ตอนที่ 140: พื้นที่ภายในถ้ำ!
บนเรือรบควบคุม
เมื่อเห็นภาพมังกรบนจอ วังชื่อฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียด ท่าทีของเขาก่อนหน้านี้ที่มั่นใจอย่างเต็มที่ว่าหลี่เหยาจะไม่มีทางเอาชนะผู้เข้าสอบคนอื่นได้หากไม่มีท่าไม้ตาย ตอนนี้ดูจะกลายเป็นการคาดการณ์ที่ผิดถนัด เพราะหลี่เหยากลับเรียกมังกรออกมา
นี่มันอะไรกัน! มี “อาวุธนิวเคลียร์” ขนาดนี้ ทำไมเขาไม่เรียกมันออกมาตั้งแต่แรก! มังกรที่เป็นสัตว์ในตำนานแบบนี้คือการโจมตีแบบลดระดับ!
ต่อให้เป็นทีมของซื่อซีเซี่ยรวมกับจีหยวนก็คงไม่อาจต้านทานมังกรนี้ได้!
วังชื่อฮุยรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า ราวกับมีใครเยาะเย้ยเขาในใจ และแม้ว่าหลี่เหยาจะเรียกมังกรออกมาเพื่อช่วยผู้เข้าสอบ แต่วังชื่อฮุยก็ยังรู้สึกอับอายที่ตนเองประเมินหลี่เหยาต่ำเกินไป ทว่าเมื่อพิจารณาว่าพลังของหลี่เหยาจะเพิ่มโอกาสให้ผู้เข้าสอบรอดชีวิตมากขึ้น วังชื่อฮุยก็พยายามวางท่าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาหันไปถามเซวี่ยจิ่วหลันอย่างสงสัยว่า “แม่ทัพเซวี่ย รู้หรือเปล่าว่าเด็กนี่มีมังกรอยู่ในมือ?”
ซูชางชิงกับอู๋ฮว๋าเชียนซวงที่มองจอตาไม่กะพริบก็เช่นกัน พวกเขาทั้งสองดูทึ่งและสงสัยว่ามังกรตัวนี้มีพลังแค่ไหน อาจเป็นโอกาสที่ทำให้สถานการณ์นี้กลับมาดีขึ้นได้ แต่เซวี่ยจิ่วหลันเพียงส่ายหน้า “ฉันไม่รู้แน่ชัดว่ามีทักษะอะไรบ้าง แต่น่าจะยังไม่ได้รับการเสริมพลังมากนัก ดูเหมือนหลี่เหยาจะเน้นการพัฒนา
ตั๊กแตนของเขามากกว่า”
ผู้อำนวยการคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ซูชางชิงกล่าวปลอบใจว่า
“แต่อย่างน้อยตอนนี้หลี่เหยามาถึงแล้ว ผู้เข้าสอบก็คงทนได้นานขึ้นอีกหน่อย”
บนจอแสดงให้เห็นภาพฝูงแมลงบินแตกตื่นหนีมังกร ทุกคนดีใจขึ้นเล็กน้อย
“นี่น่าจะเป็นการที่อสูรในห่วงโซ่อาหารระดับสูงทำให้อสูรระดับล่างต้องหลีกหนี” ซูชางชิงกล่าวอย่างตื่นเต้น “ถ้าหลี่เหยาใช้มังกรยึดครองท้องฟ้า แมลงพวกนี้คงจะระวังตัวขึ้น ไม่กล้าโจมตีผู้เข้าสอบง่าย ๆ”
อู๋ฮว๋าเชียนซวงพยักหน้าเห็นด้วย “ถือว่าทำได้ดี แค่ให้มังกรอยู่ใกล้ ๆ ปากถ้ำที่แมลงออกมา ก็เพียงพอจะสร้างแรงกดดันสูงสุดได้แล้ว ดูท่าเราจะประเมิน
หลี่เหยาต่ำเกินไป”
แต่ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ภาพความเสียหายบนหน้าจอปรากฏตัวเลขนับไม่ถ้วน แต่ละตัวเลขสูงจนน่าตกใจ
“เขาทำอะไรลงไป?”
ภาพบนจอถูกฉาบไปด้วยแสงสีแดงจากไฟร้อนแรงที่พ่นออกมาจากมังกร
ความร้อนจากลมหายใจเพลิงนั้นทำให้ทุกคนในห้องควบคุมสัมผัสได้ราวกับเป็นของจริง
“แสนแต้ม?”
“ยังเป็นการโจมตีวงกว้างอีก?”
วังชื่อฮุยหันไปจ้องเซวี่ยจิ่วหลันด้วยสายตาที่ยากจะเชื่อ “นี่น่ะเหรอที่คุณบอกว่ายังไม่แข็งแกร่ง?”
ซูชางชิงยังไม่หายตะลึง “สัตว์อัญเชิญไม่สามารถมีเลเวลเกินกว่าผู้เรียกได้
ถ้าอย่างนั้นมังกรตัวนี้ก็น่าจะไม่เกินเลเวล 20 กว่า ๆ แต่ยังไงถึงสร้างความเสียหายระดับนี้ได้!”
พวกเขาคาดการณ์ถึงพลังของมังกร แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะถึงขั้นนี้!
“เป็นไปไม่ได้! ความเสียหายแบบนี้น่าจะเป็นท่าไม้ตาย แล้วทำไมเขาใช้มันเร็วขนาดนี้? ทำไมไม่ใช้ไปจัดการตัวอ่อนแยกกระดูกก่อน?” วังชื่อฮุยกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดาย เพราะต่อให้แมลงพวกนี้จะจัดการยาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นตัวอ่อนแยกกระดูกระดับจอมทัพที่เลเวล 47
สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงยิ่งกว่าคือ หลี่เหยาพุ่งตัวลงจากหลังมังกรตรงไปที่ปากถ้ำ!
ฝูงแมลงหนาแน่นจนจอแทบมองไม่เห็นอะไรข้างใน
“เขากำลังจะทำอะไร?” อู๋ฮว๋าเชียนซวงกล่าวอย่างไม่เชื่อสายตา
“แมลงจำนวนมหาศาลขนาดนี้ ต่อให้เป็นมังกรก็ยังรับมือไม่ไหว! หากพลังหมดลงในถ้ำ แมลงพวกนี้ก็จะกรูกันเข้ามาอย่างไม่รู้จบ แล้วถึงตอนนั้นก็คงหนีออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
เซวี่ยจิ่วหลันหยุดสิ่งที่ทำอยู่และจ้องจอด้วยความสนใจ หลี่เหยาคิดจะทำลายแมลงพวกนี้ที่ต้นตอเลยหรือ?
เซวี่ยจิ่วหลันครุ่นคิดถึงสถานการณ์ของหลี่เหยา ถ้าเธออยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขา ที่ต้องเผชิญหน้ากับฝูงอสูรนับไม่ถ้วนในพื้นที่คับแคบ
คงไม่มีโอกาสรอดชีวิตแน่นอน
หลี่เหยาไม่รู้ถึงความกังวลของเหล่าผู้เฝ้าดู เขาเพียงบินลึกลงไปในถ้ำด้วยความเร็วสูงพร้อมกับมังกรปีกดำ
เมื่อมาถึงพื้นถ้ำ มังกรดำกระแทกลงจนเกิดฝุ่นคละคลุ้ง ที่น่าประหลาดคือ แม้ว่าหน้าปากถ้ำจะเต็มไปด้วยฝูงแมลงบินที่พุ่งออกมาไม่หยุด แต่ภายในถ้ำกลับมีแมลงเพียงไม่กี่ตัวบินผ่านเหนือศีรษะ หลี่เหยาสงสัยว่าพวกมันอาจจะเป็นแค่สิ่งที่ถูกเรียกออกมา ไม่ใช่อสูรทั่วไป เพราะแม้จะฆ่าไปมากมาย แต่ก็ได้ค่าประสบการณ์เพียงเล็กน้อยและไม่มีไอเท็มใดหล่นมาเลย
หลี่เหยาเดินลึกเข้าไปในถ้ำ มังกรดำตามหลัง กลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นคาวปลาโชยมา ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว
หลังจากเดินไปสักพัก แสงหนึ่งก็สาดลงมาตรงหน้า นั่นคือจุดกำเนิดของพลังงานอันน่าสะพรึงที่เขาสัมผัสได้ หลี่เหยามองไปรอบๆ ก่อนก้าวเข้าไปในจุดที่แสงส่องถึง และทันทีที่เขาก้าวผ่านช่องแคบ ภายในนั้นกลับเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ และตรงกลางเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่ที่มีรูปทรงคล้ายพีระมิด ยอดแหลมของมันกำลังพ่นแมลงบินออกมาไม่หยุด ราวกับภูเขาไฟที่ปะทุออกมาเป็นแมลงแทนที่จะเป็นลาวา
แต่แล้ว เสียงแหบต่ำก็ดังขึ้น “รอเจ้าอยู่นานแล้ว เจ้าผู้ใช้พลังมนุษย์”
หลี่เหยาหันไปมองชายหนุ่มในชุดเกราะสีม่วงเข้ม นั่งอยู่บนก้อนหินใกล้ๆ
เขามีเขายาวเกือบครึ่งเมตรงอกออกมาจากหัว ผิวสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยรอยแตกเผยให้เห็นว่าเขาไม่ใช่มนุษย์แน่นอน
หลี่เหยาลองใช้ทักษะประเมินดูตามปกติ แต่ระดับของอีกฝ่ายสูงเกินไปจนไม่สามารถประเมินได้
ชายเขายาวขมวดคิ้ว “นี่เหรอทักษะประเมินของมนุษย์? ทำไมมันน่ารำคาญแบบนี้”
เขายืนขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่รอยแตกบนใบหน้าค่อยๆ ขยายออก เผยให้เห็นฟันแหลมคมเรียงราย “ดูเหมือนระดับของเจ้าต่ำเกินไปที่จะประเมินข้าได้ งั้นข้าจะบอกให้ก็แล้วกัน”
“ข้าคือไททัน—เทพสมญานาม”
“ในระดับของพวกเจ้า ข้าคือ...ระดับจอมทัพ”
พูดจบ พลังสีเลือดอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากตัวเขา กลายเป็นคลื่นความกดดันที่ราวกับมีอสูรร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตรงมาที่หลี่เหยา
หลี่เหยามองด้วยสีหน้าเย็นชา “ตั้งแต่ข้าเข้ามาในเขตป้องกัน เจ้าก็รับรู้ถึงการมาของข้าแล้วสินะ? แต่กลับไม่กล้าออกมา เจ้าเอาแต่หลบอยู่ในรูสกปรกแบบนี้ แล้วคิดจะขู่ข้าด้วยพลังน้อยนิดนี่งั้นหรือ?”
ท่ามกลางบรรยากาศอันตึงเครียด พลังสีน้ำเงินสดใสพลันแผ่ซ่านออกมาจากตัวหลี่เหยา เป็นพลังที่เกิดจากความแข็งแกร่งภายในที่แท้จริงและแผ่พุ่งกดดันใส่อีกฝ่าย
ทันใดนั้นเอง คลื่นพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกัน ทำให้เกิดคลื่นอากาศกระจายออกไปทั่ว ถ้ำสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลาย