ชาย ข้าไม่รู้ว่าทำไม แต่ข้ารู้สึกว่าเขาดูเหมือนกับศิษย์คนที่เจ็ดของท่าน เขาบอกว่าเขาเป็นบุตรคนที่เจ็ด แบบนี้แสดงว่าท่านเจ็ดยังคงมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?” ซูยู่ชูกล่าว
ผู้อาวุโสอีกสามคนก็นึกถึงเรื่องนี้เช่นกัน หลังจากที่หยวนเอ๋อถูกจับตัวไป พวกเขาก็นึกถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา พวกเขารู้สึกว่าวิธีการของฉีเชิงนั้นค่อนข้างจะคล้ายคลึงกับสีวู่หยา
“แต่ยู่เฉิงไห่เป็นคนโยนร่างของเขาลงไปในมหาสมุทรไม่มีที่สิ้นสุดด้วยตัวเอง แล้วแบบนี้เขาจะยังคงมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?” ฮัววู่เด๋าพูดอย่างไม่เข้าใจ
แม้แต่ลู่โจวก็ยังคงรู้สึกงุนงง ไม่มีอะไรสามารถหลอกตาเขาได้ เขาเชื่อมั่นในพลังของตัวเองมาก อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องสงสัย เมื่อ 100 ปีก่อน เขาเคยพยายามที่จะใช้พลังแห่งการมองดูศิษย์คนที่เจ็ดของเขา แต่ระบบกลับบอกว่าเป้าหมายไม่ถูกต้อง ซึ่งพิสูจน์ว่าศิษย์คนที่เจ็ดของเขาตายไปแล้ว แต่ฉีเชิงที่สี่ผู้อาวุโสพูดถึงนั้นทำให้เขารู้สึกสงสัย
“หากฉีเชิงคือท่านเจ็ด ทำไมเขาถึงได้ช่วยดินแดนแห่งความว่างเปล่าจับศิษย์ร่วมสำนักของเขาล่ะ?” ฮัววู่เด๋าถามอีกครั้ง
มีหลายเรื่องที่อธิบายได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังคงไม่มีวิธีพิสูจน์ตัวตนของฉีเชิง
“พวกท่านก็คงจะรู้นิสัยใจคอของเขาอยู่แล้ว สถานที่ที่อันตรายที่สุดก็ยังคงสามารถเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดได้ พวกเราไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่เขาทำแบบนั้นเพื่อที่จะปกป้องทุกคน” เล้งลั่วกล่าว
“ท่านพูดถูก” ฮัววู่เด๋าพยักหน้า
“ไม่อย่างงั้นเขาก็คงไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิตทุกคน” เล้งลั่วกล่าวเสริม
“แบบนี้แสดงว่าฉีเชิงคือท่านเจ็ดจริงๆ งั้นเหรอ?”
“หากเป็นท่านเจ็ดจริง แบบนี้แสดงว่าเขาคงจะต้องเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาปลุกชีพแน่ๆ”
ลู่โจวก็กำลังสงสัยว่าฉีเชิงคือศิษย์คนที่เจ็ดของเขารึเปล่า? ในขณะที่สี่ผู้อาวุโสกำลังพูดคุยกัน “ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องคิดมากหรอก หากเป็นเจ้าเจ็ดจริงๆ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่หากไม่ใช่...” เขาหัวเราะเยาะ “ข้าจะสั่งสอนมันเอง” เขากล่าวอย่างจริงจัง
ไม่ว่าฉีเชิงจะเป็นมิตรหรือศัตรู มันก็ยังคงมีเหตุผล ยังไงซะทุกคนก็ยังคงรู้สึกสงสัย เพราะยังไงซะพวกเขาก็ยังคงได้เห็นการตายของสีวู่หยา ยิ่งไปกว่านั้นการที่จะเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาปลุกชีพนั้นเป็นเรื่องยาก แม้แต่ลู่โจวก็ยังทำไม่ได้
แต่ถึงแบบนั้นทุกคนก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะมีความหวัง หากไม่มีความหวังแล้ว ชีวิตจะมีความหมายอะไรกัน?
“คนอื่นๆ อยู่ที่ไหน?” ลู่โจวถาม
“ทูตซ้ายขวา เฉินซี และหลี่เซี่ยวโม่ กลับไปที่ดินแดนดอกบัวดำแล้ว ตอนนี้พลังของดินแดนดอกบัวดำนั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก เพราะตลอด 100 ปี ที่ผ่านมา สภาหอคอยทมิฬได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะไม่ให้ส่งผลกระทบต่อศาลาปีศาจลอยฟ้า พวกเขาจึงได้กลับไปที่ดินแดนดอกบัวดำ” ฝานจงอธิบาย
“ผู้พิทักษ์เม้งไปพักผ่อนที่วิหารพันหลิวในฐานะแขก หากท่านเจ้าศาลาสั่งการ เขาจะรีบกลับมาทันที”
“คงเหวินกับพี่น้องของเขากลับไปที่บ้านเกิดในดินแดนดอกบัวเขียว พลังมากมายในดินแดนดอกบัวเขียวกำลังจับตาดูศาลาปีศาจลอยฟ้า พันธมิตรแห่งความมืดและความสว่างของดินแดนดอกบัวดำและราชวงศ์ได้พาคุณหนูหงฝูไป พวกเขาตกลงที่จะสนับสนุนศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นการแลกเปลี่ยน”
“ฉินไน่เหอเดินทางไปมาระหว่างดินแดนดอกบัวทองคำกับดินแดนดอกบัวเขียว ด้วยความห่วงใยที่ปรมาจารย์ฉินมีต่อศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้ว ทุกอย่างจึงค่อนข้างสงบสุข” ฝานจงกล่าวอย่างสบายๆ แต่ความจริงแล้วชีวิตของคนของศาลาปีศาจลอยฟ้านั้นค่อนข้างยากลำบาก
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ข่าวการตายของลู่โจวแพร่สะพัดออกไป การที่พวกเขาจะไม่มีผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทำให้คนมากมายในโลกแห่งการฝึกฝนเริ่มที่จะตีตัวออกห่างจากศาลาปีศาจลอยฟ้า หากไม่ใช่เพราะพลังเหล่านั้นที่คอยสนับสนุนศาลาปีศาจลอยฟ้า ศาลาปีศาจลอยฟ้าคงจะต้องถูกทำลายไปนานแล้ว
ลู่โจวถอนหายใจหลังจากที่ได้ฟังฝานจง
เมื่อต้นไม้ล้ม ลิงก็ยังคงต้องกระจัดกระจาย เมื่อผู้นำล้มลง ผู้ติดตามก็ยังคงต้องแยกย้ายกันไป แต่ในทางกลับกัน เหตุผลที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ายังคงตั้งตระหง่านอยู่นั้นก็ยังคงเป็นเพราะความพยายามของผู้ติดตามเหล่านี้
“ในช่วงเวลาที่ข้าไม่อยู่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า พวกเจ้าคงจะต้องลำบากมาก” ลู่โจวกล่าว
“ท่านเจ้าศาลา อย่าได้พูดแบบนั้นเลย! ในเมื่อท่านกลับมาแล้ว ศาลาปีศาจลอยฟ้าของพวกเราจะต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!” ฝานจงกล่าวอย่างตื้นตันใจ
“บอกเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้ บอกให้พวกเขากลับมา!” ลู่โจวที่พยักหน้ากล่าว
“ครับ!”
ทุกคนโค้งคำนับ พวกเขารู้ว่าตอนนี้ศรัทธาแห่งดินแดนหยานได้กลับมาแล้ว!